"สำนึก" สิ่งสำคัญที่จางหายไป

"สำนึก" สิ่งสำคัญที่จางหายไป

"สำนึก" สิ่งสำคัญที่จางหายไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : หากวัดกันใน "วิถี" ของการทำงานแล้ว ผมเชื่อว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส น่าจะเป็นหนึ่งในกุนซือสายเลือดใหม่ที่น่ายกย่องในการรักษา "ขนบ" แบบดั้งเดิมของเกมฟุตบอลเอาไว้มากที่สุด

วิธีการทำงานของร็อดเจอร์สนั้นเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน โอกาสมีสำหรับทุกคน เล่นดีก็ชม เล่นไม่ดีก็ติ ปกป้องลูกทีมเมื่อจำเป็น ให้โอกาสดาวรุ่งได้แจ้งเกิด และไม่หลงไปตามเกมของระบบฟุตบอลทุนนิยมที่ไหลหลากทุกการเคลื่อนไหวของเข็มนาฬิกา

ดังนั้นแม้บางครั้ง คำพูดคำจา ท่าทีของ ร็อดเจอร์ส ออกจะดูเชยๆ อยู่บ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะเขามาจากไอร์แลนด์เหนือ ที่อาจจะให้ความรู้สึกแบบ "หนุ่มบ้านนอก" แต่ก็เป็นความเชยที่น่ารัก และน่าชื่นชม

อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่ ร็อดเจอร์ส เริ่มแสดงให้เห็นในระยะหลัง คือความ "แข็งกร้าว" ในการคุมทีม

แข็งกร้าวแต่ไม่ก้าวร้าว

จากกรณีความเด็ดขาดในการยืนยันว่า แอนดี้ คาร์โรลล์ ไม่มีอนาคตในทีม มาถึงการแสดงจุดยืนชัดเจนต่อกรณีของ โฆเซ่ มานูเอล เรน่า ว่าต้องอยู่กับทีมและต้องพยายามแข่งขันกับ ซิมง มิโญเลต์ นายทวารน้องใหม่
และล่าสุดคือกรณีของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ "ถ้อยคำ" ในระยะหลังมีน้ำหนักขึ้นทุกที

ก่อนหน้านี้กุนซือไฟพะเนียงไม่ปริปากพูดอะไรมากนักในเรื่องนี้ โดยมีเพียงการให้สโมสรออกแถลงการณ์ต่อจุดยืนกรณีของซัวเรซว่า "ไม่ขาย" และ "ไม่จำเป็นต้องขาย" ด้วย ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ว่า การจะมาซื้อนักเตะจากลิเวอร์พูล ไม่ใช่เรื่องหมูๆ ที่คิดจะมาฉกเอาตัวไหนไปก็ได้เหมือนในอดีต

จะไม่มีกรณีอย่าง ไมเคิล โอเว่น, ชาบี้ อลอนโซ่ หรือ ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ ให้เห็นอีก

ดังนั้นแม้จะอ้าง "โน่น" ว่าไม่มีความสุขกับชีวิตในอังกฤษ มีปัญหากับสื่อก็แล้ว

หรือจะอ้าง "นี่" ว่าอยากประสบความสำเร็จ อยากเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็แล้ว

ไม่มีความสั่นคลอนใดๆ จากนายใหญ่อย่าง ร็อดเจอร์ส ให้เห็นแม้แต่น้อย

ต่อจุดยืนดังกล่าว ในแง่หนึ่งอย่างที่เรียนให้ทราบครับว่าเป็นเรื่องของการส่งสัญญาณไปถึงบรรดาทีมเงินหนาทั้งหลายว่า ถ้าคิดจะเอาของดีก็ต้องจ่ายในราคาของดี อย่าคิดใช้แท็กติกสกปรก ใช้นักเตะบีบให้เกิดการย้ายทีมเหมือนที่เคยเป็นมาอีก

อีกแง่หนึ่งที่เป็นประเด็นซึ่ง "กินใจ" ต่อหลายคน - รวมถึงผมเองคือการที่ ร็อดเจอร์ส ออกมาเตือน "สติ" ของ ซัวเรซ ว่าคนที่เขาควรจะคำนึงถึงมากที่สุดนั้นไม่ใช่ตัวเอง ตัวของร็อดเจอร์ส ตัวของผู้บริหาร หรือเพื่อนร่วมทีม

คนแรกที่เขาต้องคิดถึงคือ "แฟนบอล"

แฟนบอลที่ให้การปกป้องเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้งครั้งที่โดนคดีเหยียดสีผิวกับ ปาทริซ เอฟร่า หรือคดี "งับ" แขนของ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช

ไม่นับเรื่องพุ่งล้ม ตบตา ลูกเกเร เจ้าเล่ห์ และอีกสารพันปัญหาที่เกิดจากกองหน้าฟันกระต่ายผู้นี้

นานมาแล้วครับที่ผมไม่ได้ยินคำพูดทำนองนี้ที่จะออกมาเตือนสตินักฟุตบอลให้เกิดความ "สำนึก" ขึ้นมา

มากบ้างน้อยบ้าง ก็อยากให้รู้ว่านี่คือ "ผู้มีพระคุณ" ตัวจริงเสียงจริงที่จะมองข้ามไปเฉยๆ ไม่ได้

คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง

"อยู่ให้เขารัก จากให้เขาอาลัย" คือสิ่งที่ถูกต้องและควรกระทำมากกว่า

เรื่องการย้ายทีมนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เป็น "วิถี" ของนักฟุตบอลอาชีพ ใครก็รู้และเข้าใจครับ และผมเชื่อว่าไม่มีใครที่จะคาดหวังว่า ซัวเรซ จะอยู่คู่กับทีมเป็น One man club เหมือน สตีเว่น เจอร์ราร์ด หรือ เจมี่ คาร์ราเกอร์

แต่มันมีวิธีสื่อสารที่ดีกว่านี้มากมาย และดีกว่าสิ่งที่ ซัวเรซ ทำมาตลอด 2 เดือน ซึ่งได้ทำลายช่วงเวลาดีๆ ที่เขาเคยมีกับแฟนบอลเดอะ ค็อป ลงอย่างสิ้นเชิงจนแทบไม่เหลือเยื่อใย

ตัวอย่างดีๆ ก็มีให้เห็น เช่น ชาบี้ อลอนโซ่ เจ็บปวดขนาดไหนที่ถูกราฟา เบนิเตซ หักหลัง แต่ก็ทุ่มเทเต็มร้อย และถึงเวลาไปก็ไม่ปริปากใดๆ ให้เป็นที่เสียหายต่อสโมสร อีกทั้งยังเชิดชูทีม เพื่อนเก่า และแฟนบอล จนทำให้แม้ทุกวันนี้ทุกคนก็ยังคิดถึงและอยากเห็น อลอนโซ่ กลับมาที่แอนฟิลด์อีกครั้ง

หรือในรายของ แกเร็ธ เบล ที่รู้ทั้งรู้ครับว่าอยากจะย้ายทีม แต่ก็ไม่พูดอะไร ให้เป็นการเจรจาแบบลับๆ ไปเช่นกันกับ คริสเตียน เอริคเซ่น ที่ประกาศว่าเขาจะไม่ย้ายหากว่าต้นสังกัดอย่าง ไอแอ๊กซ์ ไม่ได้รับเงินที่น่าพอใจจากการย้ายทีมของเขา และพร้อมต่อสัญญาด้วยหากไม่มีการย้ายทีม

นี่คือความหมายที่ ร็อดเจอร์ส ต้องการจะสื่อครับ

สิ่งที่ ซัวเรซ ควรทำและต้องทำหลังจากนี้คือการกลับมาเคลียร์กันตัวต่อตัวกับ ร็อดเจอร์ส และจากนั้นจะเลือกทางไหนก็ควรจะเห็นแก่หน้า เห็นแก่ความรู้สึกของแฟนบอลบ้าง

เพราะจากสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด ซัวเรซ อาจจะไม่ตระหนักว่าเขาไม่มีทางได้รับการสนับสนุนที่ดีขนาดนี้จากแฟนบอลทีมอื่นแน่ แม้กระทั่งรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร แฟนบอลก็เต็มใจเลือกเขาเพื่อเป็นรางวัลปลอบใจหลังถูกลงโทษแบนถึง 10 นัด

ดังนั้นการที่คนเคยออกปากว่า "รัก" จะพลิกลิ้นเปลี่ยนเป็นอื่นในพริบตานั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันง่ายๆ

หากรู้ตัวว่า "ผิด" จะเอ่ยคำ "ขอโทษ" ก็น่าจะมีคนพอให้อภัย ด้วยเข้าใจว่าสิ่งเย้ายวนในโลกฟุตบอลเวลานี้นั้นมากมายและน่ากลัว

เพราะสุดท้ายแล้วชื่อเสียง เกียรติยศ ความสำเร็จ และเงินทองนั้นเป็นสิ่ง "ลวงตา"

ความรัก ความผูกพันระหว่างนักฟุตบอลกับสโมสรและแฟนบอลต่างหากที่ "ยั่งยืน" และจะคงอยู่ตลอดไป

เรื่องโดย "ลูกแม่กิ่ง"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook