ฟ้าสีเทาและคืนเหงาของ มอยส์

ฟ้าสีเทาและคืนเหงาของ มอยส์

ฟ้าสีเทาและคืนเหงาของ มอยส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : พรีเมียร์ลีก อังกฤษ บรรเลงเพลงแข้งผ่านพ้นไป 24 นัด แทบทุกทีม (เหลือ แมนฯ ซิตี้ vs เชลซี) เส้นทางลุ้นแชมป์สะเด็ด สะแด่วแห้วไปเลยอีน้องงง ...

แต่แชมป์เก่าเจ้าของอาร์มทองบนต้นแขนซ้าย-ขวา อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก จนเรียกได้ว่า "ผีไม่มีสุสาน" หลังพานพบความพ่ายแพ้เป็นนัดที่ 8 เข้าให้แล้ว

เดวิด มอยส์ กุนซือทายาทอสูร สร้างสถิติจารึกในประวัติศาสตร์ให้เป็นที่จดจำไปอีกนานแสนนาน ด้วยการนำทีมแพ้ สโต๊ค ซิตี้ ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1984 หรือเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

เดวิด มอยส์ หน้าจ๋อยอีกแล้วลูกเพ่

เท่านั้นไม่พอ ยังเป็นความพ่ายแพ้แบบเปิดซิงเลือดไหลซิบๆ ครั้งแรก นับตั้งแต่ "เดอะ พ็อตเอร์ส" ขึ้นมาโชว์ฝีไม้ลายศิลป์ปั้นหม้ออวดสายตาชาวโลก บนเวทีพรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2007

แม้ว่า มอยส์ & เอ็ด (เอ็ด วู้ดเวิร์ด CEO) เพิ่งทุบคลังคว้าตัว ฆวน มาต้า เพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กมาจาก เชลซี ด้วยค่าตัวทำลายสถิติสโมสร 37.1 ล้านปอนด์ พร้อมประเดิมตัวจริงเกมแรกแบบสวยหรู จากชัยชนะเหนือ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา 2-0

แต่การเยือน บริทานเนีย สเตเดี้ยม ที่อุดมไปด้วยบรรดาแข้งจอมโหดเคลือบไปด้วยโลหะหนัก อันประกอบไปด้วยตะกั่วและทองแดง จัดการกระทิงเล็กพริกขี้หนูไปแทบไม่เป็นตลอด 45 นาทีแรก

ฆวน มาต้า เพลย์เมกเกอร์ตัวใหม่ของ "ผีแดง"

จะว่าไปแผนการจัดตัวของ "ฮมอยส์" ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลวร้ายไปเสียทีเดียว การได้ เวย์น รูนี่ย์ กับ "อาร์วีพี" กลับมาประสานงานกันในแดนหน้า ผนึกกำลังกับ มาต้า ที่อยู่มุมไหนก็ได้ของสนาม กับ แอชลี่ย์ ยัง (ลูกรัก) ที่สมควรได้โควต้า จากผลงาน 1 เมล็ดในเกมพิชิต "เดอะ บลูเบิร์ดส์"

การกลับคืนตัวจริงในรอบ 5 เกมของ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ที่ฟอร์มหล่นหายเข้ากลีบเมฆยังดูเก้ๆ กังๆ เช่นเดิม หนำซ้ำยังต้องแบกภาระอันหนักอึ้งกว่าเดิม หลังจากที่ ไม่เคิ่ล คาร์ริค จำต้องถอยลงไปคุมเกมรับแทนที่ ฟิล โจนส์ ที่สลบเหมือดในช่วงท้ายครึ่งแรก

ซึ่งก่อนหน้านั้นตั้งแต่ 11 นาทีแรก ก็จำต้องเสีย จอนนี่ อีแวนส์ เซ่นอาการบาดเจ็บไปแต่ต้นเกม เท่ากับว่าต้องเสียหัวใจสำคัญในแนวรับไปถึง 2 ราย เสียโควต้าตัวสำรองไปโดยเปล่าประโยชน์

จอนนี่ อีแวนส์ (ซ้าย) เดินกระเผลกออกจากสนาม ส่วน ฟิล โจนส์ โดนหาม

ความโชคร้ายเกิดขึ้นได้กับทุกคนและทุกทีม ไม่เว้นกระทั่งเจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย (พยายามย้ำ ฮ่าๆ) ย่อมมีช่วงเวลาของความซวยเคาะประตูถามหาชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้

พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกไม่พอ บุรุษที่สุดแห่งความปลาบปลื้มของ "เซอร์ เฟอร์กี้" ยังทำงามหน้าในการปรับหมากผู้เล่นในสถานการณ์คับขันได้อย่างน่าเขกกะโหลก

การส่ง แดนนี่ เวลเบ็ค กองหน้าไร้วิญญาณเพชฌฆาตลงสนามแทน ฟิล โจนส์ ที่เดี้ยง พร้อมถอย เวย์น รูนี่ย์ ลงมาบัญชาเกมแดนกลาง คือการปรับหมากที่ไร้ประโยชน์และไร้ประสิทธิภาพโดยแท้จริง

เวย์น รูนี่ย์ ต้องถอยลงไปยืนมิดฟิลด์ตลอด 45 นาทีหลัง

เข้าใจได้ว่าด้วยสถานการณ์ที่ตกเป็นรองและต้องการประตูคืน การเติมแนวรุกคือทางเลือกของผู้เป็นกุนซือ แต่การฝากความหวังไว้ที่ "โก๋แดน" แล้วถอย "รูน" ลงต่ำ เท่ากับว่าลดความน่ายำเกรงในแนวรุกลงไปอีกเท่าตัว

ไม่ช่วยยังแถมสร้างภาระให้ ฟาน เพอร์ซี่ย์ ได้อีก มีอยู่หนึ่งจังหวะที่ มาต้า ไหลเข้าเขตโทษ เหลือเพียงแค่พลิกแล้วยิงเท่านั้น แต่กองหน้าระดับทีมชาติอังกฤษ จับบอลวืดเสียของไปซะอย่างนั้น หนำซ้ำยังไปบังไลน์เพื่อนที่เค้าอยู่ในตำแหน่งดีกว่า

ส่วนโควต้าเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายที่ดูเหมือนจะมีเวลาให้ มอยส์ และทีมงานได้ฉุกคิดว่าจะเอาใครดีลงสนามในสถานการณ์ที่ต้องการประตูเป็นอย่างยิ่ง หวยออกที่ ชิชาริโต้ แต่ผู้ถูกถอดกลับเป็น "อาร์วีพี" ผู้เป็นเบอร์ 1 ณ ช่วงเวลานั้น

ฟาน เพอร์ซี่ หายเจ็บกลับมายิงประตูที่ 2 ใน 2 เกม

ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสภาพร่างกายที่อาจจะยังไม่ฟิตเต็มร้อยพอยืน 90 นาที ของศูนย์หน้า "ฟลายอิงดัตช์แมน" ที่เป็นเหตุผลในการถอด แต่ถึงกระนั้น ทางเลือกอื่นๆ ยังมีให้เลือกหลายหลากบนม้านั่งสำรองที่มี ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ เพื่อสมดุลแดนกลาง หรือ อันโตนิโอ วาเลนเซีย และอัดนาน ยานาไซ เติมความวูบวาบริมเส้น

สุดท้ายการถอดศูนย์หน้าและเติมศูนย์หน้า คือวิถีทางของ มอยส์ จนลืมไปเสียสนิทว่าผู้สร้างสรรค์เกมที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้เหลือแค่ มาต้า คนเดียว ขณะที่ แอชลี่ย์ ยัง ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน กลับได้อยู่ในสนามจนครบ 90 นาที

นี่แหละ "ในวันที่ฟ้ามีเพียงแค่สีเทา ความเหงามันกินในใจ" ซูเปอร์มอยส์ จะหยิบจะจับอะไรดูขัดใจสาวก "ปีศาจแดง" ไปเสียทุกสิ่งอย่าง โชคก็ไม่เข้าข้าง เส้นทางดูมืดมน... ฮ่าๆ

แอชลี่ย์ ยัง ...ยัง ..ยัง ไม่ออกอีก 555

จะด้วยโชคชะตาหรือฟ้าฝนไม่เป็นใจ และหรืออื่นใดก็ตามแต่ เกมแพ้ สโต๊ค 1-2 "มอยส์ & เดอะแก๊งค์" สอบตกในเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์ฉุกเฉิน!

อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่หาใช่เฉพาะเกมนี้ไม่ สิ่งสำคัญคือความคงเส้นคงวาที่หาให้ตายยังไงก็หาไม่เจอ ชนะ 1 นัด เสมออีก 3 แพ้ไปอีก 2 ..., 3 วันดี 4 วันไข้ จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย

จิตวิทยาในการกระตุ้นลูกทีมหายไปไหนหมด จากจอมเกรี้ยวกราดตวาดไม่ไว้หน้าสมัยคุม เอฟเวอร์ตัน กลับเป็น นั่งจับเจ่า เหงาๆ เราและนาย (สตีฟ ราวด์ ผู้ช่วยฯ) กลายเป็นภาพชินตาไปโดยมิมีใครอยากยอมรับ

เดวิด มอยส์ เดินคอตกอีกแล้วครับท่าน

สุดท้ายแล้วก็ยังเชื่อว่า ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรระดับโลกอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังพร้อมให้การสนับสนุน เดวิด มอยส์ คุมทีมต่อไปในระยะยาว จนกว่าจะเกิดเหตุการณ์วินาศสันตะโรหนักหนาสาหัสจนเกินรับไหว

เช่นเดียวกับบรรดา "เร้ด อาร์มี่" ทุกหมู่เหล่า ทุกคนมี 1 สิทธิ์ 1 เสียง เท่ากัน ด่าได้ วิจารณ์ได้ สุดท้ายแล้วยังต้องกลับมาหนุนหลังทีม และส่งแรงเชียร์กันต่อไป

-จ่าตุ๊-

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook