อะดรีนาลีน...

อะดรีนาลีน...

อะดรีนาลีน...
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : อะดรีนาลีน (Adrenaline) เป็น "ฮอร์โมน" สร้างขึ้นจากต่อมหมวกไตทั้งมนุษย์ และสัตว์ อะดรีนาลีนจะหลั่งออกมาขณะที่ โกรธ, ตกใจ, ตื่นเต้น อย่างรุนแรง เป็นวิวัฒนาการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพทางร่างกายในระยะเวลาอันสั้น

เลือดสามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ออกซิเจนสามารถเข้าสู่ปอดได้อย่างรวดเร็ว... โอ๊ะ โอ หลายคนตกใจว่า อธิคม เริ่มต้นอะไรแบบนี้ในคอลัมน์ "อารมณ์คมคาย" ของตัวเองแบบนี้ ไม่ใช่วิชาวิทยาศาสตร์ และไม่ใช่ซีรี่ส์ "ฮอร์โมน" แต่ผมว่าเกมฟุตบอลโลก 2014 รอบเพลย์ออฟ โซนยุโรป เมื่อคืนวันอังคาร (19 พ.ย.) ที่ผ่านมา ผมว่าฮอร์โมนตัวนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแรงเลยทีเดียว

และแล้วโฉมหน้าของ 4 ทีมสุดท้ายจากทวีปยุโรปก็เปิดเผยออกมาให้เห็น ประกอบด้วย กรีซ, โครเอเชีย, โปรตุเกม และฝรั่งเศส หากลองพินิจกันจริงขุนแข้งจากแดนเทพนิยายคือทีมเดียวที่สบายที่สุดในรอบเพลย์ออฟ เพราะจับไปเจอกับ โรมาเนีย ทีมที่ขุมกำลังก็เป็นรอง ประสบการณ์ก็เป็นรอง ระบบการเล่นก็เป็นรอง ทำให้ค่อนข้างสบายใจกับ 2 เกมทั้งเหย้าและเยือน

โดยเกมแรกจัดการในบ้านแบบอยู่หมัด 3-1 และเกมที่ 2 เล่นแค่เสมอ 1-1 ก็เพียงพอต่อการผ่านสู่รอบสุดท้ายทันที ดังนั้น กรีซ อาจเป็นชาติเดียวจาก 3 ชาติที่ฮอร์โมน อดรีนาลีน ไม่ได้หลั่งอะไรมากมาย เต็มที่อาจมีหลั่งพอให้ฟินเล่นๆ ในวินาทีที่เสียงนกหวีดของเกมนัดที่ 2 เป่าสิ้นสุดเกม เพราะนั่นคือสัญญาณที่การันตีว่าปีหน้าพวกเขาจะได้ไปร่วมเทศกาลคาร์นิวัลที่แดนกาแฟเป็นแน่

หลังโดนไล่ออก แต่ทีมชาติได้ไปบอลโลกแบบนี้ อะดรีนาลีน ก็หลั่งสิครับ

ทีมที่ต้องหลั่ง อะดรีนาลีน เยอะหน่อยคงเป็น "ตาหมากรุก" โครเอเชีย ที่จริงๆ แล้วโชคดีกว่าใครในรอบเพลย์ออฟนี้ เนื่องจากจับเจอกับทีมที่น่าจะเบาที่สุดอย่าง ไอซ์แลนด์ แต่ไม่ว่าจะด้วยความผิดพลาดอันใด ไม่ว่าจะ ไอซ์แลนด์ เล่นได้ดี, กุนซือโครแอตยังอ่อนประสบการณ์ หรือนักเตะประมาทกันไปเอง แต่เกมแรกก็เล่นเอาพวกเขาเครียดปวดขมับ เพราะทั้งๆ ที่คู่แข่งเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่กลับหักด่านเก็บประตูนอกบ้านกลับมาไม่ได้

เมื่อมาเล่นในเกมที่ 2 จึงทำให้ค่อนข้างอึดอัด น่ารำคาญใจอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามนี่คือทีมที่ได้ชื่อว่าเป็น "จอมขัดแข้งขัดขา" ทีมหนึ่งในทัวร์นาเมนท์ชิงจ้าวลูกหนังโลก เมื่อกลับมาเล่นในบ้านพวกเขาจึงคอนเฟิร์มตั๋วฟุตบอลโลกได้แบบไม่ลำบากเท่าใดนัก ประตูแรกของ มาริโอ มานด์ซูคิช ในนาทีที่ 27 ของเกมที่ 2 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พวกเขามั่นใจในการเล่นของตัวเองมากขึ้น

และแม้คนยิงประตูนำจะถูกไล่ออกจากเกมในอีก 9 นาทีต่อมา กัปตันทีมอย่าง ดาริโอ เซอร์น่า ก็เติมขึ้นมายัดเยียดประตูที่ 2 พร้อมตีตราสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้ในช่วงต้นครึ่งหลัง ก็นับว่าลุ้นเหนื่อยในระดับหนึ่ง

ฟรีคิกกระตุกติงเจ็ทโด้ของอิบรา

การเอาคืนฉับพลันของเจ็ทโด้

ทีมที่ต้องใช้ฮอร์โมนอะดรีนาลีนเยอะกว่า โครเอเชีย คือ โปรตุเกส ครับ เกมแรกเล่นในบ้านกำความได้เปรียบกว่าด้วยการมีประตูก่อน 1 เม็ด กลับมาเล่นนัดสองในบ้านของ สวีเดน ใครต่อใครก็คาดการณ์กันไปต่างๆ นานา เพราะบอล 3 หน้าเหลือเกิน

เนื่องจาก สวีเดน ก็เป็นชาติที่โดดเด่นกับการเล่นในบ้าน ประตูเดียวที่นำอยู่ไม่สามารถการันตีตั๋วรอบสุดท้ายได้ และซลาติน อิบราฮิโมวิช กองหน้าตัวเก่งของพวกเขาก็พร้อมจะแดสงอิทธิปาฏิหาริย์ให้เห็น แต่ถ้า สวีเดน มี "อิบรา" พลพรรคแดนฝอยทองก็มี "เจ็ทโด้" คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เช่นเดียวกัน

เริ่มมาก็ยิงเอาประตูทีมเยือนได้ก่อนเลย แต่แล้วเกมระทึกขึ้นเมื่อ อิบรา กด 2 ตุงติดๆให้พลิกแซง และต้องการอีกแค่ประตูเดียวเพื่อผ่านสู่ ฟุตบอลโลก2014 แต่พลังใจของ "ซีอาร์ 7" เหลือรับประทานจริงๆ

เพราะอยู่ดีๆก็ยิง 2 ประตูใน 2 นาที พร้อมปิดประตูคู่แข่งสู่การผ่านสู่รอบสุดท้ายแบบนิ่งสนิท 10 นาทีสุดท้ายกับการต้องยิง 3 ประตูทีมอย่าง โปรตุเกส ให้ได้ มันยากเกินกว่าพลังที่ อิบรา มีจริง

งานนี้ต้องยอม ที่สำคัญ โรนัลโด้ ขยับขึ้นเป็นเต็ง 1 ในการคว้ารางวัล "บัลลงดอร์" ทันที

วิ่งแบบนี้เรียกว่า ฟิน กันทั้งชาติ

แต่ผมว่าทีมที่ต้องใช้ฮอร์โมน อะดรีนาลีน ตลอด 90 นาทีของเกมการแข่งขันในนัดที่ 2 ของรอบเพลย์ออฟคือทีมชาติ ฝรั่งเศส เพราะแม้จะเป็นเจ้าบ้าน แต่มีข้อแม้ว่าต้องชนะทีมเยือนอยู่ ยูเครน ให้ได้มากกว่า 3 ประตูขึ้นไป เนื่องจากเกมแรกไปบ้อท่าพลาดมา 2 เม็ดแบบยิงคืนไม่ได้ในบ้านของเขา

ดังนั้นเกมนี้นักเตะ "เลส์ เบลอส์" ทุกรายจึงท่องในใจไว้ว่า "3 เม็ด" ตลอดการแข่งขันแถมยังเสียประตูไม่ได้ เพราะหากโดนยิงประตูทีมเยือนการบ้านก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และ "ตราไก่" ก็ได้ดังปรารถนาประตูแรกจากจังหวะซ้ำของ มามาดู ซาโก้ ในนาทีที่ 22 ต่อด้วยประตูปัญหา (อีกแล้ว) ของ คาริม เบนเซม่า ที่ดูยังไงก็ลำหน้าแน่ๆ ในนาทีที่ 34 เมื่อทวง 2 ประตูคืนมาได้เร็วตั้งแต่ครึ่งแรก

ทำให้การบ้านที่เหลือของ ฝรั่งเศส ในครึ่งหลังคือการยิงประตูเพื่อชนะ 3 ลูกให้ได้ และต้องไม่เสียประตู ซึ่งเราก็ได้เห็นว่าพวกเขาทำได้ และดีใจกันถ้วนทั่ว นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมฮอร์โมน อะดรีนาลีน จึงไปหลั่งอยู่ที่แดนน้ำหอมเยอะที่สุด เนื่องจากมีเงื่อนไขหลายขั้นตอนให้ต้องลุ้นกัน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

ประตูเจ้าปัญหาของ เบนเซม่า แต่ก็ยังไม่น่าเกลียดเท่าคราวที่แล้วนะ

วลีที่ว่า "ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้" ส่วนประตูปัญหาของ ฝรั่งเศส ที่เกิดขึ้นนั้น ผมว่ายังไงไม่น่าเกลียดเท่ากับ "แฮนด์ ออฟ ก็อด" ที่ เธียรี่ อองรี เคยทำไว้ครั้งก่อน มีคนมาถามผมเยอะมากว่า มันเป็นการล็อกผลการแข่งขันหรือไม่, หรือบางคนก็ประชดว่า "ใช่สิ มิเชล พลาตินี่ ประธานยูฟ่า เป็นคนฝรั่งเศสนี่" ผมเฉยๆ นะ ถ้าคุณไปคุยกับคุณอื่น เขาอาจเห็นด้วย หรือแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

แต่สำหรับกองเชียร์ "ตราไก่" อย่างผม งานนี้ใครดีใครได้ และไก่ที่เห็นตีนงู ก็ใช่ว่างูจะเห็นนมไก่เสมอไป (เกี่ยวกันตรงไหน) เอาเป็นว่า 4 ทีมที่ผ่านเข้ามาในโควต้าสุดท้ายล้วนแล้วแต่โหดหินเท่านั้น มันบอกอะไรเรารู้หรือไม่ครับ

มันบอกว่า ฟุตบอลโลก2014 รอบสุดท้ายที่ประเทศ บราซิล ในกลางปีหน้าที่จะถึงนี้ อะดรีนาลีนของกองเชียร์อย่างเราๆ จะพุ่งปรี๊ดปร๊าดตลอดทัวร์นาเมนท์นั่นเอง

อธิคม ภูเก้าล้วน เรียบเรียง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook