ภาวะข้าวยากหมากแพง
ฟุตบอล : ในยุคข้าวยากหมากแพง จะหยิบจะจับ จะซื้อหาสิ่งใด ล้วนเป็นไปด้วยความยากลำบาก สำหรับ ข้าน้อย ประชาชนคนธรรมดาผู้เดินโด่เด่โดดเดี่ยวอยู่เดียวดาย
จะด้วยเหตุผลกลใด อะไรคือต้นตอของปัญหา แต่ที่แน่ๆ มีบางประเทศที่ไม่ขอเอ่ยนาม เค้าตัดสินใจขึ้นค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส และค่าทางด่วน พร้อมๆ กันโดยมิได้นัดหมาย
แถวบ้าน อาแปะ ขายโอเลี๊ยงริมซอยคล้อยๆ ปากทาง เขาเรียกว่า "ไม่ปรึกษาอั๊วซ๊ากกกก...คำ"
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเรื่องให้ตื่นเต้นกว่านั้นอีกเยอะ
...แซบแมแว่ มีบุคคลระดับศาตราจารย์ท่านหนึ่งซึ่งขอสงวนนามไว้ในฐาแนะ เอ้ย !! ฐานะเรื่องความปลอดภัย เดี๋ยวโดนตึ้บ !!
เฮียแกได้ใช้สมองส่วนซีรีเบลลัมประมวลผลสุดความรู้ความสามารถ แจงทัศนะชี้โพรงให้ภาครัฐฯ ควรออกนโยบายลูกคนแรก และควรเรียกเก็บภาษีคนโสด !!
บร๊ะเจ้า !! บ้านนี้เมืองนี้ มันอยู่ยากขึ้นทุกวันแล้วนะครับ
ก็ว่ากันไป มุมมองใครมุมมองมัน แต่ถ้าให้ดีก็พยายามอย่าอวดภูมิประหนึ่งว่าข้านี่แหละคือผู้ที่ถูกเลือกให้มาเปลี่ยนโลก เอาเข้าจริงๆ ผู้ถูกเลือกนั่นแหละ ที่มิควรได้อยู่บนโลก ...
เฟลไลนี่ นักเตะคนแรกที่ มอยส์ ซื้อเข้าสู่ทีม
กลับมาที่โลกของฟุตบอลอันเป็นที่รักของพวกเรากันดีกว่า นี่ก็มีอะไรให้พูดถึงเยอะเช่นเดียวกัน หลังตลาดซื้อ-ขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ปิดตัวลงเรียบร้อย เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา
เรียกว่าฝุ่นตลบอบอวลกันเลยทีเดียว และแข้งหลักหนึ่งเดียวที่ได้มาร่วมชายคา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในยุคใหม่ใต้ร่มเงา เดวิด มอยส์ คือ มารูยาน (31) เฟลไลนี่ อดีตลูกน้องเก่าจาก เอฟเวอร์ตัน สนนราคา 27.5 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 1 พัน 2 ร้อยกว่าล้านบาท
แต่กว่าจะได้มาเป็นสมบัติประดับสโมสร ก็ลุ้นกันเสียจนเยี่ยวเหนียวกันเลยแหละ ลายเซ็นของ "ไอ้ฟู" มาในชั่วโมงสุดท้ายของตลาดซื้อ-ขายนักเตะพอดี๊พอดี
เฟลไลนี่ เจ้าของเสื้อเบอร์ 31 "คนเดียวก็เสียวได้"
มิเพียงเท่านั้น ในวันเดียวกัน (2 ก.ย.) ทีมบริหารรวมถึงแก๊งเจรจาต่อรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังทำตัวขยันจนออกนอกหน้า ควบเจ็ทลุยแดนกระทิง ล็อก 2 เป้าใหญ่ คือ ซามี่ เคดิร่า ของ เรอัล มาดริด และ อันเดร์ เอร์เรร่า ของ บิลเบา
แววตาเปล่งประกายแห่งความหวังบวกกับอดรีนาลีนแห่งความตื่นเต้นและตื้นตันของเหล่า "เร้ด อาร์มี่" หลั่งออกมาโดยไม่รู้ตัว ด้วยประหนึ่งเหมือนกับว่ากำลังเตรียมเฮรับสตาร์คนใหม่เข้าสู่ทีม
แต่พอถึงคราวเฉลยความจริงอันแสนปวดร้าว เค้าไม้ต้องการอยากมาอยู่กับเราของ เคดิร่า กับการที่เราเองทำตัวเหนียวยิ่งกว่าตังเม เมินจ่ายค่าฉีกสัญญา 36 ล้านยูโร ของ เอร์เรร่า ทุกอย่างก็หมดสิ้น
ซามี่ เคดิร่า และ อันเดร์ เอร์เรร่า 2 แข้งที่ติดต่อซื้อในวันสุดท้าย
หัวใจอันพองโตของเราชาว "ปีศาจ" หล่นลงไปสู่ตาตุ่มลามไปถึงส้วนเตียน พร้อมกับมีใบหน้าของ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ประทับอยู่ ณ บริเวณนั้นด้วย ประหนึ่งว่า "ซีอีโอ" คนใหม่ได้รับการสถาปนาเป็นไอ้หน้าส้วนเตียน
โทษฐานทำตัวเป็นนักเจรจาซื้อขายผู้อ่อนด้อยไร้ประสิทธิภาพ มิหนำซ้ำยังมีหน้าแอบดอดเจรจา ฟาบิโอ โคเอนเทรา แบ็กซ้ายโปรตุกีส เพราะไหนๆ ก็มา มาดริด แล้วนี่ แต่สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเอง โดนข้อหายื่นเอกสารไม่ทันเส้นตายที่ "ฟีฟ่า" กำหนดไปอีกกระทง
ยัง ...ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น กับวีรเวรวีรกรรมของนักการตลาดมืออาชีพพ่วงตำแหน่งซีอีโอมือใหม่ท่านนี้ ความจริงปรากฏอีกดอก เพราะมีการยืนยันจากสโมสร กาลาตาซาราย แห่ง ตุรกี ว่า แมนฯ ยูฯ ยื่นข้อเสนอขอซื้อตัว เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ก่อนปิดตลาดซื้อ-ขาย 2 สัปดาห์
ติอาโก้ อัลคันทาร่า - เชส ฟาเบรกาส 2 นักเตะที่เงิบ!
ผลปรากฏก็ซดแห้วไปตามระเบียบ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานที่ทีมซื้อ-ขายชุดนี้เขาสร้างเอาไว้ก่อนหน้านี้ไม่นาน ในกรณีของ ติอาโก้ อัลคันทาร่า, เชส ฟาเบรกาส หรือแม้กระทั้ง เลห์ตัน เบนส์
จะเป็นด้วยข้อเสนอที่ไม่โดนใจ หรือความเป็นมือใหม่หัดเจรจา แต่สุดท้ายแล้ว เอ็ด วู้ดเวิร์ด ในฐานะเด็กปั้นตระกูลเกลเซอร์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้จ่ายเงินในคลังอย่างละเมียดละมัย เหลือไว้ให้ลูกพี่เอาไปใช้หนี้บ้าง
ก็อย่างว่าแหละครับ ยุคนี้สมัยนี้ทุกอย่างแพงไปหมด ใครจะไปคิดว่า แกเร็ธ เบล จะกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก แซงหน้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้
เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอ ผู้เลื่องชื่อ (ซ้าย)
เช่นเดียวกับทีมระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย จะจีบจะเหล่ใครจำต้องถูกกดราคาเรียกค่าตอบแทนอันแสนแพงเสมอมา เลยปิดดีลได้เพียง เฟลไลนี่ หนึ่งเดียว
มองโลกอีกด้าน ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2006-07 หลังจากที่ทัพ "ปีศาจแดง" พลาดแชมป์ลีกมา 3 ปีติดก่อนหน้านั้น แถมจบอันดับ 3 ซึ่งเป็นอันดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในยุคเปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีกถึง 2 ครั้ง (2003-04, 2004-05) แมนฯ ยูฯ จ่ายเงินราว 18 ล้านปอนด์ ให้ สเปอร์ส แลกกับการปล่อยตัว ไมเคิ่ล คาร์ริค
ถูกแล้ว ยอดทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ คว้า คาร์ริค ที่มาในฐานะ "นิว รอย คีน" แค่รายเดียว แต่สามารถกลับมาผงาดทวงแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ ชนิดที่หักปากกาเซียนแทบทุกสำนัก
ไมเคิ่ล คาร์ริค เป็นนักเตะเพียงรายเดียวที่ "ป๋า" ซื้อเข้ามาในปี 2006
ซึ่งหากเป็นอย่างที่ เดวิด มอยส์ เคยหล่นวาทะเพื่อหลบเลี่ยงประเด็นการซื้อ-ขายจ่ายแหลกแลกนักเตะระดับสตาร์ ว่า มรดกที่ "ป๋า เฟอร์กี้" มอบไว้ให้สืบทอดทายาท "อสูร" มีคุณภาพคับแก้วเพียงพออยู่แล้วในการควานหาถ้วยแชมป์มาประดับ โรงละครแห่งความฝัน
เพราะฉะนั้น ปีนี้ ...เฟลไลนี่ "ตัวเดียวก็เสียวได้"
เรื่องโดย "จ่าตุ๊"