บิ๊กจาบี้9สมาคมต้องมีผลงานแจ่ม ศึกมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์หนแรกกกท.เตือนนักกีฬาระว

บิ๊กจา พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ประธานคณะกรรมการคัดเลือกนักกีฬา-เจ้าหน้าที่ประจำทีม ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยน มาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 25 เม.ย.-3 พ.ค.นี้ เปิดเผยว่า จากการที่ได้ร่วมประชุมกับ 9 สมาคม ที่มีแข่งขันในครั้งนี้ พบว่า ทุกสมาคมมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้อย่างเต็มที่ ทั้งในส่วนของนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ โดยคณะกรรมการฯ ได้แจ้งว่านักกีฬาต่างชาติจะทยอยเดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.นี้ ส่วนนักกีฬาไทยจะเข้าพักในโรงแรมที่พักพร้อมกันในวันที่ 23 เม.ย. ซึ่งโรงแรมที่พักของทุกชาติจะแยกตามประเทศ เพื่อความสะดวกของแขกผู้ใหญ่ของชาติต่าง ๆ ที่จะมาให้กำลังใจกับนักกีฬาของตนเอง ส่วนการประชุมผู้จัดการทีมจะมีขึ้นที่สนามแข่งขัน โดยในเอเชี่ยน มาเชียลอาร์ทครั้งนี้ ไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมชิงชัยทั้งสิ้น 67 คน โดยคณะกรรมการฯ ได้อนุมัติงบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์ฝึกซ้อมและแข่งขันรวมทั้งหมด 1,112,820 บาท

พล.ต.จารึก กล่าวต่อว่า จากการที่ตนจะทำงานในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เป็นสมัยสุดท้าย ก่อนอำลาตำแหน่งในอีก 4 ปี ข้างหน้านั้น จึงอยากให้มาตรฐานของการคัดเลือกนักกีฬาครั้งนี้เป็นบรรทัดฐานในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยน มาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 2 ที่ประเทศเวียดนาม จะเป็นเจ้าภาพต่อจากไทย ซึ่งตอนนี้ทางเวียดนามยืนยันมาแล้วว่าจะจัดทั้งหมด 17 ชนิดกีฬา หากสมาคมไหนมีผลงานไม่ดี ต่ำกว่ามาตรฐานก็อย่าหวังว่าจะได้รับการพิจารณาให้ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน ส่วนหลักเกณฑ์การมอบเงินรางวัลของกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ นั้น จะยึดแบบเดียวกับการแข่งขันเอเชี่ยน อินดอร์เกมส์ คือ เหรียญทอง 200,000 บาท, เหรียญเงิน 100,000 บาท และเหรียญทองแดง 50,000 บาท

ทางด้าน นางอรศรี จายะภูมิ ผู้อำนวยการกีฬาเวชศาสตร์ กกท. กล่าวว่า ฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา ได้มีการทดสอบสมรรถภาพทางกายของนักกีฬาทั้งตัวจริงและตัวสำรอง 2 ช่วง โดยช่วงแรก ดำเนินการครบทุกสมาคม แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 48 คน และหญิง 40 คน พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ระดับ ดี นักกีฬามีอากาบาดเจ็บ 18 คน ที่ไม่สามารถเข้ารับการทดสอบได้ทุกรายการ ส่วนช่วงที่ 2 ทำการทดสอบ 4 สมาคม ได้แก่ คาราเต้-โด, คิกบ๊อกซิ่ง, มวยไทย และปันจักสีลัต พบว่า สมรรถภาพทางกายส่วนใหญ่ ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจสารต้องห้ามในนักกีฬาช่วงก่อนแข่งขันโดยศูนย์ตรวจสารต้องห้ามของ ม.มหิดล จำนวน 82 ราย ปรากฏว่า ไม่พบสารต้องห้ามในนักกีฬาแม้แต่รายเดียว อย่างไรก็ตาม ทาง กกท. ก็อยากกำชับไปยังผู้ควบคุมนักกีฬาและตัวนักกีฬาเองให้ตระหนักถึงผลร้ายของการใช้สารต้องห้ามด้วย เพราะกีฬาต่อสู้ โอกาสที่จะมีการใช้สารต้องห้ามก็มีสูง ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งนี้ หากนักกีฬามีอาการเจ็บป่วย ก็ควรมารับยาจากฝ่ายแพทย์ของ กกท. เท่านั้น เพราะยาที่เราให้ไปไม่มีสารต้องห้ามแน่นอน หรือหากไม่สะดวกก็สามารถโทรศัพท์ปรึกษาก่อนได้ นอกจากนี้ใน่ช่วงแข่งขันยังได้มีการเปิดคลินิกกีฬาประจำทุกศูนย์แข่งขันอีกด้วย นางอรศรี กล่าว.