เหล่าแข้งกัลโช่ในรังผี

เหล่าแข้งกัลโช่ในรังผี

เหล่าแข้งกัลโช่ในรังผี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทัพ "ปีศาจแดง" เป็นทีมที่ซื้อผู้เล่นเข้ามามากมาย ตลอดระยะเวลาที่ก่อตั้งสโมสร ดังบ้าง ไม่ดังบ้าง แต่น้อยคนนักที่จะมาจากดินแดนมักกะโรนี...

สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในเรื่องการเสริมทัพ มีนักเตะดังระดับซูเปอร์สตาร์เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อมากมาย ทั้งมาจริง และเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นมีผู้เล่นอยู่หนึ่งคนที่กลายเป็นกองกลางระดับพระกาฬในปัจจุบัน นั่นก็คือ อาร์ตูโร่ วิดัล
 
กองกลางวัย 28 ปีชาวชิลี โด่งดังตั้งแต่สมัยอยู่กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จนกระทั่ง ยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่จาก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คว้าตัวมาร่วมทัพเมื่อปี 2011 และปัจจุบันก็กลายเป็นข่าวว่า "ผีแดง" ให้ความสนใจ อยู่ในขณะนี้ ซึ่งยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะได้ย้ายมาจริงๆ หรือไม่ แต่เชื่อว่าหากมาสวมเสื้อสีแดงจริงล่ะก็ คงเรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย

อาร์ตูโร่ วิดัล แข้งจากเวทีกัลโช่รายล่าสุดที่เป็นข่าวหนาหูกับยูไนเต็ดแทบจะทุกวัน

หลังจาก วิดัล มีข่าวกับ "ปีศาจแดง" ในหัวแวบแรกของผมคือรู้สึกน่าสนใจมาก เพราะแน่นอนว่ากองกลางรายนี้เก่ง อย่างไม่ต้องมีข้อครหา และเชื่อได้ว่าจะนำความสำเร็จในแดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาอีกครั้งได้อย่างแน่นอน จนกระทั่งเมื่อวาน.....
 
เมื่อวันพุธที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ผมได้นึกมะโนไปถึงการที่ วิดัล เข้ามาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยมีปัจจัยให้นึกถึงอย่างแรกเลยคือถ้าจะย้ายมา จะสวมหมายเลขอะไร พอนึกไปเรื่อยๆ มันก็ไปถึงข้อที่ยังหาบทสรุปไม่ได้ ว่าเขาเป็นนักเตะจากลีก กัลโช่ เซเรีย อา คนที่เท่าไหร่
 
ไอ้ที่หาบทสรุปไม่ได้ ไม่ใช่จำนวนคนว่าเป็นแข้งลีกเลี่ยนคนที่เท่าไหร่นะครับ แต่ไอ้ที่ผมยังสงสัยอยู่คือ หาก วิดัล มาแล้วจริง เขาจะทำผลงานได้ดีจริงหรือไม่ต่างหาก....
 
เพราะเมื่อผมลองนึกย้อนไป แข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มาจาก กัลโช่ฯ มีกี่รายกัน โอ้โห... แต่ละคนเด็ดๆ ทั้งนั้นครับ หลายๆ คนที่เป็น "เร้ด อาร์มี่" ตัวจริงคงนึกออกแล้วกระมัง ถ้ายังนึกไม่ทัน เดี๋ยวผมจะไล่ตั้งแต่คนแรกจนถึงคนสุดท้ายให้ดูกัน

1. เดนิส ลอว์ (1962-1973)

ศูนย์หน้าชาวสกอต ที่อยู่ดีๆ จับพลัดจับผลูไปเล่นให้กับ โตริโน่ ใน กัลโช่ เซเรีย อา แต่สุดท้ายแล้ว ก็ถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดึงตัวกลับมาอยู่บนเกาะอังกฤษอีกครั้ง ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติของเกาะอีกด้วย แต่ถ้าเทียบกับปัจจุบันล่ะก็ต่างกันลิบลับ ที่ราคา 115,000 ปอนด์ (6.3 ล้านบาท) ซึ่งต้องบอกว่าค่าเหนื่อยแต่ละสัปดาห์ของ ลุค ชอว์ ยังแพงกว่าด้วยซ้ำ
 
แต่ ลอว์ ผู้เป็นอดีตนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็กลับเล่นได้อย่างคุ้มค่าตัวสุดๆ ช่วงเวลา 11 ปีที่อยู่กับทัพ "ปีศาจแดง" โดยเป็นช่วงชีวิตที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยก็ว่าได้ ช่วงนั่น เจ้าตัวซัดไปถึง 237 ประตูจากการลงสนาม 404 นัดเมื่อรวมทุกรายการ พร้อมกับพาต้นสังกัด คว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 เดิมได้ถึง 2 สมัย (1964–65, 1966–67) แถมยังสามารถชูถ้วย "บิ๊กเอียร์" เป็นเจ้ายุโรปได้อีกด้วย เรียกได้ว่าประเดิมคนแรกก็สะแด่วเสียแล้ว
 
แต่อย่าลืมว่า ลอว์ เล่นในอังกฤษ มาก่อน และตะลอนไปอิตาลีเพียงปีเดียวเท่านั้น แถมพอย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กลับไปเล่นให้กับ "เรือใบสีฟ้า" อีกครั้งหนึ่งด้วย ซึ่งมันเท่ากับว่า เขาคือนักเตะจากลีกอังกฤษเกือบ 100 เปอร์เซนต์ นั่นแหละ

2. เจสเปอร์ บล็อมควิสต์ (1998-2001)

 

นักเตะสายเลือดไวกิ้งรายนี้ ถูกมองว่าจะเข้ามาเป็นกำลังอีกคนทางด้านปีกซ้ายของ "เร้ด เดวิลส์" เรียกง่ายๆ ว่าเป็นอะไหล่ของ ไรอัน กิ๊กส์ นั่นเอง บล็อมควิสต์ ถูก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมในช่วงนั้นดึงตัวเข้ามาจาก ปาร์ม่า ด้วยค่าตัวถึง 4.4 ล้านปอนด์ (242 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าแพงใช้ได้เลยในช่วงนั้น
 
ผมมองว่า บล็อมควิสต์ นี่แหละครับ กลายเป็นผู้เล่น กัลโช่ฯ คนแรกที่ประสบความล้มเหลว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ ไอเอฟเค โกเตบอร์ก ทีสวีเดน ก่อนจะย้ายมา เอซี มิลาน และ ปาร์ม่า ตามลำดับ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่ดีนัก อยู่กับสโมสรละปี ปีละประตู ทีมละ 20 นัด ก่อนจะเข้ามายังถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แววดับเริ่มออกมาแล้วในดินแดนรองเท้าบูท
 
แต่ไม่วาย "เฟอร์กี้" ก็จัดการสอยมา โดยให้เหตุผลว่าเป็นนักเตะปีกซ้ายธรรมชาติ ซึ่งอังกฤษ ไม่ค่อยจะมีให้เห็นกันในช่วงนั้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าตัวเล่นในทัพ "ปีศาจแดง" ไปเพียง 25 เกมในลีก พร้อมกับยิงไป 1 ประตู ในฤดูกาลแรกที่เข้ามา แถมปีที่ 2-3 ก็เจ็บยาว จนสุดท้ายก็ถูกตัดหางปล่อยวัด

3. มิกาแอล ซิลแวสตร์ (1999-2008)


หลังจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ ซีซั่นต่อมา นักเตะหลายต่อหลายรายก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ด รวมถึงย้ายทีมไป ทำให้ช่วงนั้นกองหลังโดยเฉพาะเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ขาดแคลนมากเลยทีเดียว สุดท้าย "ป๋า" ก็เลือกคว้าตัว มิเกล ซิลแวสตร์ กองหลังหน้าเสาหลักมาจาก อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวที่ไม่แพงนัก 4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 220 ล้านบาท) ซึ่งก็กลายเป็นที่วิพากย์วิจารณ์กันมากมายหลังจากนั้น
 
สำหรับแฟนบอลที่อายุราวๆ 25 ปีขึ้นไป น่าจะจำกันได้ดีสำหรับวีรกรรมที่เจ้าตัวทำไว้ โดยเริ่มจากเปิดหัวด้วยฟอร์มอันสุดยอดเปรียมเสมือนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟระดับโลก ที่ไม่มีใครสามารถฝ่ากำแพงอันแข็งแกร่งเข้าไปได้ ในเกมที่ทีมพบกับ ลิเวอร์พูล แต่หลังจากนั้น ซิลแวสตร์ ก็ฟอร์มห่วยเรื่อยมา....
 
หลังจากถูกวิพากย์วิจารณ์กันอย่างหนัก กองหลังชาวฝรั่งเศสก็เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายแล้วก็ทำให้สาวก "ผีแดง" ไว้ใจได้ แต่ด้วยเวลาอันยาวนาน บวกกับอาการบาดเจ็บในช่วงหลัง ทำให้เขาไปไม่ถึงจุดสูงสุดของตัวเองได้ และก็ต้องย้ายทีมออกไปในท้ายที่สุด

4. โลร็องต์ บล็องก์ (2001-2003)

นี่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ แมนฯ ยูไนเต็ด แน่นอนว่า บล็องก์ ไม่ได้มาพีคกับ "ผีแดง" แต่อย่างใด เจ้าตัวดังมาก่อนหน้านั้นนานมากแล้ว สุดท้ายด้วยอาการบาดเจ็บของผู้เล่นภายในทีม ทำให้ "เฟอร์กี้" ตัดสินใจนำ "เลอ เบลอส์ 98 คอนเนคชั่น" กลับมาอยู่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้ง ด้วยการดึงกองหลังรายนี้มาแบบฟรีๆ จาก อินเตอร์ มิลาน เพื่อประสานงานกับ ฟาเบียง บาร์เตซ ผู้รักษาประตูหัวหลอดไฟนั่นเอง
 
แต่อย่างที่บอกครับ มันต้องมีอาถรรพ์กับนักเตะที่มาจาก กัลโช่ฯ เสมอๆ กุนซือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คนปัจจุบัน ถูกนำมาแทนที่ของ ยาป สตัม ซึ่งถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักว่าเจ้าตัวหมดแล้ว, โรยแล้ว รวมไปถึง ไม่ไหวแล้ว ในช่วง 2 เดือนแรกที่เข้ามา พร้อมกับทำ "ปีศาจแดง" แพ้ไปถึง 5 นัดอย่างรวดเร็ว
 
แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าตัวก็สามารถลบเสียงวิพากย์วิจารณ์ได้ และพา แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ลีกในซีซั่น 2002-2003 เป็นการทิ้งทวน ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดกับทีมไป

5. ฮวน เซบาสเตียน เวรอน (2001-2003)

ไฮไลต์ของงานนี้ต้องยกให้เค้าคนนี้เลย! ฮวน เซบาสเตียน เวรอน เพลย์เมกเกอร์ระดับพระกาฬของ ลาซิโอ หลังจากเดินทางออกจากบ้านเกิด อาร์เจนติน่า มา เจ้าตัวก็เลือกเดินทางมายังอิตาลี โดยใช้เวลาที่นั่นถึง 5 ปีกับ 3 สโมสร (ซามพ์โดเรีย, ปาร์ม่า, ลาซิโอ) และทำให้เขากลายเป็นเพลย์เมกเกอร์เบอร์ 1 ของโลกในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ อดรดทนไม่ไหวจนทีมต้องคว้าตัวมา
 
ด้วยค่าตัวถึง 28.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,545 ล้านบาท) แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่ฮือฮามาก เพราะนอกจากจะเป็นตัวดังแล้ว เขายังกลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงระยับในช่วงนั้นอีกด้วย และประโยคเด็ดในการมาเหยียบดินแดนสหราชอณาจักร คือการที่เจ้าตัวพูดว่า "ผมไม่เคยกลัวหรือหวั่นกับฟุตบอลแบบอังกฤษๆ"
 
หลังจากนั้นล่ะครับ เวรอน ไม่สามารถทำแมวอะไรได้มากมายอย่างที่คาดกันไว้ ฤดูกาลแรกผ่านไปด้วยความระทมบนดินแดนที่เจ้าตัวบอกว่าไม่เคยหวั่น พอมาในฤดูกาลที่ 2 (ซีซั่น 2002-03) เจ้าตัวทำผลงานได้กระเตื้องขึ้นมาบ้าง ยิงไป 4 ประตู เป็นส่วนสำคัญที่พา แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปได้สำเร็จ แต่ต้องเน้นย้ำว่า 4 ลูกนั้นเกิดขึ้นใน "ยูซีแอล" ล้วนๆ นะฮะ
 
กองกลางชาวอาร์เจนไตน์ ก็ไม่วายโดนสื่อเล่นงานถึงฟอร์มการเล่นในเกมลีก ที่เป็นสไตล์อังกฤษ อย่างเต็มตัว ที่ยังไม่สามารถหาข้อดีได้เลยอยู่ดี ร้อนถึงเจ้านายอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกมาจวกยับด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง เปรียบเป็นบ้านเราก็ "เวรอน เป็นผู้เล่นที่ โค-ตะ-ระ เก่ง และพวกคุณก็ โค-ตะ-ระ กาก บรมเหมือนกัน" สุดท้ายเขาก็ย้ายไปอยู่ เชลซี ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ ขาดทุนไป 13 ล้าน และก็ยังไม่สามารถกลับมาอยู่ในช่วงเวลาที่ดีได้อีกต่อไปหลังจากนั้น
 
นั่นคือ 5 นักเตะที่ถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อตัวเข้ามาจากศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เป็นอย่างไรบ้างครับ พอจะเข้าใจไหม ว่าทำไมผมถึงกังวล อาตูโร่ วิดัล นักหนา เพราะหากจะนับนักเตะที่อยู่ในช่วงสุดยอดที่อิตาลี แล้วย้ายมาอยู่กับ "ปีศาจแดง" ก็เห็นจะมีแค่ เวรอน คนเดียวเท่านั้นเอง ก็เลยทำให้เป็นกังวลสุดๆ กลัวจะเจริญรอยตามเพื่อนร่วมทวีปสุดๆ เลยแหละ
 
แล้วแฟนๆ ล่ะครับ ถ้า วิดัล มาจริง อยากเห็นเขาเป็นแบบไหน แบบ เดนิส ลอว์ หรือ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ดี

P.D.

ปล. แต่ วิดัล ไม่ได้เพิ่งมาพีคสมัยอยู่กับ "ยูเว่" นี่เนอะ... (เข้าข้างตัวเอง)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook