ทีมยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก

ทีมยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก

ทีมยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่เป็นคอลูกหนังย่อมต้องมีนักเตะในดวงใจของตัวเองกัน ทั้งนั้น บางคนอาจ ลิโอเนล เมสซี่ แนวรุกที่ขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุดของโลกในเวลานี้


บางคนกลับชอบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่แม้จะเป็นเบอร์ 2 ของโลกมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็แอ็คท่าได้อย่างต่อเนื่อง และอีกหลายๆคนก็คงมีนักเตะอีกหลายๆรายอยู่ในดวงใจเช่นกัน

วันนี้ในคอลัมน์ "อารมณ์คมคาย" ของเราจึงหยิบเอาการจัดอันดับของ "เวิล์ด ซ็อคเกอร์" นิตยสารลูกหนังชื่อดังจากประเทศ อังกฤษ ที่เพิ่งประกาศอันดับความนิยมในหัวเรื่อง "ทีมยอดเยี่ยมของประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก"

โดยให้ นักข่าว ผู้จัดการทีม และอดีตนักกีฬาชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกเป็นผู้ลงคะแนนเสียงโหวตในช่วงที่ ผ่านมา และจัดเป็นทีมในระบบ 4-4-2 (ระบบยอดนิยม) มาดูกันว่าเป็นใครกันมั่งนะครับ

 


 
1. ผู้รักษาประตู - เลฟ ยาชิน (สหภาพโซเวียต)
 
เล ฟ อิวาโนวิช ยาชิน เจ้าของฉายา "แมงมุมดำ" ผู้รักษาประตูจากมหาอำนาจของโลกในเวลานั้นอย่าง สหภาพโซเวียต เป็นผู้รักษาประตูคนเดียวของโลกนี้ที่สามารถคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยม หรือ "บัลลงดอร์" ได้เมื่อปี 1963 เพราะฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับการลงรับใช้ชาติของเขานั้นเอง ว่ากันว่าปฏิกิริยาของชายคนนี้ยามยืนเฝ้าเสา แม้เอา 2 นายด่านระดับพระกาฬอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน และ อิเกร์ กาซิยาส มามัดรวมกันก็ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ เขาเซฟจุดโทษได้ถึง 150 ครั้ง อีกทั้งจบเกมแบบไม่เสียประตูได้ถึง 270 เกม จาก 22 ฤดูกาลในอาชีพพ่อค้าแข้งของเขา ยังไม่รวมความสำเร็จมากมายของ สหภาพโซเวียต ที่ทำได้ทั้งใน โอลิมปิกเกมส์ (1956) และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (1960) หนึบขนาดนี้จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพราะเหตุใดถึงได้รับเลือก
 
2. แบ็กขวา - คาฟู (บราซิล)
 
มาร์ก อส อีแวนเกลิสต้า เด โมราเอส หรือที่รู้จักกันดีในนาม "คาฟู" คือแบ็กขวาที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก การเติมเกมรุกที่ดุดัน และการมีเกมรับที่เหนียวแน่น ไหนจะเทคนิคแพรวพราวที่พร้อมโชว์เมื่อมีโอกาส ทำให้ชื่อของเขาติดโผนี้มาด้วย เขามีส่วนพา บราซิล เป็นแชมป์โลก 2 สมัย ทั้งในปี 1994 และ 2002 เขาคือนักเตะผู้ทำสถิติลงเล่นให้กับทีมชาติ บราซิล มากที่สุด จากสถิติ 142 เกม เขาประสบความสำเร็จมากมายในระดับสโมสรทั้งกับ อาแอส โรม่า และ เอซี มิลาน โดยเฉพาะทัพ "ปีศาจแดงดำ" ที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา
 
3. เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ - บ็อบบี้ มัวร์ (อังกฤษ)
 
ใน ระดับชาติเขาคือกัปตันทีมผู้พาทัพ "สิงโตคำราม" คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว เมื่อปี 1966 ที่ผ่านมา แต่ในระดับสโมสรกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของเขาได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เปเล่ กองหน้าแซมบ้าที่ดีที่สุดของโลกคนหนึ่งเคยบอกว่า "มัวร์ คือกองหลังที่ผ่านได้ยากที่สุดของโลก" ขณะที่ ฟร๊านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ แนวรับระดับตำนานของ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ถึงกับเอ่ยปากชมเลยว่าคงไม่มีกองหลังคนใดบนโลกนี้ที่จะแข็งแกร่งได้เท่ากับ มัวร์ อีกแล้ว นี่คือกองหลังที่ล้มยากที่สุดของโลกคนหนึ่งสมัยที่เขาเป็นนักเตะ และนั่นทำให้เขาถูกเลือกมาเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟของทีมนี้
 
4. เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ - ฟร๊านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ (เยอรมัน)
 
อดีต นักเตะเจ้าของฉายา "แดร์ ไกเซอร์" คือกองหลังคนหนึ่งของโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่านี่คือนักเตะใน ตำแหน่งแนวรับที่ดีที่สุดเท่าที่ เยอรมัน เคยมีมา รวมทั้งโลกนี้เคยมีมาด้วย เขาคือคนเดียวที่สามารถคว้าแชมป์โลกได้ทั้งในสมัยเป็นนักเตะ (1974) และในสมัยเป็นกุนซือ (1990) เขาคือคนบุกเบิกระบบ สวีปเปอร์ หรือ กองหลังตัวสุดท้ายขึ้นมาบนโลกใบนี้ ยิ่งถ้ามองลึกไปถึงระดับสโมสรยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาคว้าแชมป์กับ บาเยิร์น มิวนิค มากมายแบ่งเป็น บุนเดสลีกา 4 สมัย (1968–69, 1971–72, 1972–73, 1973–74) เดเอฟเบ โพคาล อีก 4 สมัย (1965–66, 1967–68, 1968–69, 1970–71) รวมทั้ง ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปัจจุบัน) อีก 3 ครั้ง (1973–74, 1974–75, 1975–76) นี่มัน "โคตรเทพ" ชัดๆ
 
5. แบ็กซ้าย - เปาโล มัลดินี่ (อิตาลี)
 
แบ็ก ซ้ายสุภาพบุรุษลูกหนังจากแดนมะกะโรนีรายนี้มีชื่อติดทีมนี้กับเขาด้วย จากฝีเท้า จากผลงาน จากความซื่อสัตย์ จากความสำเร็จและอะไรอีกมากมายที่เขาเคยทำไว้กับ เอซี มิลาน และทีมชาติ อิตาลี ในตลอด 25 ปีของอาชีพพ่อค้าแข้ง  การลงเล่นให้กับสโมสรมากกว่า 900 เกม คว้า 5 แชมป์ถ้วยยุโรป (1988–89, 1989–90, 1993–94, 2002–03, 2006–07) และอีก 7 แชมป์ในเซเรีย อา (1987–88, 1991–92, 1992–93, 1993–94, 1995–96, 1998–99, 2003–04) คือเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมของ มัลดินี่ ได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่เคยพาทัพ "อัซซูรี่" คว้าแชมป์โลกได้ แต่เขาก็พาทีมบ้านเกิดลุยในเกมชิงจ้าวลูกหนังโลกถึง 4 ครั้ง และติดทีมชาติถึง 126 เกม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือที่ดีที่สุดของโลกยอมรับว่า มัลดินี่ คือนักเตะที่เขาชื่นชมมาตลอดการทำงานของตัวเองเลยทีเดียว
 
6. กองกลาง -  อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ (อาร์เจนติน่า, โคลอมเบีย และ สเปน)
 
กอง กลางที่ทำให้ เรอัล มาดริด กลายเป็นโคตรทีมของโลกในยุค 50 เพราะถ้าจะมีนักเตะสักคนที่ถูกขนานนามว่า "เครื่องจักรสังหารประตู" ต้องมีชื่อของ ดิ สเตฟาโน่ รวมอยู่ในนั้นด้วย จากผลงานการยิงถึง 377 ประตูในระดับสโมสร เขาเป็นชาวอาร์เจนติน่า ที่เล่นให้กับ 3 ชาติอย่าง อาร์เจนติน่า, โคลอมเบีย และ สเปน (สมัยนั้นยังไม่มีกฎเล่นชาติใดแล้วต้องเล่นไปเลย) จริงแล้วชื่อของเขาควรอยู่ในหมวดของกองหน้า แต่ตัวนักเตะเองเคยพูดว่า "การเป็นนักฟุตบอลที่ดี ต้องเล่นได้ทั้ง 11ตำแหน่งในสนาม" ดังนั้นจึงทำให้เขาถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งกองกลางในทีมนี้นั่นเอง
 
7. กองกลาง -  โยฮันน์ ครัฟฟ์ (ฮอลแลนด์)
 
นัก เตะคนเดียวบนโลกที่ได้รับฉายา "นักเตะเทวดา" เขาคือกองกลางที่สามารถคว้ารางวัล "บัลลงดอร์" ได้ถึง 3 สมัย ทั้งในปี 1971, 1973 และ 1974 เขาคือที่มาของ "โทท่อลฟุตบอล" ที่ทำให้ทัพ "อัศวินสีส้ม" ที่แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์โลกได้ แต่ก็กลายเป็นมหาอำนาจลูกหนังโลกทีมหนึ่งในปัจจุบันนี้ เขาถูกยกย่องให้ "นวัตกรรม" ของโลกฟุตบอลยุคใหม่ เขาพา 2 สโมสรที่ร่วมเล่นอย่าง อาแจ็กส์ อัมสเตอร์ดัม และ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลีกและแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ ท่าหมุนตัวของเขาในเกมฟุตบอลโลกปี 1974 ที่ ฮอลแลนด์ พบกับ สวีเดน ยังเป็นที่จดจำ และถูกนำมาเรียกว่า "ครัฟฟ์ เทิร์น" จนถึงทุกวันนี้
 
8. กองกลาง - ซีเนอดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส)
 
นี่ คือกองกลางคนหนึ่งของโลกที่ได้รับการยอมรับว่าเปี่ยมไปด้วยทักษะและความ ทุ่มเทในการลงเล่น "ซิซู" คือไอด้อลของนักเตะอีกหลายคนของโลกในปัจจุบันนี้ เขาคือนักเตะที่ประสบความสำเร็จในทุกรายการที่ลงเล่น เขาเป็นแชมป์ลีก และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับสโมสรอย่าง ยูเวนตุส และ เรอัล มาดริด ลูกยิงวอลเล่ย์ในเกมนัดชิงของรายการ "บิ๊กเอียร์" ที่มีส่วนทำให้ "ราชันชุดขาว" เอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ได้เมื่อปี 2002 ยังติดตราตรึงอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆคน ไหนจะการพาทีมชาติ ฝรั่งเศส เป็นทีมแรกของโลกที่สามารถคว้าแชมป์โลกและคว้าแชมป์ทวีปได้ติดต่อกันในปี 1998 และ 2000 และเกือบทำได้อีกครั้งเมื่อปี 2006  แต่ดันโดนอาเพศของ มาร์โก มาเตรัซซี่ จนถูกไล่ออกจากสนามเสียก่อนในเกมนัดชิงชนะเลิศ ที่สำคัญนั่นคือเกมสุดท้ายในอาชีพนักเตะของเจ้าตัวอีกด้วย คลาสสิคกว่า "หัวไข่ดาว" คงไม่มีอีกแล้ว
 
9. กองกลาง - ดีเอโก้ มาราโดน่า (อาร์เจนติน่า)
 
"เสือ เตี้ย" คือนักฟุตบอลที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและถูกกล่าวขานถึงมาจนปัจจุบัน ทั้งในด้านดีกับภาพการเลี้ยงบอลหลบ 6 นักเตะของทีมชาติ อังกฤษ เข้าไปทำประตูในฟุตบอลโลกปี 1986 และวีรกรรมสุดเกรียนที่เจ้าตัวเคยทำไว้ทั้งการตุกติก เรื่องยาเสพติด และเขาคือนักฟุตบอลคนแรกของโลกที่เป็นผู้ก่อวีรกรรม "หัตถ์พระเจ้า" ในฟุตบอลโลกปี 1994 ยังไม่รวมความสำเร็จของการเล่นในระดับสโมสรกับ นาโปลี ที่เขาเคยพาคว้าแชมป์เซเรีย อา ได้ถึง 2 สมัย และกับ บาร์เซโลน่า ที่สามารถคว้าแชมป์ โกลปา เดล เรย์ มาได้ ไหนจะความเพี้ยนสุดโต่งของเจ้าตัวจากทั้งกิริยาและคำพูดหลายๆกรณีที่เกิด ขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ผมมั่นใจว่าไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า มาราโดน่า คือ "โคตรแข้ง" อีกคนหนึ่งบนโลกใบนี้
 
10. กองหน้า - เปเล่ (บราซิล)
 
นี่ คือกองหน้าที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนหนึ่ง โดยสถิติที่ถูกบันทึกไว้ "ไข่มุกดำ" ยิงประตูในอาชีพนักเตะรวมทั้งในระดับสโมสรและระดับชาติมากกว่า 1,200 ประตู กูรูทุกสำนักต่างยอมรับ เปเล่ เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เกิดมาเพื่อเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของโลก เขาคือคนที่พา บราซิล เป็นแชมป์โลก 3 สมัยแรกทั้งในปี 1958, 1962 และ 1970 ขณะที่ในระดับสโมสรกับ ซานโต๊ส และ นิวยอร์ก คอสมอส เขาก็คว้าความสำเร็จมากมาย เขาคือเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์โลกได้ แถมยังเป็นการทำแฮททริกในปี 1958 อีกด้วย โดยก่อนนี้ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เคยกล่าวถึง เปเล่ ว่า นี่คือนักฟุตบอลที่เล่นฟุตบอลได้ไม่ต่างจากการร่ายเวทมนตร์ ขณะที่ โยฮัน ครัฟฟ์ กล่าวถึง เปเล่ ว่า นี่คือนักฟุตบอลที่เกินขอบเขตของคำว่า "ดีที่สุดของโลก" ไปแล้ว
 
11. กองหน้า - ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า)
 
นี่ คือนักเตะคนเดียวของทีมนี้ที่ยังค้าแข้งอยู่ในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน หาก เปเล่ คือ "ไข่มุกดำ", ครัฟฟ์ คือ "นักเตะเทวดา" และ มาราโดน่า คือ "เสือเตี้ย" แล้วล่ะก็ เมสซี่ คือ "มนุษย์ต่างดาว" เขาเป็นนักเตะคนเดียวบนโลกใบนี้ที่สามารถคว้า บัลลงดอร์ ได้ 4 สมัยติดต่อกัน เขาคือจอมทำลายสถิติการเล่นในระดับสโมสร ทั้ง ยิงประตูสูงสุดใน 1 ฤดูกาล (73 ประตู), ยิงประตูมากที่สุดในการเล่น 1 ปี (91 ประตู), ยิงประตูมากสุดในเกมระดับชาติใน 1 ปี (25 ประตูเท่ากับ วิเวียน วู้ดวาร์ด), ยิงประตูติดต่อกันในเกมลีกมากที่สุด (19 เกม/30 ประตู) เป็นต้น กับส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว และอายุเพียง 26 ปีต้องยอมรับว่า เมสซี่ มีผลงานที่เกินตัวจริงๆ และยังเดินหน้าเก็บเกี่ยวสถิติต่างๆอย่างต่อเนื่อง ข้อครหาเดียวที่เขายังถูกตั้งแง่คือการพาทัพ "ฟ้าขาว" อาร์เจนติน่า คว้าความสำเร็จให้ได้ ซึ่งกูรูทั้งหลายต่างจับตาไปที่ ฟุตบอลโลก2014 ที่ประเทศ บราซิล ว่า "ต่างดาว" คนนี้จะทำได้หรือไม่
 
 
สุดท้าย แล้วต้องออกตัวก่อนว่านี้คือการจัดอันดับของ "เวิล์ด ซ็อคเกอร์" ที่มาจากการโหวตของอดีตนักเตะ ผู้จัดการทีม และบรรดานักข่าวของแดนผู้ดีเขานู่น มิได้จากความคิดส่วนตัวของผมแต่อย่างด จริงแล้วก็ยังมีนักเตะอีกหลายรายที่หายไปจาก "ทีมยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก" ทีมนี้ แต่ก็อย่างว่านะครับผมว่าทุกคนเองก็คงมีทีมในใจของแต่ละคนอยู่เช่นกัน ยังมีนักเตะชื่อก้องโลกอีกหลายรายที่อยู่ในใจของคอลูกหนังอย่างเรา ไม่ว่าจะเป็น ยูเซบิโอ, โรนัลโด้ (อ้วน), คริสเตียโน โรนัลโด้, ฟาบิโอ คันนาวาโร่ และอีกหลายๆต่อหลายคนที่ต้องยอมรับว่าเขาเหล่านั้น "สุดยอด" แล้วสำหรับคุณผู้อ่านล่ะครับมีทีมยอดเยี่ยมในใจของตัวเองบ้างหรือยัง


 
เรื่องโดย : อธิคม  ภูเก้าล้วน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook