ฤาขั้วอำนาจจะเปลี่ยนมือ?

ฤาขั้วอำนาจจะเปลี่ยนมือ?

ฤาขั้วอำนาจจะเปลี่ยนมือ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : สัญญาณทั้งหมดเริ่มต้นที่การเผชิญหน้ากันของยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลีอย่าง ยูเวนตุส กับโคตรทีมแห่งเยอรมันอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ก่อน "ม้าลาย" จะโดนสอนบอลไปด้วยสกอร์รวม 4-0 ชนิดที่ไม่มีหือไม่มีอือ จนสุดท้ายแล้วเหลือเพียงแค่ทีมจากสองชาติที่มีอันดับสูงสุดใน ฟีฟ่า แรงกิ้งค์ เท่านั้น

สเปน คือชาติที่ครองความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังโลกมาในช่วง 4-5 ปีหลัง ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติหรือสโมสร ขณะที่ทัพ "อินทรีเหล็ก" ของเมืองเบียร์คือผู้ที่เข้ามาท้าชนและเป็นตัวเต็งอยู่ในหลายทัวร์นาเมนต์ แต่กับสโสรก็คงมี "เสือใต้" ที่ผงาดสร้างชื่อในเวทียุโรปรอบลึกๆ ผิดกับที่แดนกระทิง ยังมีสองขั้วสโมสรยักษ์อย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ที่เขย่าเวทีสโมสรให้สะเทือนเลือนลั่นมาได้หลายทศวรรษ

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในค่ำคืนวันที่ 23 เมษายน เมื่อกองทัพ "อินทรีโลหะ" จากเยอรมัน ระดมอาวุธครบมือแสดงแสนยานุภาพของชาวโลกด้วยการสอยยานแม่ของมนุษย์ต่างดาวจากแคว้นกาตาลันร่วงชนิดเป็นผุยผง ครับ ผมพูดถึงการที่ บาเยิร์น มิวนิค ไล่ยำทีมที่ได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของจักรวาลอย่าง บาร์เซโลน่า ย่อยยับถึง 4-0 ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศนัดแรก เป็นการสัญญาณเตือนที่เริ่มส่งเสียงให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นแล้วว่า "บาร์ซ่า" ก็พังเป็น

บทพิสูจน์สำคัญที่ "เสือใต้" ทำให้ทั้งโลกเห็นว่า การไล่ถล่ม "บาร์ซ่า" ทำยังไง

แต่ผ่านไปเพียงชั่วข้ามคืน สัญญาณกลับเตือนดังกว่าเดิม ให้โลกลูกหนังได้รับรู้กันชัดเจนว่า สโมสรจากสเปน ไม่ใช่ทีมที่ไร้เทียมทานแต่อย่างใด เมื่อ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อีกทีมจากเมืองเบียร์ก่อเหตุฆาตกรรมหมู่ เรอัล มาดริด "ราชันชุดขาว" จากสเปน ผู้กำลังไล่ล่าแชมป์ "บิ๊กเอียร์" สมัยที่ 10 ไปถึง 4-1 ทำให้ยิ่งเป็นการตอกแสกหน้าถึงผลโหวต 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม หรือ ฟิพโปร ของ ฟีฟ่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาในทันที เพราะ 10 จาก 11 คนในทีมยอดเยี่ยมนั้น อยู่ในสองทีมจากแดนกระทิงดุที่พังพาบไม่มีชิ้นดีในการไปเยือนดินแดนแห่งเบียร์และไส้กรอกไปในสองคืนดังกล่าว

 

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็แสดงคำว่า "เหนือกว่า" ต่อทีมแชมป์ 9 สมัย ให้สายตาแฟนบอลได้ประจักษ์เช่นกัน

การประกาศผลผู้เล่นทีมยอดเยี่ยมของ ฟีฟ่า ขัดใจแฟนบอลทั่วโลก เนื่องจากผลโหวตปรากฎว่าผู้เล่นมาจาก มาดริด และ "บาร์ซ่า" ถึง 10 คน และ ราดาเมล ฟัลเกา เป็นหนึ่งเดียวจากทีมอื่น โดยไม่มีแม้แต่เงาของนักเตะในสองทีมที่ไปถึงรอบชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนั้นอย่าง บาเยิร์น มิวนิค และ เชลซี หรือทีมชาติ อิตาลี ที่ไปถึงรอบชิง ยูโร 2012 เลยแม้แต่คนเดียว

ดังนั้นเหตุการณ์ "อินทรีเหล็ก" ทิ้งบอมใส่ฝูง "กระทิง" เมื่อสองคืนดังกล่าว กลายเป็นการตอกย้ำว่าผลที่ ฟีฟ่า เอาการลงคะแนนเสียงมาเป็นตัวตัดสิน ไม่ได้เป็นการบอกเลยว่านั่นคือ 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง

ผลงานของทีมจากเยอรมันในเวทียุโรปในฤดูกาลนี้ เรียกว่าน่าดูชมอยู่ไม่น้อย เพราะหากเทียบกับซีซั่นที่แล้ว แชมป์ บุนเดสลีกา ในฤดูกาลนั้นอย่าง "เสือเหลือง" จอดป้ายด้วยการเป็นบ๊วยรอบแบ่งกลุ่ม แต่มาคราวนี้ ทั้ง 3 ทีมผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาแบบสวยหรูด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มทั้งสิ้น แถมทะลุมาได้ถึงรอบตัดเชือกถึง 2 ทีม ขณะที่แม้ทีมจากสเปนจะเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมได้มากกว่า แต่ มาลาก้า ก็โดน ดอร์ทมุนด์ เชือดอยู่ดี

 

ครั้งล่าสุดที่สองขั้วอำนาจลูกหนังต้องประมือกันคือเกมฟุตบอลโลก 2012 รอบตัดเชือก และเยอรมันแพ้ไป 0-1

ย้อมกลับไปถึงศึก ยูโร 2012 ที่ยูเครน และ โปแลนด์ เป็นพลพรรค "กระทิงดุ" ที่คว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ เยอรมันไปได้เพียงแค่รอบรองชนะเลิศเท่านั้น ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่ายุคทองของสเปนจะยังมีต่อไปอีกสักพัก ประกอบกับผลงานของ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ในยุโรป ที่ยังร้อนแรงน่ากลัว แถมมีดวงเข้าข้าง ทำให้ทีมจากแดนกระทิง เรียกได้ว่าแทบจะไร้เทียมทานไปแล้วในสายตาหลายๆ คน

จะว่าไป นักเตะส่วนใหญ่ในทีมชาติสเปนก็มาจาก "ราชันชุดขาว" และ "เจ้าบุญทุ่ม" อยู่แล้ว ทำให้ผลงานในระดับสโมสรและระดับชาติออกมาสอดคล้องกัน ดังนั้นหากคิดด้วยตรรกะเดียวกัน หากเอานักเตะเยอรมันในทีม "เสือใต้" และ "เสือเหลือง" มาผนวกรวมกัน มันก็กลายเป็นทีมชาติเยอรมันได้เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อผลงานจากทีมสโมสรดีขนาดนี้ ผลงานในทีมชาติก็มีสิทธิ์จะดีไปด้วยเหมือนกัน

ถึงเวลาหรือยังที่กองเชียร์เมืองเบียร์จะได้เห็นชาติตัวเองสัมผัสความสำเร็จบ้าง หลังจากห่างหายมาตั้งแต่ปี 1996

แต่ก็อย่างว่า สงครามไม่จบอย่างเพิ่งนับศพทหาร เกมอาจจะพลิกอีกในเลกที่สองของศึก "บิ๊กเอียร์" ก็ได้ แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี ปีนี้อาจไม่มีทัวร์นาเมนต์ใหญ่ให้ทีมชาติเยอรมันสแดงฝีมือก็จริง แต่หากการชิงชนะเลิศในเวทียุโรป เป็นสองทีมจากเมืองเบียร์ต้องฟัดกันเองแล้ว รางวัลต่างๆ ในปีถัดไป มันก็ไม่ควรจะผูกขาดอยู่กับนักเตะในแผ่นดินสเปนแต่อย่างใด

ทั้งผู้เล่นยอดเยี่ยม หรือทีมยอดเยี่ยม มันคงถึงเวลาเปลี่ยนมือได้แล้ว และอาจจะเลยไปถึงผลงานของ "อินทรีเหล็ก" ที่อาจโหดขึ้นกว่าเก่า และเลยไปถึง ขั้วอำนาจลูกหนัง ที่อาจถึงเวลาเปลี่ยนฝั่งแล้วด้วยเช่นกัน

เรื่องโดย "FIATTA"

บาเยิร์น มิวนิค 4-0 บาร์เซโลน่า

ดอร์ทมุนด์ 4-1 เรอัล มาดริด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook