ประวัติศาสตร์ชาติไทย และ ชายที่ชื่อ "ธีรศิลป์"

เมื่อตี 4 เศษๆ เช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประเทศไทย และ ธีรศิลป์ แดงดา ได้ “จารึก” ชื่อตนเอง และประเทศชาติว่า มี “ชาวไทย” คนแรกมาเตะฟุตบอลอาชีพในลีกสูงสุดของสเปน “ลา ลีกา” เรียบร้อยแล้ว

เกมดังกล่าวเป็นแมตช์ อัลเมเรีย ของ “เจ้ามุ้ย-ธีรศิลป์” เปิดบ้าน เอสตาดิโอ เด โลส ฆวยโกส เมดิเตร์รานิโอส พบ เอสปันญ่อล

ผลการแข่งขันจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 โดย อูเด อัลเมเรีย นำก่อนนาทีที่ 57 จาก เฟอร์นันโด โซเรียโน่ ก่อนที่ธีรศิลป์จะถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 74 หลังเหตุการณ์ไฟสนาม “มีดับ” ไปชั่วขณะ

เรียกได้ว่า มี “โอกาส” ลงโชว์ฟอร์ม 16 + 4 นาทีรวมทดเจ็บ ทว่า “ไฮไลต์” ช่วงท้ายเกมกลับเป็น แซร์โจ้ การ์เซีย ยิงประตูตีเสมอชนิดที่เรียกได้ว่า จังหวะสุดท้ายของเกมแล้ว

“ภาพรวมเกม” อัลเมเรีย เล่นดีกว่า และสมควรชนะ แต่ยิงทิ้งยิงขว้างซะหมด ไม่นับเล่น 11 ต่อ 10 คน ตั้งแต่กลางครึ่งหลัง

ส่วน “ภาพรวมมุ้ย” หากคุณผู้อ่านมีโอกาสได้ตามคอมเมนต์ในทุกสื่อ แล้วพิจารณาคอมเมนต์ของคอบอลไทย เช่น จากเฟซบุ๊ก almeriathailand ก็จะพบความเห็นประมาณว่า “เจ้ามุ้ยไม่ค่อยได้บอล!”

แม้รวมๆ เรื่องการผ่านบอลให้เพื่อน หรือหาที่ว่างให้ตัวเอง ความขยัน และไม่เสียบอล จะ “สอบผ่าน” ก็ตาม

จุดนี้ ผมจำได้ตอนเคยตาม “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไปเตะกับฮัดเดอร์สฟิลด์ ช่วงปี 1999 และในฐานะตัวเองเป็นคนไทยผู้ติดตามก็เคย “แอบคิด” คล้ายๆ กัน

เรื่องแบบนี้ต้อง “อาศัยเวลา” และธีรศิลป์ ไม่ได้มาจากประเทศที่เก่งกาจฟุตบอลติด “ท็อป 10” หรือ “ท็อป 70” ของโลก (ทำไมต้อง “ท็อป 70” เดี๋ยวจะเฉลยครับ)

เจ้ามุ้ย จึงต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้เสียก่อน และหัวหอกวัย 26 ปี ชาวไทยยังมีเวลาอีกตั้ง 12 เดือน นะครับ

ส่วนตัว และในฐานะแฟนบอลไทยขอสารภาพว่า “เจ้ามุ้ย” ได้ลงสนามเร็วกว่าที่คาดคิดไว้เหมือนกัน เพราะได้เล่นตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล และทำได้ “ไม่เสียหาย”

มากกว่านั้น เราต้องยอมรับกันว่า นี่คือ “เรื่องดี” และเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศชาติไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนบอลสโมสรเอสซีจี เมืองทอง, บุรีรัมย์, ชลบุรี, บีอีซีฯ ฯลฯ

ธีรศิลป์ กำลังทำหน้าที่ “ตัวแทน” ประเทศไทย และ “เบิกร่อง” ให้รุ่นน้องได้มีโอกาสสานต่อ “ความฝัน” แบบนี้ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพที่ได้เล่นในลีกสูงสุดยุโรปดีสุด 1 ใน 5

ด้วย “สไตล์” การเล่นบนพื้น และไม่ได้ปะทะ หรือใช้กำลังมาก ลา ลีกา, กัลโช่, ลีก เอิง หรือโปรตุกีส ลีก หรืออีกนัย คือ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ “พรีเมียร์ลีก” เหมาะมากกับนักเตะไทย

เหนือสิ่งอื่นใด คือ ลีกเหล่านี้ เช่น ลา ลีกา ไม่มี “กฎเหล็ก” เหมือนพรีเมียร์ลีกที่ระบุ นักเตะต้องเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่เฉลี่ย 75% ในรอบ 2 ปี และทีมชาติต้องมีอันดับโลก “ฟีฟ่า แรงกิ้ง” เฉลี่ยไม่เกิน 70 ในช่วงเวลา 2 ปี

ทีมชาติไทยอยู่อันดับ 157 (ประกาศล่าสุด 14 ส.ค.) หรืออยู่หน้า 6 จาก 7 หน้าอันดับโลก 208 อันดับ

เรียกได้ว่า หากเด็กไทยไม่เก่ง “โดดเด่น” เหมือน เมสซี่ ชาตินี้ หรือในระยะเวลาอันใกล้คงลำบากจะขอ “เวิร์ก เพอร์มิต” โดยตรงจาก “โฮมออฟฟิศ” ของอังกฤษ

ดังนั้น มา “ร่วมเชียร์” และให้กำลังใจ ธีรศิลป์ แดงดา จารึกสิ่งดีๆ ในลา ลีกา ให้ทั่วโลกจดจำประเทศไทยกันเถอะนะครับ

 -ไข่มุกดำ-