วันพิพากษา!กับฝันร้าย 40 ปีของทีมสิงโตคำราม
ฟุตบอล : ผมเป็นคนหนึ่งที่มีความเชื่อว่าพวกเราที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ต่างมีภารกิจสำคัญที่เป็นเพียงภารกิจของเราคนเดียวที่จะทำได้ บางคนอาจจะมีภารกิจหลายอย่าง ขณะที่บางคนอาจมีเพียงสิ่งเดียวที่ถูกลิขิตให้ต้องทำ
ดังนั้นเมื่อได้อ่านเรื่องราวของ แยน โทมัสเซฟสกี้ อดีตนักฟุตบอลชาวโปแลนด์คนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในระดับตำนานของวงการ และไม่เคยมีเกียรติประวัติอันใดที่ชัดเจน มันยิ่งตอกย้ำถึงความเชื่อเหล่านั้น
เพราะแม้วันนี้เขาจะเป็นเพียงคนโนเนมคนหนึ่งในสังคม ที่หากเดินตามท้องถนนเราคงไม่สังเกต แต่เรื่องราวของเขานั้นยังคงอยู่และรอวันที่จะถูกขับขานขึ้นอีกครั้ง เหมือนในครั้งนี้ที่ทีมชาติอังกฤษ มีคิวจะลงสนามในเกมนัดสุดท้ายของฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
มันเป็นเกมที่อังกฤษต้องการชัยชนะ เหมือนกับเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ...
ย้อนหลังกลับไปในปี 1973 ที่สนามเวมบลีย์แห่งนี้ อังกฤษ ลงสนามโดยต้องการชัยชนะเพื่อการเข้าสู่รอบสุดท้ายในฟุตบอลโลก 1974 ที่ประเทศเยอรมันตะวันตก โดยคู่แข่งของพวกเขาคือทีมชาติโปแลนด์ ลูกหนังจากแดนหลังม่านเหล็กซึ่งมีความแข็งแกร่งไม่เป็นสองรองใคร
อย่างไรก็ดีด้วยสถานะอดีตแชมป์โลกในปี 1966 กับการได้เล่นในเวมบลีย์ อังกฤษ ย่อมได้เปรียบและคาดหวังถึงชัยชนะได้เป็นทุนเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปแลนด์ มีจุดอ่อนที่สำคัญชนิดที่ ไบรอัน คลัฟ ตำนานลูกหนังปากตะไกรเคยแขวะเอาไว้อย่างเจ็บแสบว่า "เหมือนตัวตลกใส่ถุงมืออยู่ในสวนสนุก"
ใครต่อใครย่อมคาดหวังว่าอังกฤษ น่าจะกรีฑาทัพเข้ารอบสุดท้ายได้อย่างไร้ปัญหา
แต่คำพูดของ "คลัฟจี้" เมื่อรวมกับคำปลุกใจของ คาซิเมียร์ซ กอร์สกี้ นายใหญ่ขุนพลโปล ในวันนั้น ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของนายทวารฝีไม้ลายมือธรรมดาคนหนึ่งไปตลอดกาล
"พวกนายอาจจะเล่นฟุตบอลไปอีก 20 ปี เล่นให้ทีมชาติอีก 1,000 นัด แต่ไม่มีใครจะจดจำได้ แต่คืนนี้ แค่เกมนัดนี้นัดเดียว มันคือโอกาสที่เราจะได้สร้างชื่อไว้ในหน้าบันทึกประวัติศาสตร์ตลอดไป"
ตลอดทั้ง 90 นาทีที่เวมบลีย์ โทมัสเซฟสกี้ สวมบท "ผู้พิทักษ์" ที่อารักษ์พื้นที่หลังเส้นประตูโปแลนด์เอาไว้ราวกับนั่นคือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจปล่อยให้ใครย่างกราวเข้าไปได้
แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บถึงขั้นนิ้วหักก็ตาม และสุดท้าย โปแลนด์ ซึ่งขอเพียงแค่ผลเสมอก็จะเข้ารอบ ก็ได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่เยอรมันตะวันตก ทิ้งอังกฤษ ให้เจ็บปวดกับการตกรอบคัดเลือก
หลังจบเกม วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ The Sun พาดหัวข่าวสั้นๆที่บ่งบอกทุกอย่างได้ชัดเจน "The End of the World" หรือ "วันสิ้นโลก"
นั่นคือหนึ่งในฝันร้ายและเป็นจุดตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งของทีม "สิงโตคำราม"
วันเวลาผ่านมา 40 ปี กงล้อแห่งประวัติศาสตร์กำลังเวียนกลับไปยังจุดเดิม
มันอาจจะแตกต่างในรายละเอียดอยู่บ้างเมื่ออังกฤษ มีโอกาสที่จะเข้ารอบมากกว่าตกรอบ แต่ก็ยังต้องการชัยชนะอยู่ดีเพื่อการันตีทุกอย่าง ขณะที่โปแลนด์ ไม่มีโอกาสใดๆให้ไขว่คว้าแล้ว
กระนั้นเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของนายทวารจอมเซ่อซ่าคนหนึ่งก็ถูกปัดฝุ่นกลับมาขับขานอีกครั้ง ในฐานะฝันร้ายตลอดกาลของอังกฤษ ซึ่งครั้งนี้แม้ โทมัสเซฟสกี้ จะบอกว่าการจะสร้างประวัติศาสตร์แบบครั้งนั้นเป็นไปไม่ได้ในวันนี้ แต่ด้วยความที่ระยะหลังอดีตประตูในตำนานดูมีความผิดปกติทางการพูดจา และหลายต่อหลายครั้งที่พูดมาก็เป็นคล้ายกับการเสียดสี ตรงข้ามความเป็นจริงอย่างสุดขั้ว
นั่นทำให้ยังเป็นที่กังขาว่า ที่บอกว่าโปแลนด์ จะไร้โอกาสสร้างฝันร้ายให้อังกฤษอีกเขาหมายความเช่นนั้นจริงๆหรือไม่?
โดยศักยภาพ โปแลนด์ วันนี้ย่อมสู้รุ่นครูในวันวานไม่ได้ แต่ลูกหนังหลังม่านเหล็กยุคนี้ก็มีพัฒนาการที่น่าสนใจ อย่างน้อยพวกเขาก็มีหัวหอกระดับพระกาฬที่ว่ากันตรงไปตรงมาเวลานี้เก่งกว่ากองหน้าอังกฤษหลายๆคนมาก อย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หรือปีกตัวจี๊ดที่ไว้ใจไม่ได้อย่าง ยาคุบ บลาชีคอฟสกี้
รวมถึง อาเธอร์ โบรุค นายด่านเวลานี้ก็อยู่ในฟอร์มที่เยี่ยมยอด ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาเสียไปเพียงแค่ 2 ประตู เสียน้อยที่สุดในยุโรปเป็นรองเพียงแค่ มอร์แกน เด ซังติส ของอาแอส โรม่า คนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ทุกอย่างมันอยู่ในมือของอังกฤษเองไม่ต่างจากเมื่อ 40 ปีก่อน
ในสถานการณ์ที่ถือว่าไม่เสียเปรียบ และฟอร์มการเล่นกำลังจัดจ้านด้วยความคึกคักจากพลังแนวรุก 4 ประสานสายเลือดใหม่ เวย์น รูนี่ย์, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, แดนนี่ เวลเบ็ค และน้องใหม่ที่มาแรงสุดๆอย่าง แอนดรอส ทาวน์เซนด์ซึ่งได้จุดประกายความหวังใหม่ให้แก่อังกฤษ ในวันที่แสงนั้นริบหรี่จนมองแทบไม่เห็นปลายทาง
โดยเฉพาะ ทาวน์เซนด์ ที่ชีวิตพลิกผันจากการโดนลงโทษแบนห้ามลงสนาม 4 นัดจากการเล่นพนัน (ซึ่งมีข่าวว่าเป็นความผิดพลาดของทาวน์เซนด์ ที่ไม่ได้ตั้งใจเล่น) สู่การเป็น "วีรบุรุษ" เป็น "ไอดอล" ของเด็กวัยรุ่นทั้งชาติ จากการต่อสู้ชีวิตอย่างหนักกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้
วันพิพากษาที่จะเดินทางมาถึงในค่ำคืนนี้ จึงอยู่กับพวกเขาเองว่าจะทำได้หรือไม่
ฝันร้ายที่ยืนยาวกว่า 40 ปี จะได้จบลง หรือไม่ก็จะถูกหลอกหลอนเป็น "คำสาป" สืบไป...
"ลูกแม่กิ่ง"