ฟาน กัล ประเดิม “เพอร์เฟ็กต์”

ฟาน กัล ประเดิม “เพอร์เฟ็กต์”

ฟาน กัล ประเดิม “เพอร์เฟ็กต์”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขอพูด 3 คำว่า ผม “รอไม่ไหว” แล้วสำหรับพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ 2014/15 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังทราบผลการแข่งขันอุ่นแข้งนัดแรกที่ แมนฯยูไนเต็ด บุกถล่ม แอลเอ กาแล็คซี่ ยับเยิน 7-0

ผมตามดูช่วงสาย ๆ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้สัก 4 ประตูก่อนจะไปจัดรายการ “ทันเกมส์@TNN24” ตอนบ่ายโมงครึ่ง

สรุปเป็นว่า: ไฟนอลสกอร์ “เยิน” ขนาดนี้คงไม่ต้องวิเคราะห์กันแล้วล่ะครับว่า หลุยส์ ฟาน กัล “ประเดิม” ได้ “เพอร์เฟ็กต์” สวยสดงดงามขนาดไหนกับการคุมทีมปิศาจแดง

ในแง่ “ไทม์มิ่ง” LVG เพิ่งจะประกาศเจตนารม “ไม่ขอ” เดินทางไกลไปอุ่นเครื่องช่วงพรีซีซั่นเป็นระยะเวลายาวนานเหมือนซัมเมอร์นี้อีก

แข้งผีเริงร่ากันใหญ่กับสกอร์ 7-0

แต่หลังจากนั้น “วันเดียว” ฟาน กัล คุมลูกทีมถล่ม แอลเอ กาแล็กซี่ ที่กำลังเตะอยู่ช่วงกลางฤดูกาลได้ย่อยยับ ชนิดไม่เหมือนกับทีมที่เพิ่งรวมตัวกันไม่ถึง 20 วัน

เหนือสิ่งอื่นใดที่แฟนบอลไม่เคยได้เห็นจาก เดวิด มอยส์ เลยก็คือ “พลัง” ความกล้าในการสลัดหลุดจากคราบท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

เรียกได้ว่า LVG จัดหนัก จัดเต็ม เปลี่ยนแปลงแบบเป็น “รูปธรรม” ตั้งแต่ปรับปรุงสนามซ้อมแคร์ริงตัน ไปจนถึงฟอร์เมชั่นการเล่นที่งัดเอาระบบ 3-4-3 มา “ทดลองใช้”

ครับ มองแบบ “ดื้อ ๆ” ก็คือ ฟาน กัล พยายามเปลี่ยนทุกอย่างเท่าที่ทำได้ให้เป็นแนวทางของเค้าเอง และให้ผู้คน “จดจำ” หรือ Register ว่า นี่คือ ทีมของหลุยส์ ฟาน กัล

และโอลด์ แทรฟฟอร์ด คือ ถิ่นที่มี หลุยส์ ฟาน กัล เป็นหัวหน้าคณะรักษาการควบคุมทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ “รัศมี” ที่ดูกลบประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ด วู้ดเวิร์ด ที่โดย “โครงสร้าง” แล้วต้องเป็นเจ้านาย ฟาน กัล

ตัวอย่างเช่น คำพูดเรื่องไม่ต้องการมาพรีซีซั่นไกล ๆ เช่น บินมาอเมริกา หรือสั่งปรับโน่น เปลี่ยนนี่ ขอโน่น นี่ นั่น ตั้งแต่ยังอยู่ “บราซิล” ด้วยซ้ำไป

โดยอย่างที่ผมได้เคยเขียนถึงกุนซือวัย 62 ปีเมื่อ 2 วันก่อนนั่นแหละครับว่า ผมใช้เวลาอ่านเรื่องราวของเค้า 2-3 วันยังไม่จบ

เพราะ ประเด็น และสีสันในชีวิตกุนซือ 23 ปีของ ฟาน กัล นั้นมีเยอะมาก และยิ่งเริ่มต้นได้สะเด็ดสะเด่าแบบนี้ ผมรู้สึก “ตื่นเต้น” แทนสาวกทีมปิศาจแดงเลยครับว่า มันต้องมีสิ่งดี ๆ หรือความน่าตื่นเต้นมาก ๆ ในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน

ครับ ข้อดีประการแรกของ ฟาน กัล ในการมาคุมทีมปิศาจแดงตามหลัง 10 เดือนนรกของ เดวิด มอยส์ ก็คือ ทีมแมนฯยูฯ ไม่สามารถจะ “ย่ำแย่” กว่านี้

หรือตกต่ำกว่าอันดับ 7 ในลีกได้อีกแล้ว ดังนั้น ฟาน กัล ไม่มีอะไรต้องเสียแน่นอน และยิ่งได้ “โมเมนตัม” จากอันดับ 3 บอลโลกที่ก่อนจะเตะกับบราซิลก็ทำเป็น “เฉย ๆ” เหมือนไม่สนใจ

แต่เอาเข้าจริงกับ “จัดหนัก” ใส่เจ้าภาพ ไม่ต่างอะไรกับบ่นบ้าเรื่องเดินทางก่อนจะเตะต่อหน้าแฟนบอล 86,000 คนที่ โรส โบว์ล แล้วถล่มเจ้าถิ่น 7-0 ไม่มีผิด

เอร์เรร่า กับ ชอว์ 2 แข้งใหม่ที่การันตีตำแหน่งตัวจริงของ LVG แน่นอน โดยเฉพาะรายแรกฟอร์มเปิดตัวหรูเหลือเกิน

กล่าวได้ว่า “โมเมนตัม” ส่วนตัวของ LVG นั้นยอดเยี่ยม ขณะที่ทีมปิศาจแดงก็ได้ “อานิสงส์” ตรงนี้มาด้วย และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันนี้ของ มอยส์ ซึ่งไม่ได้เรื่อง

สโมสรแมนฯยูไนเต็ด จึงเสมือน “ติดปีก” ภายใต้ระบบใหม่ 3-4-3 ในแมตช์ที่ อังเดร เอร์เรร่า คว้าแมน ออฟ เดอะ แมตช์ “ครบเครื่อง” ต้มยำทั้งคุมจังหวะ เปิดสั้น/ยาว

ด้วยแท็คติกนี้ 3 เซนเตอร์แบ็ค: สมอลลิ่ง, โจนส์ และอีแวนส์ จะเป็นปราการเหล็ก เหมือนเนเธอร์แลนด์ที่มี เดอ ไฟร์จ, ฟลาร์ และมาร์ติน อินดี้

แบ็กขวา/ซ้าย จะทำหน้าที่ “วิงก์แบ็ค” โดยแม้ ลุค ชอว์ จะลงมาก่อน ทว่าเจ้าหนูดาวรุ่ง รีซ เจมส์ กลับขโมยโชว์ยิงได้ 2 ประตู ส่วนฝั่งขวา คือ บาเลนเซีย โดยมีเอร์เรร่า และเฟล็ตเชอร์ คุมเกม (ดัตช์ ใช้ ยันมาต, เดอ ยอง, เดอ กุซมัน และบลินด์)

3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟของผีแดง

ส่วนหน้า 3 คนใช้ มาตา, เวลเบ็ค และรูนีย์  ในเวลาที่ RVP ยังไม่ลงสนาม (ดัตช์: ร็อบเบน, ฟาน เพอร์ซี่ และชไนจ์เดอร์ เล่นตัวต่ำ)

“จุดแกร่ง” ของระบบนี้ คือ เกมรับเหนียวแน่น และแดนกลางแน่นปึ้ก ยิ่งได้กองหน้าไว ๆ ด้วยแล้วก็จะยิ่งอันตราย

หลายทีมในฟุตบอลโลก เช่น ชิลี (ตอนปราบ สเปน) ก็ใช้แผนการนี้

ทว่าใน “พรีเมียร์ลีก” ระบบนี้ถือว่า ไม่แพร่หลาย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอังกฤษไม่ถนัดการเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คน

ทว่า แม้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ลิเวอร์พูลตอนท้าย ๆ ฤดูกาลก็มีการปรับมาใช้กองหลัง “ตัวกลาง” 3 คนอยู่หลายครั้ง ทว่าบ่อยครั้งเช่นกัน

เพิ่มเติมสำหรับเกมนี้คือ ฟาน กัล ไม่ได้เปลี่ยนระบบจาก 3-4-3 เป็นหลัง 4 ตัว หรืออื่นใดเลยตลอด 90 นาทีอันแสดงให้เห็นนอกเหนือจากสกอร์ไลน์ว่า “สอบผ่าน”

อีกทั้งการเปลี่ยนตัว 9 คนตอนพักครึ่ง (นำ 3-0) ก็ยิ่งน่าสนใจ เพราะตัวสำรอง เช่น เจมส์ และแอชลีย์ ยัง ก็ลงมายิงได้คนละ 2 ประตู

ถึงจังหวะนี้ พูดแทนแฟนแมนฯยูฯได้เลยครับว่า อดใจรอ นัดต่อไปกับ โรม่า (26 ก.ค.), อินเตอร์ (29), มาดริด (2 ส.ค.) และบาเลนเซีย (12 ส.ค.) ไม่ไหวแล้วล่ะครับ

เปิดฤดูกาลใหม่ด้วยทีม “New look” ในบ้านกับ สวอนซี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย คิดแล้วตื่นเต้นครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook