มอยส์...หอกหัก!

มอยส์...หอกหัก!

มอยส์...หอกหัก!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : พังหมดแล้วครับ ชื่อเสียงที่สั่งสมมากว่าครึ่งศรรษตวรรษของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบนรอยหยักของกุนซือฟ้า ประทาน เดวิด มอยส์ ล่าสุดทำลายสถิติเก่าสโมสรพังครืนด้วยการพ่ายสโต๊คเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษ

ก่อนยัดเยียดความบรรลัยให้ แมนฯยูฯ สโต๊คของ มาร์ค ฮิวจ์ มีสถิติอย่างไรทราบไหมครับ

สโต๊คเป็นทีมที่มีผลงานห่วยแตกที่สุดทีมหนึ่งในพรีเมียร์ ลีก

เสีย 16 ประตูภายใน 6 แมตช์ และยิงได้เพียง 5 ประตูเท่านั้นหนำซ้ำเก็บได้เพียง 1 แต้มจาก 18 พูดง่ายๆ เสมอ 1 แพ้ 6 ไม่ชนะใครเลย

สาวกปิศาจแดงชั่วโมงนี้ผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวนั่นคือการประสานเสียงกันจวกด่าเดวิด มอยส์ โดยมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน คือ เดวิด มอยส์ เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบกับผลงานของทีม

คำถามคือ การพ่ายต่อสโต๊ค 2-1 หลายคนมองว่าการแก้เกมของเดวิด มอยส์คิดมากไป จนดูเหมือน "ไร้สมอง" ส่วนหนึ่งเพราะคิดต่างจากแฟนปิศาจแดง แล้วพ่ายแพ้ เดวิด มอยส์ จึงรับ "เละ" ไปตามสภาพ

11 ขุนพล ของปิศาจแดงในเกมเยือนบริทาเนีย ถือว่าเป็นชุดที่แข็งแกร่งที่สุดก็ว่าได้ อาจมีเพียงแอชลี่ย์ ยังเพียงรายเดียวเท่านั้น ที่แฟนปิศาจแดงตั้งคำถามถึงขีดความสามารถ

ต้องบอกก่อนเลยว่าผม ต้องกลับมาย้อนดูไฮท์ไลท์แบบเต็มเกมอีกครั้ง หลังการให้สัมภาษณ์ ของเดวิด มอยส์ ที่บอกประมาณว่า "เราโชคร้ายที่เสียประตูแรก กับอีกประตูที่เด็ดขาด เรามีโอกาสเราเล่นดีแต่เราฉวยโอกาสไม่ได้ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อจะได้รับชัยชนะ"

แน่นอนครับ การให้สัมภาษณ์ ของเดวิด มอยส์ ออกแนวน้อยเนื้อต่ำใจ ในโชคชะตาประมาณว่าโลกนี้ ไร้ความยุติธรรม ทว่าบางครั้งเดวิด มอยส์ อาจไม่รู้ว่า โชค มันก็เลือกจะอยู่กับ คนที่พยายามเท่านั้นนะครับ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณไม่ซื้อหวย คุณจะมีวันถูกหวยไหมครับ

กลับมาพูดถึงเกมที่ บริทาเนียกันต่อ ...

หลังจากพยายามหาเหตุผลว่า แมนฯยูไนเต็ด แพ้ในขบวนล่าสุด สาเหตุมันมาจากอะไร ทั้งที่อุดมด้วยนักเตะระดับโลกถึง 3 หน่อ ในแนวรุก อย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เวย์น รูนี่ย์ และฆวน มาต้า ซึ่งสอดประสานกันได้อย่างลงตัวใน 45 นาทีแรกถึงแม้จะโชคร้ายเสียประตูจากฟรีคิกของชาร์ลี อดัม ที่ไปแฉลบไมเคิล คาร์ริก เปลี่ยนทางเข้าประตูไปก็ตาม

แต่เกมรุกของปิศาจแดง ก็กดดันเจ้าบ้านได้ดีมากๆ มีจังหวะเข้าทำจากการเล่น บอลสั้น สลับยาว รวมถึงการทำชิ่งโจมตีเร็วทางด้านซ้าย ที่รับหน้าที่โดยแอชลี่ย ยัง กับปาทริซ เอฟร่า

จุดที่น่าสังเกต และเกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น คือ เมื่อฆวน มาต้า ได้ยืนอยู่ด้านหลัง คู่หอกพระกาฬอย่างโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กับ เวย์น รูนี่ย์ ช่างเป็นอะไรที่น่าสยดสยองดีนักแล

ในที่สุด ปิศาจแดงก็ตามตีเสมอได้สำเร็จ หลังกลับออกจากห้องแต่งตัวไม่นานนัก

ต้องบอกว่า นักเตะอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค ที่ตกเป็นเป้าโจมตี ว่าเล่นได้ห่วยแตก กลับมีส่วนกับประตูนี้ ด้วยการวิ่งเข้ากดดัน อัสเมียร์ เบโกวิช ผู้รักษาประตู "ช่างปั้นหม้อ"พร้อมกับฆวน มาต้า และฟาน เพอร์ซี่ ที่ตื้อชาร์ลี อดัม จนในที่สุดนำมาซึ่งการได้ประตู

จากการ จ่ายบอลระดับเวิลด์คลาสของ ดาวเตะค่าตัว 37.1 ล้านปอนด์ จบด้วยการซัดแบบไม่ต้องจับ ของ อาร์วีพี เป็นประตูที่สวยงามและดูมีไอเดียในการเข้าทำยิ่งนัก หลังจากที่รูปแบบการลอบฆ่าสไตล์นี้ ได้หายไปจากความรู้สึกของ เด็กผี นานแล้ว

ทว่าคนขี้แพ้ มันก็แพ้อยู่วันยันค่ำจริง ๆ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม ลูกผีจับยัดของแมน ออฟเดอะ แมตช์ในเกมนี้ ได้ตัดสินให้เดวิด มอยส์และลูกทีม คือผู้แพ้ และไม่ว่าจะพูดอะไร แก้ตัวอย่างไร ในสายตาสาวกปิศาจแดง คำพูดหลังเกมของ เดวิด มอยส์ มันก็ไม่ต่างจากคำแก้ตัว ที่ใช้ "แถ"ไปวันๆ

จึงตามมาด้วยกระแสวิพากษ์ วิจารณ์ ในการแก้เกมของเดวิด มอยส์

ทว่าหลังจากวิเคราะห์ อย่างถี่ถ้วนแล้วก็พบว่า เดวิด มอยส์ ทำสิ่งที่ผิดพลาดไป สองประการ

1. การเลือกตัวสำรองที่เป็นกองหลังอาชีพเพียง 1 รายจากโควตาที่มีอยู่ 7

คือ "ซวย" เหมือนที่เดวิด มอยส์พูดเป็นรอบที่ 10 กว่าๆ แล้วจริงๆ ล่ะครับ การที่ คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ของปิศาจแดง ดันทะลึ่งบาดเจ็บ ระหว่างเกมทั้งคู่ นั่นทำให้ ไมเคิล คาร์ริก ต้องลงไปเป็นเซ็นเตอร์ ฮาล์ฟ จำเป็น

ทว่าจุดนี้ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด หนำซ้ำ ไมเคิล คาร์ริกยังช่วยให้ทีมรอดพ้นจากจังหวะอันตราย หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน

แต่ปัญหาคือการ ไร้มิดฟิลด์ตัวคุมจังหวะอย่าง คาร์ริก ที่ปักหลักตรงกลางสนาม ส่งผลให้รูปเกมของปิศาจแดงเสียทรงไปโดยพลัน

โดยเวย์น รูนี่ย์ ไม่อาจคุมจังหวะเกมให้นิ่ง ได้เท่า "เฮียแปะ"

ซึ่งสาเหตุที่ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเยี่ยงนี้ก็มาจาก การที่ เดวิด มอยส์ ใส่ชื่อราฟาเอล ดาซิลวา เป็นกองหลังสำรองเพียงรายเดียว แต่เมื่อ ฟิว โจนส์ และ จอนนี่ อีแวนส์ นัดกันเจ็บในสนามอย่างนี้ ส่งผลให้เดวิด มอยส์จำต้องดึงไมเคิล คาร์ริก มาเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ พลางขยับเวย์น รูนี่ย์ ลงมาเป็น มิดฟิลด์ แทน แล้วให้แดนนี่ เวลเบ็ค ยืนหน้าคู่ อาร์วีพี นี่คือจุด สำคัญที่ทำให้ เกมของปิศาจแดงเริ่มรวนทันที

2. การ ส่งชิชาริโต้ ลงมาแทน โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ นี่คือการแก้เกมแบบฆ่าตัวตายอีกครั้งของเดวิด มอยส์ คือพอเข้าใจได้ครับว่าอาจจะต้องการ ศูนย์หน้าสไตล์เข้าฮอตในกรอบ 18 หลา ทว่าการเปลี่ยน อาร์วีพี ศูนย์หน้าระดับโลกออก มันคุ้มค่ากันจริงหรือ

ขอย้ำชัดๆ อีกครั้งว่ารูปเกมของปิศาจแดงค่อยๆ กลับมาบ้าระห่ำ อีกครั้งเมื่อ ฆวน มาต้า ยืนอยู่ด้านหลัง คู่หอก "รูนบิ้น" ทว่าสิ่งที่เดวิด มอยส์ ทำโดยไม่รู้ตัวคือการ "หักหอก"ตัวเองทิ้งออกไป

จาก รูนี่ย์ คู่ ฟานเพอร์ซี่ ทว่าท้ายที่สุด ชิชาริโต้ คู่ แดนนี่ เวลเบ็ค ซะอย่างนั้น

การพ่ายแพ้สโต๊ค ในเกมล่าสุด เกิดจาการที่ เดวิด มอยส์ ขยับ 3 พระกาฬ ออกจากโซนทำลายล้างข้าศึก ทีนี้รู้รึยังล่ะ ว่าควรทำอย่างไรถึงจะชนะ?

Red Bull

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook