น้ำตาแห่งเกียรติยศ บนชัยชนะที่ไม่ขาวสะอาดของโรนัลโด้

น้ำตาแห่งเกียรติยศ บนชัยชนะที่ไม่ขาวสะอาดของโรนัลโด้

น้ำตาแห่งเกียรติยศ บนชัยชนะที่ไม่ขาวสะอาดของโรนัลโด้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : นับจากวินาทีที่ "ไข่มุกดำ" เปเล่ ตำนานราชาลูกหนังโลกผู้ได้รับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำเกียรติยศซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นเป็นปีแรกสำหรับนักฟุตบอลระดับตำนานในอดีต ประกาศว่าผู้ที่ได้รับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำหรือชื่อเต็มๆว่า "ฟีฟ่า บัลลงดอร์" อันหมายถึงนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปี 2013 คือคริสติอาโน่ โรนัลโด้

ณ ห้วงวินาทีนั้นบรรยากาศในหอประชุมซูริคคอนเกรสเฮาส์ ในกรุงซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดูเงียบลงในฉับพลัน

ในความเงียบนั้นมีความคิดของใครต่อใครมากมายที่ล่องลอยปะปนอยู่ในอากาศที่หมุนเวียนถ่ายเทในหอประชุมแห่งนั้น ความคิดนั้นมีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ยินดีและไม่ยินดี ต่อการได้รับรางวัลของซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสในครั้งนี้

กระนั้นน้ำตาที่ไหลออกมาโดยมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ของโรนัลโด้ ได้ลบความรู้สึกทุกอย่างอย่างสิ้นเชิง ทุกคนหยุดเพื่อจะฟังคำกล่าวของอดีตเจ้าของรางวัลเมื่อปี 2008 ที่สามารถโค่นบัลลังก์ของลิโอเนล เมสซี่ได้เป็นครั้งแรก

เพียงเพื่อจะได้ยินเสียงสะอื้นไห้ กับถ้อยคำตะกุกตะกักเพราะ ณ เข็มนาฬิกาเดินไปนั้น โรนัลโด้ เองก็ไม่อาจสรรหาคำพูดใดๆมาบรรยายสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเขาได้เหมือนกัน

มันเป็นน้ำตาแห่งความปีติยินดี ที่ความพยายามจะพิสูจน์ตัวเองของเขาตลอด 4 ปีที่ผ่านมาสัมฤทธิ์ผล

วันนี้เขาคือนักฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลกอีกครั้งอย่างเป็นทางการ ไม่ว่ามันจะอยู่กับเขาไปอีกนานเท่าใดก็ตาม

โรนัลโด้ บอกว่าเขามีความสุขที่สุด ภูมิใจที่สุด และตื้นตันที่สุดกับการได้รับรางวัลจากตำนานผู้เป็นราชาลูกหนังโลกที่แท้จริงอย่างเปเล่ ก่อนจะสดุดีเพื่อนร่วมทีมทุกคน โค้ชและสตาฟฟ์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นในทีมเรอัล มาดริด หรือทีมชาติโปรตุเกสก็ตามที

ถ้อยคำที่กล่าว และน้ำตาลูกผู้ชายที่ไหลเป็นทางนั้นช่างขัดกับภาพลักษณ์ของนักเตะจอมยโส ที่แม้แต่เซปป์ แบลตเตอร์ ยังออกปากแซวจนกลายเป็นประเด็นใหญ่โตในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

ไม่ว่าใครที่ได้พบเห็น หากหัวใจไม่ด้านชาก็ย่อมรู้สึกได้ว่าชายคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นและคิดเอาเองทั้งหมด

เสียงครหา บัลลงดอร์ที่มีมลทิน


อย่างไรก็ดีการได้รับรางวัลบัลลงดอร์ครั้งนี้ของโรนัลโด้ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดความคาดหมายแต่อย่างใด

ที่ไม่ผิดความคาดหมายนั้นไม่ใช่เพราะผลงานโดดเด่นเพียงอย่างเดียว แม้ว่าผลงานของสตาร์โปรตุกีสโดยลำพังแล้วจะยอดเยี่ยมและทำให้เขามีโอกาสจะคว้ารางวัลได้โดยขาวสะอาดก็ตาม

สิ่งที่ทำให้เกิดคำครหาคือการที่ฟีฟ่า สั่งให้มีการเลื่อนกำหนดการลงคะแนนเสียงจากเดิมในวันที่ 15 พ.ย. ออกเป็น 29 พ.ย. ออกไปโดยอ้างว่าเป็นเพราะมีปัญหาเรื่องของการรวบรวมคะแนนเสียงที่ล่าช้า

แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือก่อนหน้านั้น แบลตเตอร์ เกิดหลุดปากวิจารณ์โรนัลโด้ และพูดในทำนองที่มีอคติต่อนักเตะคนนี้ ทำให้มีคำถามตามมามากมายว่าประธานฟีฟ่า และฟีฟ่าเองล็อกสเป็กเลือกลิโอเนล เมสซี่ เป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในสมัยที่ 4 เพราะไม่ชอบโรนัลโด้

ไม่นับเรื่องของสายสัมพันธ์ระหว่าง "อาดิดาส" กับฟีฟ่า ในฐานะท่อน้ำเลี้ยงสำคัญ ซึ่งสถานะความเป็นหนึ่งระหว่างเมสซี่ กับโรนัลโด้ ที่เป็นนักเตะในสังกัดของไนกี้ นั้นมีผลต่อการทำการตลาดมากมายมหาศาล

ครั้งนั้นโรนัลโด้ ตอบโต้ว่าเขา "ไม่แคร์" ต่อคำกล่าวของแบลตเตอร์ แต่ลึกๆใครย่อมรู้ว่าเขาเจ็บปวดกับเรื่องนี้

กระแสจึงเริ่มตีกลับไปที่แบลตเตอร์ และทำให้มีคำสั่งการเลื่อนลงคะแนนเกิดขึ้น ซึ่งทำให้มีการคาดว่าเพื่อเปิดโอกาสให้หลายฝ่ายลงคะแนนให้โรนัลโด้ มากกว่าจะเป็นฟรองก์ ริเบรี่ ปีกสายฟ้าผู้พาบาเยิร์น มิวนิคคว้า 3 แชมป์ประวัติศาสตร์ในฤดูกาล 2012-13 ซึ่งแม้แต่อูลี่ เฮอเนนส์ ประธานทีมเสือใต้ ยอมรับก่อนการประกาศรางวัลว่าริเบรี่ ไม่มีทางได้รางวัลเพราะมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง

ดังนั้นแม้ผลงานของเขาจะยอดเยี่ยม โดยเฉพาะช่วงปลายปี ซึ่งเรื่องนี้โดยลำพังก็ใกล้เคียงที่จะทำให้เขามีโอกาสได้รับรางวัลโดยสุจริตอยู่แล้ว แต่การกระทำของฟีฟ่า ทำให้รางวัลนี้ของโรนัลโด้มีมลทิน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook