10 กุนซือสุดยี้ ณ พรีเมียร์ลีก

10 กุนซือสุดยี้ ณ พรีเมียร์ลีก

10 กุนซือสุดยี้ ณ พรีเมียร์ลีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : หลังจาก โจ คินเนียร์ ได้รับการแต่งตั้งให้กลับเข้ามาทำงานในสโมสรนิวคาสเซิ่ล อีกครั้งอย่างสุดช็อก ก็เกิดสงครามน้ำลายขึ้นมาทันทีจนกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของวงการลูกหนังฝั่งเมืองผู้ดีไปแล้ว

อดีตกุนซือวัย 66 ปีตกลงเซ็นสัญญา 3 ปีเพื่อรับหน้าที่ผู้อำนวยการฟุตบอลให้กับ "สาลิกาดง" ทว่าแฟนๆ กลับพร้อมใจกันตะโกนสวนกลับไปแทบจะในทันทีว่า "กรูไม่อยากได้เมิงโว้ย" พร้อมทั้งตราหน้า คินเนียร์ ว่า "ไอ้โง่" เสริมให้ด้วยหลังเจ้าตัวเคยมีส่วนสำคัญที่ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ตกชั้น ขณะที่ คินเนียร์ ก็ไม่ยอมแพ้และตอบโต้คืนไปว่า "กรูฉลาดกว่าพวกเมิงเยอะ" และดูท่าสงครามครั้งนี้คงจะไม่จบง่ายๆ แน่นอน

นี่ขนาดว่าไม่ได้กลับมารับงานเป็นกุนซือเหมือนเดิม ความกดดันยังไม่เยอะเพราะผลงานยังไม่ชัดขนาดเท่ากับตำแหน่งนั้นแฟนๆ ยังด่ากันขรมขนาดนี้ และถ้าหากว่าในอนาคต คินเนียร์ จับพลัดจับผลูโดดลงมาเป็นผู้จัดการทีมอีกครั้ง บรรดาแฟนๆ ซึ่งก็ไม่อยากจะได้เขาอยู่แล้วจะทำอย่างไร

ว่าแล้ว เดอะ ซัน สื่อจอมขุดคุ้ยแห่งเมืองผู้ดีก็ไวทายาทจัด 10 อันดับกุนซือแฟนบอลโคตรๆ จะไม่อยากได้มาให้ได้เสพกัน

10. จอร์จ เกรแฮม (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)

ตำนานกุนซืออาร์เซน่อล ย้ายออกจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด เพื่อไปรับงานคุมทีมกับคู่อริไม่เผาผีอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อปี 1999 พร้อมทั้งคว้าแชมป์ลีก คัพ มาประดับในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน ได้สำเร็จหลังเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้เพียง 5 เดือน สร้างความเจ็บกระดองใจให้กับสาวกของอดีตต้นสังกัดกันเล่นๆ ถึงอย่างนั้น เกรแฮม ก็ไม่เคยได้ใจแฟนๆ "ไก่เดือยทอง" โทษฐานที่เคยเป็นคนของศัตรูมาก่อน

9. เกล็น โรเดอร์ (เวสต์แฮม)

เมื่อช่วงเวลา 7 ปีระหว่าง แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ผู้จัดการทีมชื่อดังกับ เวสต์แฮม มาถึงจุดสิ้นสุดในปี 2001 สาวก "ขุนค้อน" ก็คาดหวังที่จะได้กุนซือบิ๊กเนมเข้ามาเข็นทีมให้ก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะต้องช็อกตาตั้งจนตั้งหลักกันแถบไม่ทัน เมื่อสโมสรประกาศแต่งตั้ง โรเดอร์ เข้ามาทำงานอย่างสุดช็อก และก็ต้องยิ่งช็อกมากขึ้นไปอีกหลังในปี 2003 สโมสรมีอันต้องตกชั้นเพราะการขาดหายไปของกุนซือรายนี้ซึ่งต้องแวบไปรักษาตัวจากโรคเนื้องอกในสมอง และเมื่อหายกลับมาสโมสรก็ปลดเขาออกจากตำแหน่งหลังทำทีมไปได้ไม่กี่นัด

8. แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ (เซาธ์แฮมป์ตัน)

เร้ดแน็ปป์ พาตัวเองไปยืนอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงที่จะถูกบาทาลูบพักตร์ได้พร้อมๆ กันทั้ง 2 ข้างแก้ม หลังกล้าหาญชาญชัยถึงขั้นสลัดเก้าอี้กุนซือพอร์ทสมัธ แล้วไปรับงานกับทีมที่เกลียดขี้หน้ากันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อปี 2004 และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่สาวก "นักบุญแดนใต้" จะไม่ยอมรับ กุนซือหน้าง่วงเลยจัดการแก้เผ็ด (อย่างไม่ตั้งใจ) ด้วยการพาทีมร่วงตกชั้นแล้วลาออกมันเสียเลย ก่อนจะแสดงความกล้าหาญให้เห็นอีกครั้งด้วยการย้ายกลับไป "ปอมปีย์" ทันที

7. อัฟราม แกรนท์ (เชลซี)

ถือว่ามาผิดเวลาสำหรับกระทาชายนายนี้ เพราะไม่ว่าใครที่เข้ามาแทน โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุเกสในยุคนั้น (2007) เป็นต้องถูกต่อต้านด้วยกันทั้งหมด หลังสาวก "สิงห์บลูส์" พากันเทใจให้เจ้าตัวไปหมดแล้วทั้งจากผลงานและคาแรกเตอร์ส่วนตัว และแม้ว่า แกรนท์ จะพาทีมทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ (ก่อนจะแพ้จุดโทษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5-6) เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะใจแฟนๆ ได้อยู่ดี

6. โจ คินเนียร์ (นิวคาสเซิ่ล)

พลพรรค "ทูนอาร์มี่" หลายต่อหลายคนคงพากันอุทานออกมาว่า "อุ เชดดดดส์ อีกแล้วเหรอวะเนี่ย!!" หลังสโมสรแต่งตั้ง คินเนียร์ เข้ามาทำงานในสโมสรอีกครั้ง ทั้งที่ในยุคแรกของเจ้าตัวเมื่อปี 2008 นั้น ขรัวเฒ่ารายนี้ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ต้องตกชั้นด้วยซ้ำ แม้จะอ้างว่าเป็นเพราะปัญหาสุขภาพรุมเร้าจนต้องเว้นวรรคไปกลางคันในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ทว่าผลงานห่วยแตกก่อนหน้านั้นเจ้าตัวไม่มีทางจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้เลย

5. รอย ฮ็อดจ์สัน (ลิเวอร์พูล)

กุนซือทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบันเสียรังวัดไปเยอะกับประสบการณ์คุมทีมลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาล 2010/11 หลังต้องแบกรับความกดดันมหาศาลจากการเข้ามาสานงานต่อจาก ราฟา เบนิเตซ ผู้จัดการทีมซึ่งพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และก็ดูเหมือนว่าความกดดันมันจะเยอะเกินกว่าที่บ่าเหี่ยวๆ ของเขาจะแบกไหว ฮ็อดจ์สัน เลยถูกไล่ออกหลังอยู่ทำงานได้ราว 6 เดือนเพื่อเปิดทางให้ เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาทำทีมต่อ

4. อลัน พาร์ดิว (นิวคาสเซิ่ล)

พาร์ดิว คว้าตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2012 มาประดับบารมีได้อย่างน่าซูฮก หลังพา นิวคาสเซิ่ล บินสูงขึ้นมาจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 5 ได้อย่างน่าทึ่งและกลายเป็นฮีโร่ของแฟนๆ ไปแล้วแม้ในตอนแรกจะไม่มีคนไหนสนับสนุนให้ดึงตัวเข้ามาทำทีมก็ตาม ทว่าล่าสุดเหตุการณ์กำลังจะกลับไปเหมือนเดิม แฟนๆ เริ่มจะไม่ชอบขี้หน้าของเขาแล้วหลังหวุดหวิดจะพาทีมตกชั้นไปแล้วเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

3. สตีฟ คีน (แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส)

"กุหลาบไฟ" จะตกต่ำลงไปได้อีกสักขนาดไหนนับตั้งแต่ แซม อัลลาไดซ์ กุนซือคนเก่งถูกไล่ออกอย่างสุดช็อกเมื่อปี 2010 หลังกลุ่มทุนจากอินเดียซึ่งเข้ามาซื้อกิจการสโมสรไปครอบครองพยายามจะดึง ดีเอโก้ มาราโดน่า เข้ามาทำทีมแต่ถูกปฏิเสธ ร้อนจนถึง คีน ต้องรับเผือกร้อนไป (และด้วยความเต็มใจของเจ้าตัว) ก่อนจะทำผลงานได้ห่วยแตกโคตรๆ ตั้งแต่นัดแรกๆ จนทำให้เกิดกลุ่มแฟนคลับ เอ้ย กลุ่มผู้ประท้วงหนาหูหนาตามากที่สุดครั้งหนึ่งแถมจริงจังถึงขั้นขู่ฆ่าอีกต่างหาก

2. อเล็กซ์ แม็คลีช (แอสตัน วิลล่า)

แฟนๆ "สิงห์ผงาด" พากันหัวเราะเยาะ เบอร์มิงแฮม กันสนั่นลั่นทุ่งหลังอริร่วมเมืองมีอันต้องตกชั้นเมื่อปี 2011 ก่อนที่เสียงหัวเราะจะเปลี่ยนเป็นเสียงร่ำไห้ เมื่อ แม็คลีช กุนซือซึ่งพา เบอร์มิงแฮม ตกชั้นลงไปนั้นตกลงย้ายมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ให้กับทีมรักของพวกเขาแทน และยังคงทำผลงานได้น่าหวาดเสียวอย่างสม่ำเสมอเหมือนเดิม หลังพา วิลล่า ซึ่งควรจะเกาะกลุ่มกลางตารางค่อนบนได้อย่างสบายๆ มาหนีตกชั้นแบบลุ้นหืดจับกันทุกฤดูกาล

1. ราฟา เบนิเตซ (เชลซี)

"เอล บอส" โดนสาวก "สิงห์บลูส์" ด่าตั้งแต่แค่เริ่มปรากฏเป็นข่าวกับ เชลซี ตามหน้าหนังสือพิมพ์ไปแล้ว เพราะไม่เพียงแต่จะเข้ามาทำทีมแทนกุนซือสุดรักของพวกเขาอย่าง โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ แล้ว คำพูดคำจาหลายๆ อย่างของเจ้าตัวสมัยทำงานอยู่กับ ลิเวอร์พูล ก็ยิ่งทำให้ต้องโดนด่าหนักเข้าไปอีก เพราะ เบนิเตซ เล่นเอาแต่สาดเสียเทเสียใส่ทีมเมืองหลวงทั้งนั้น

แม้จะโดนด่าหนักตลอดทั้งฤดูกาล ทว่าสุดท้ายแฟนๆ ยังต้องกลับใจหันมารักเขา เพราะกุนซือหน้าหนวดพาทีมพลิกสถานการณ์จากย่ำแย่ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกจนกลายเป็นแชมป์ยูโรปา ลีก แถมยังจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 3 คว้าโควต้า ชปล.ได้อีกต่างหาก

เรื่องโดย "นนท์"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook