นายทวารมือทองครองเมือง

นายทวารมือทองครองเมือง

นายทวารมือทองครองเมือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นธรรมดาที่ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ อย่าง ฟุตบอลโลก มักจะมีจังหวะสำคัญ ช็อตสวยต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เพื่อให้เป็นที่จดจำฝังลึกลงไปจนกลายเป็น "ความทรงจำ" แต่หากจะพูดถึงลูกยิงสวยๆ หรือสไตล์เทคนิคส่วนตัว อย่างเช่น สับขาหลอก แตะหลบคู่แข่งอย่างเหนือชั้น หลายคนคงจะพะอืดพะอมพอสมควร ดังนั้นผมคงจะไม่บ้าจี้ จัดอันดับประตูสวยๆมาให้ชมกันอีก
 
หากแต่ผมจะกลับไปพูดถึงตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งเป็นตำแหน่งที่คนทั่วโลกต่างพูดถึงกันอย่างหนาหูในทัวร์นาเมนต์ "เวิลด์ คัพ 2014" เพราะมีทั้งออกช้อตลูกเหวอ และมีทั้งเหนียวแน่นหนึบ ชนิดที่ต้องร้องอุทานออกมาว่า ! "โอ้ว แม่เจ้า" มันจะเหนียวไปนั้น เรียกได้ว่าเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ ผู้รักษาประตู ครองเมือง ก็ว่าได้
 
เอาเป็นว่าผมไม่ขอไปซ้ำเติมกับ "นายทวาร" ที่ทำผิดพลาดดีกว่า เพราะผมถือคติ 'คนล้มต้องไม่ข้าม' ! (ดูหล่อไหมครับ) ดังนั้นวันนี้ผมจะมาพูดถึงการแจ้งเกิดของ ผู้รักษาประตูมือทอง แบบเต็มเปี่ยม ที่โชว์ฟอร์มข้าวเหนียวเรียกพี่สุดๆใน "เวิลด์ คัพ 2014"
 
เริ่มที่คนแรก หากผมไม่พูดถึงคนนี้เป็นลำดับต้นๆ หลายคนคงจะคิดในใจ เห้ย! มั่วแล้วว ดังนั้นผมเป็นคนที่ชอบตามใจ ไปกันที่คนแรกเลย

กีเยร์โม่ โอโชอา - ทีมชาติเม็กซิโก, อายุ 28 ปี

 

ก่อนทัวร์เมนต์ ฟุตบอลโลก ฉบับ "แซมบ้า" จะระอุขึ้น ผมเชื่อว่ามีหลายคนอยู่เหมือนกัน ที่ยังไม่รู้จักอดีตนายประตูของ อฌักซิโอ ทีมที่ตกต้องกระเด็นตกชั้นหล่น จาก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ไปเล่นในลีกรอง และก็คงจะถูกจับตาน้อยเป็นพิเศษ เพราะก็ไม่ได้มีดีกรีโดดเด่นให้จับตามองอะไรด้วย

ที่จริง โอโชอา ติดทัพ "จังโก้" ลุย "เวิลด์ คัพ" รอบสุดท้ายมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ ... ปี 2006 เขามาในฐานะมือ 3 และปี 2010 มาในบทบาทเบอร์ 2 จึงแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมาเปรี้ยงปร้างดังเป็นพลุแตก เอาตอนเกือบ 30 !


คะแนนความหนึบ ให้ 8 เต็ม10

แมตช์แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ โอโชอา ในศึก "เวิลด์ คัพ 2014" คือแมตช์ที่ เม็กซิโก เสมอกับ บราซิล 0-0 ในรอบแบ่งกลุ่มนัด 2 เขาเซฟจังหวะสำคัญแบบจ๋าๆถึง 7 ครั้ง โดยเฉพาะจังหวะเหินปัดลูกโขกของเนย์มาร์ ซุป'ตาร์ "แซมบ้า" ได้อย่างเหลือเชื่อ จนถูกยกไปเปรียบเทียบกับตำนานลูกหนังโลกอย่าง กอร์ดอน แบงก์ ตำนานนายทวารทีมชาติอังกฤษ ที่พุ่งปัดลูกโหม่งจ่อๆของ "เปเล่" ได้ชนิดที่แทบไม่เชื่อสายตา ในฟุตบอลโลกปี 1970

แม้ทัพ "จังโก้" จะต้องร่วง ฟุตบอลโลก 2014 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยการพ่ายต่อ เนเธอร์แลนด์ 1-2 แต่ โอชัว ก็พกสถิติเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ 2 ครั้ง (แมตช์เสมอ บราซิล, และแพ้ เนเธอร์แลนด์) และเก็บคลีนชีตได้อีก 2 นัด ส่งผลให้เจ้าตัวเป็นนายทวารที่เนื้อหอมที่สุด ณ เวลานี้ (มีรายงานว่ามีถึง 20 สโมสร ให้ความสนใจ)

เคย์เลอร์ นาบาส - ทีมชาติคอสตาริก้า, อายุ 27 ปี


ทีมม้านอกสายตาของมวลมหาประชาชนทั่วโลกหรือพูดแบบหยาบๆคือทีม "แจกแต้ม" กลับกลายเป็นทีมที่ทำเซอร์ไพรส์ที่สุดในศึก "ฟุตบอลโลก 2014" ด้วยการถีบอดีตแชมป์โลกอย่าง อิตาลี และ อังกฤษ กลับบ้านเกิด โดยปัจจัยสำคัญที่พวกเขาผ่านมาถึงรอบ 8 สุดท้าย ต้องขอบคุณ นาบาส ด้วย

แม้ในกลุ่ม คอสตาริก้า จะประกอบด้วย อิตาลี, อังกฤษ, อุรุกวัย แต่ นาบาส เสียประตูแค่ลูกเดียวเท่านั้น (แมตช์ชนะ อุรุกวัย 3-1) ก่อนไปโชว์เทพเซฟจุดโทษช่วยให้ "กล้วยหอม" พาทีมผ่าน กรีซ ไปได้ในรอบ 16 ทีมสุด แม้สุดท้ายรอบ 8 พวกเขาจะต้องพ่าย เนเธอร์แลนด์ ในการยิงจุดโทษ แต่แมตช์นี้เขาเป็นพระเอกช่วยทีมเซฟช็อตสำคัญถึง 7 ครั้ง


คะแนนความหนึบให้ 9 เต็ม 10

จากฟอร์มของ นาบาส ทำให้เขามีสถิติเป็น "MOM" 3 นัด (นัดเสมอ อังกฤษ 0-0, นัดชนะจุดโทษ กรีซ, และนัดแพ้จุดโทษ เนเธอร์แลนด์ ) เก็บคลีนชีตได้ถึง 3 นัด พร้อมทำสถิติอันน่าเหลือเชื่อ คือเซฟประตูได้ถึง 87.5% มากที่สุดใน "เวิลด์คัพ 2014" เลยทีเดียว ! ดูแล้วต้นสังกัดอย่าง เลบานเต้ น่าจะเล็กไปสำหรับ นาบาส ซะแล้ว

ราอิส เอ็มโบฮี - ทีมชาติแอลจีเรีย, อายุ 28 ปี


เอ็มโบฮี คือใคร ไม่รู้จัก ! ผมเชื่อว่าคนไม่ค่อยได้ติดตามฟุตบอล คงต้องพูดคำนี้ ! แต่เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเขาดีในเกมที่ แอลจีเรีย เล่นเอา เยอรมัน เกือบต้องน้ำตาตกในเพราะเรียกได้ว่าบรรดาแนวรุกอย่าง โธมัส มุลเลอร์ ก็แล้ว "ชไวนี่" ก็แล้ว ต่างก็ยิงไม่ผ่านมือ เอ็มโบฮี แต่ยังดีที่สุดท้ายแล้ว "อินทรีเหล็ก" ยังเอาตัวรอดไปได้

ย้อนไปดูในรอบแบ่งกลุ่ม เอ็มโบฮี ก็โชว์ฟอร์มตั้งแต่นัดแรก แมตช์ที่เจอกับ เบลเยี่ยม แม้ แอลจีเรีย ต้องแพ้ แต่ช็อตเรียกคะแนนก็คือการเซฟลูกโขกของ มารูยาน เฟลไลนี่ ส่วนนัดที่ชนะ เกาหลีใต้ 4-2 นายทวารจาก ซีเอสเคเอ โซเฟีย บินเซฟลูกยิงของ กี ซอง-ยง อย่างสุดสวย


คะแนนความหนึบให้ 7 เต็ม 10

แม้ แอลจีเรีย จะไม่สามารถเก็บคลีนชีพได้ แต่ เอ็มโบฮี คือคนที่ไม่ทำให้ แอลจีเรีย เสียประตูแบบเละเทะในแต่ละนัด ทั้งๆที่เกมรับหลวมเหลือเกิน และเชื่อว่าช่วงซัมเมอร์นี้จะเป็นอีก 1 นักเตะเนื้อหอมแน่นอน

ทิม ฮาวเวิร์ด - ทีมชาติสหรัฐอเมริกา, อายุ 35 ปี


ที่จริง ฮาวเวิร์ด แจ้งเกิดมานานแล้วครับ แต่ไม่ได้โดดเด่นถึงขึ้นระดับท็อปของโลก จนกระทั่งถึงวันที่ทัพ "พญาอินทรี" ผ่านเข้ามาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย พบกับ เบลเยี่ยม ซึ่ง สหรัฐฯ เป็นรองทุกขุมกำลัง แต่ก็แพ้ไปอย่างฉิวเฉียด 2-1 ในช่วงต่อเวลา โดยนักเตะที่พาทีมไปถึงช่วง 120 นาที ก็คือ ฮาวเวิร์ด

หากเกมนี้ไม่มี ฮาวเวิร์ด สหรัฐฯ อาจแพ้ เบลเยี่ยม เกือบ 10 ลูก ก็ได้นะครับ ! (ผมพูดเว่อร์เกินไปหรือเปล่า) เพราะแมตช์นี้นายทวารจาก เอฟเวอร์ตัน  ออกแรงเซฟประตู ถึง 15 เซฟ นับว่าเป็นสถิติที่สูงที่สุดในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ตั้งแต่มีการจับสถิติในปี 1966 ทำลายสถิติเดิมของ รามอน กุยโรกา ผู้รักษาประตูทีมชาติเปรู ที่พบกับ ทีมชาติฮอลแลนด์ ในปี 1966 โดย กุยโรกา ทำไปได้ 13 เชฟ


คะแนนความหนึบให้ 9 เต็ม 10

แม้ "พญาอินทรี" ต้องตกรอบ แต่ ฮาวเวิร์ด ได้รับการยกย่องอย่างมาก ถึงขนาดที่ประชาชนจำนวนหนึ่งยื่นคำร้องถึงทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ขอเปลี่ยนชื่อสนามบินนานาชาติ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ให้เป็นชื่อของฮาวเวิร์ด เลยทีเดียว

คนสุดท้ายคนนี้ก็เป็นที่โด่งดังมานานแล้ว แต่แจ้งเกิดแบบเต็มตัวในการเป็นมือ 1 ของโลก ณ ขณะนี้ นักเตะคนนั้นคือ !

มานูเอล นอยเออร์ - ทีมชาติเยอรมัน, อายุ 28 ปี


ผมไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ นอยเออร์ อะไรมากนะครับ หลายคนคงเห็นฝีมือของเขาแล้วในสโมสร บาเยิร์น มิวนิค แต่ที่ผมอยากพูดคือความเหนียวและความเก่งกาจในการอ่านเกมของเขา รอบแบ่งกลุ่ม "เวิลด์ คัพ 2014" นายทวารรายนี้เก็บคลีนได้ 2 นัด (ชนะ โปรตุเกส และ ชนะ สหรัฐฯ)

แต่นัดที่มันเตะตาถึงฟอร์มการเล่นของผม ที่มีต่อ นอยเออร์ มากก็คือนัดที่ เยอรมัน ชนะ แอลจีเรีย ในรอบ 16 ทีม เขาอ่านเกมได้เฉียบแหลมเหลือเกิน ทำสถิติออกมาสกัดบอลนอกกรอบเขตโทษได้ทั้งหมดถึง 21 ครั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาจากที่กองหลังเยอรมัน มีความเชื่องช้า ผิดกับกองหน้าแอลจีเรีย มีความไว ชนิดที่ทำสำเร็จทั้งหมด


ยืนปัดชิลชิลแบบนี้ก็เอาไป 10 คะแนนเต็ม

อีกทั้งในเกมเจอกับ ฝรั่งเศส ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นอยเออร์ โชว์ความเป็นจ้าวยุทธ์แห่งนายทวาร  หลังช่วงท้ายเกม คาริม เบนเซม่า กองหน้าเลือดเฟร้นช์ ได้โอกาสยิงในกรอบเขตโทษ และกะยิงแซกหน้า แต่กระนั้น นอยเออร์ โชว์เซฟมือเดียว ชนิดที่ผมร้องออกมาว่า เห้ย ! ทำได้ไงฟระ.. เรียกว่าตะลึงกันไปเลย

และตอนนี้ เยอรมัน ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ "เวิลด์ คัพ 2014" เรียบร้อย ดังนั้นหากพวกเขาคว้าแชมป์สำเร็จ ดูแล้ว นอยเออร์ น่าจะได้รับเครดิตกับความสำเร็จครั้งนี้มากพอสมควร

HaiiHowdy

ติดตามข่าวบอลโลก 2014 โปรแกรมบอลโลก ผลบอลโลก ได้ที่
http://sport.sanook.com/worldcup

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook