Why always me? ทำไมต้องเบอร์...

Why always me? ทำไมต้องเบอร์...

Why always me? ทำไมต้องเบอร์...
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในยุคลูกหนังแรกเริ่มนั้นหมายเลขเสื้อมักจะเป็นตัวบอกตำแหน่งในสนามไปด้วยกลายๆ แน่นอนว่า 1 คือ ผู้รักษาประตู, 2-6 เป็นกองหลัง, 7 กับ 11 เป็นปีกสองฝั่ง ส่วนหมายเลข 9 กับ 10 สงวนไว้ให้กองหน้า

แต่กับยุคปัจจุบันซึ่งเปิดให้นักเตะได้เลือกสอยหมาบเลขเสื้อประจำตัวกันตามใจชอบและอย่างเมามัน แต่อะไรล่ะคือแรงบันดาลใจให้พวกเขาเลือกหมายเลขนั้นๆ หลังบางหมายเลขก็ช่างสวนทางกับความรู้สึกของแฟนๆ เหลือเกิน

45. มาริโอ บาโลเตลลี่

กองหน้ารายล่าสุดของพลพรรค "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เลือกใส่หมายเลข 45 ซึ่งความจริงก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด หลัง "45" ก็เป็นเบอร์ประจำตัวตั้งแต่สมัยอยู่ อินเตอร์ มิลาน, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เอซี มิลาน อยู่แล้ว... แต่ทำไมต้อง "45" !?

"เอล เกรียน" เปิดเผยว่าสมัยยังเล็กๆ เป็นเด็กดาวรุ่งนั้นหมายเลขเสื้อที่ อินเตอร์ จะให้พวกเด็กๆ ใช้ได้ก็มีตั้งแต่ 36 ไปจนถึง 50 เพราะฉะนั้นก็เลยขอใส่เบอร์ 45 แล้วกัน นี่ไม่ได้เลือกสุ่มๆ นะ ระดับ บาโลเตลลี่ จะทำอะไรทั้งทีมันก็ต้องมีความหมาย และปูมหลังในการเลือกครั้งนั้นก็คือ 4+5=9 อันเป็นหมายเลขที่ศูนย์หน้าคู่ควรพอดี

หลังจากใส่เบอร์ 45 บาโลเตลลี่ ก็เดินหน้ากระซวกตาข่าย ซวบ ซวบ ซวบ ซัดสลุตต่อเนื่อง 4 นัดติดต่อกัน ในเมื่อ "เบอร์นี้ดีใส่แล้วยิง" จึงไม่มีสาเหตุอะไรให้ต้องเปลี่ยน เว้นเสียแต่ "เกรียนโอ้" จะตระหนักได้ว่า 3 บวก 6 มันก็เท่ากับ 9 เหมือนกัน

ออสซี่ อาร์ดิเลส - หมายเลข 1

ฟุตบอลโลก 1982 ที่ประเทศสเปน คราวนั้น "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนติน่า บังเกิดไอเดียแจ่มแมวในการจะมอบหมายเลขเสื้อให้นักเตะ "ตามลำดับอักษร" เพราะฉะนั้น อาร์ดิเลส ซึ่งชื่อในภาษาอังกฤษสะกด Ardiles ตัวอักษร "A" หราขนาดนั้นเลยได้ใช้หมายเลข 1 ไปแบบเต็มๆ ทั้งที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง

มีเพียง "เสือเตี้ย" ดีเอโก้ มาราโดน่า คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมทำตามกฎและเลือกใส่หมายเลข 10 ตามความชอบ (หากไม่ทำแบบนั้นจะได้ใส่หมายเลข 12 แทน)

แม้หมายเลข 1 จะดูไม่คุ้นตากับการแปะอยู่บนแผ่นหลังของผู้เล่นแนวรุก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนนึกสนุกทำตามโดยเป็น พานเทลิส คาเฟส กองกลางชาวกรีซขอใส่หมายเลข 1 กับ โอลิมเปียกอส เพราะมี อาร์ดิเลส เป็นไอดอล

อิวาน ซาโมราโน่ เบอร์ 1+8

กองหน้าชาวชิลีสร้างชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกกับ เรอัล มาดริด หลังสลุตตาข่ายกระจุยกระจาย 77 ประตูจาก 137 นัด ด้วยผลงานเอกอุระดับนั้น ซาโมราโน่ เลยได้ย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน แต่หมายเลข 9 อันสุดปรารถนานั้นก็มี "โล้นทองคำ" โรนัลโด้ ถือครองอยู่ก่อนแล้ว ครั้นจะขยับไปหาตัวเลือกถัดไปอย่างหมายเลข 10 ก็มี โรแบร์โต้ บาจโจ้ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่

ไอ้นั้นก็ไม่ได้ ไอ้นี้ก็ไม่ได้... เอาวะ ถ้าอย่างนั้นเอา "เครื่องหมายบวก" มาละกัน ที่เหลือตรูจัดการเอง ว่าแล้ว ซาโมราโน่ เลยเลือกใช้หมายเลข 18 แล้วแทรกเครื่องหมายบวกเป็นระหว่าง 1 กับ 8 เป็น 1 + 8 = 9 แทน

นอกจากจะสร้างสรรค์และยังแนวอีกต่างหาก คลินตัน มอร์ริสัน (โคเวนทรี) และ อเด อคินบิยี้ (คริสตัล พาเลซ) เลยรับ "แรงบันดาลใจ" จาก ซาโมราโน่ มาใช้บ้าง

23. เดวิด เบ็คแฮม

กรณี เบ็คแฮม ก็ไม่ได้ต่างจาก ซาโมราโน่ สักเท่าไหร่ หลังหมายเลขที่ชอบนั้นกลับมีคนที่ใช่เขาใส่เป็นประจำอยู่แล้ว นั่นทำให้จากหมายเลข 7 อันเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าตัวครั้งยังวาดแขนปั่นฟรีคิกให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องกลายมาเป็น 23 แทนในการเล่นให้กับ เรอัล มาดริด

เป็นที่รู้กันดีว่า "ราชันชุดขาว" หาก ราอูล กอนซาเลซ เจ้าของเสื้อหมายเลข 7 ไม่ย้ายออกไป ใครก็อย่าหวังจะแย่งหมายเลขนั้นไปครองได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นไอค่อนลูกหนังระดับ "เบ็คส์" ก็ตาม

หลังจากประขุมเครียดกับทีมงานการตลาดส่วนตัวอยู่หลายวัน (มโน) สุดท้าย เบ็คแฮม ก็เลือกหมายเลข 23 โดยให้เหตุผลว่าชื่นชอบ ไมเคิ่ล จอร์แดน นักบาสเกตบอลระดับตำนานเป็นการส่วนตัวจึงทำให้เขาปักใจขอใช้หมายเลขเดียวกันเป็นเครื่องหมายการค้าประจำตัวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

76. อังเดร เชฟเชนโก้ // 80. โรนัลดินโญ่ // 84. มาติเยอ ฟลามินี่

ในปี 2008 เอซี มิลาน ปฏิรูปทีมครั้งใหญ่ด้วยการสอยขวัญใจคนเดิมอย่าง อังเดร เชฟเชนโก้ กองหน้าทีมชาติยูเครนกลับมาจาก เชลซี, กระชาก โรนัลดินโญ่ กองกลางทีมชาติบราซิลมาจาก บาร์เซโลน่า รวมถึงคว้า มาติเยอ ฟลามินี่ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสมาจาก อาร์เซน่อล และปรากฏว่าทั้งสามหน่อเลือกใส่เสื้อหมายเลข 76, 80 และ 84 ตามลำดับ

อะไร... มันคืออะไร นี่มันเล่นอเมริกันฟุตบอลกันอยู่หรืออย่างไร!!

ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรกับการใส่เบอร์สูงๆ แบบนั้น เพียงแต่ว่ามัน "ไม่คุ้นตา" เท่านั้นเอง หลังปกติมักจะเห็น "เชว่า 7", "เหยินน้อย 10" และ "ฟลามินี่ 16" แต่หมายเลขทั้งหมดนั้นก็ถูกจับจองมีเจ้าของไปก่อนหน้านั้นแล้ว สุดท้ายสโมสรก็เลยใช้วิธีให้หมายเลขเสื้อตามปีเกิดแล้วกัน... ที่นี่เลยรู้เลยว่าใครแก่แค่ไหน

ฮอร์เก้ คัมโปส หมายเลข 9.

ผู้รักษาประตูคนดังซึ่งลงเฝ้าเสาให้ทีมชาติเม็กซิโกไปถึง 130 นัดนั้นนอกจากจุดเด่นอย่างสีสันของเสื้อผ้าซึ่งมิกซ์แต่ไม่แมตช์อย่างแรงแล้วก็ยังมีหมายเลขเสื้อนี่ล่ะที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเจ้าตัว หลังกล้าๆ ผ่าไปใส่เบอร์ 9 และก็ไม่คิดมีใครทักท้วงหรือทวงคืนความสุขให้กองหน้าในชาติอีกต่างหาก

คัมโปส อ้างว่าเขาเคยเล่นเป็นกองหน้าสมัยเยาวชน (อ้าว ห่าน! เด็กๆ สมัยเตะบอลพลาสติกใครที่ไหนมันจะเคยเล่นอยู่แค่ตำแหน่งเดียว?) แม้ว่าโตมาจะจบลงด้วยการเป็นผู้รักษาประตูก็ตามที แต่เขาไม่เคยละทิ้งความฝันในการจะเป็นผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ (ตำแหน่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตู) แม้สักวินาทีเดียว

เหตุผลอาจจะฟังดูข้างๆ คูๆ หากเป็นคนอื่นพูดออกมา แต่นี่พอเป็น คัมโปส เหตุผลเดียวกันนั้นก็ดูมีน้ำหนักขึ้นมาทันที หลังไอ้หมอนี่เล่นเป็นกองหน้าได้จริงๆ โดยเฉพาะสมัยเริ่มเล่นอาชีพใหม่ๆ กับ พูมาส ซึ่งเจ้าตัวมีสถานะเป็นแค่มือกาวสำรอง แต่ดันทะลึ่งเป็นกองหน้าตัวจริงและหวุดหวิดจะเป็นดาวซัลโวของทีมด้วยซ้ำ

บิเซนเต้ ลิซาราซู หมายเลข 69.

ในการย้ายกลับมาอยู่ บาเยิร์น มิวนิค เป็นคำรบที่ 2 วิงแบ็กซ้ายชาวฝรั่งเศสซึ่งหมดสิทธิ์จะใช้หมายเลข 3 ซึ่งเขาเคยเป็นเจ้าของในครั้งเก่าก่อนเพราะว่ามีคนอื่นเสียบใช้แทนในระหว่างที่เจ้าตัวย้ายออกไป การเลือกเบอร์เสื้อที่จะใช้ในสโมสรที่คุ้นเคยจึงถือเป็นเรื่องยากเหมือนกัน

หากจะใช้เบอร์โหลๆ อื่นๆ ก็อาจจะดูไม่เข้าท่าและหักใจเลือกใช้ได้ยาก หลังไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางความรู้สึกมาก่อน ลิซาราซู เลยตัดสินใจใส่เบอร์ "69" ซึ่งทั้งคุ้นเคยและคุ้นชินกับมันมานาน ในเมื่อเขาเกิดปี 1969 และสูง 169 ซม.

ฮิคาม เซโรอาลี หมายเลข 0.

หลังจากย้ายไปอยู่กับ อเบอร์ดีน เมื่อปี 2010 เซโรอาลี กลายเป็นนักเตะคนแรกและคนสุดท้ายที่ใส่หมายเลข 0 ลงเล่นใน สกอตติช พรีเมียร์ลีก หลังเจ้าตัวอ้างว่าขอใส่เบอร์ "0" ตามชื่อเล่น "ซีโร่" ซึ่งแปลว่า "ศูนย์" พอดี

อย่างไรก็ตาม เซโรอาลี ซึ่งมีอีกฉายาว่า "พ่อมดโมร็อคโค" แต่ไม่ยอมนำมาอ้างนั้นใส่หมายเลข 0 เท่ๆ ได้เพียงแค่ปีเดียวก็ถูกลีกเมืองน้ำเมาออกกฎห้ามใช้หมายเลขนั้นในปีถัดมา

แต่ผลงานในเสื้อหมายเลข 0 ของ เซโรอาลี ถือว่าใช้ได้ทีเดียว หลังซัด 11 ประตู จาก 37 นัด แม้ตัวเลขอาจจะไม่เยอะแต่ความสำคัญจัดว่าแยะทีเดียว โดยไอ้หมอนี่มักจะยิงประตูสำคัญๆ อยู่เสมอและเป็นปัจจัยหลักที่เข็นทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ สกอตติช คัพ ได้ด้วย

52. นิคลาส เบนท์เนอร์

กองหน้าทีมชาติเดนมาร์กขึ้นพาดหัวหราทีเดียวกับการตัดสินใจเปลี่ยนเบอร์เสื้อจาก 26 มาเป็น 52 จากปกติซึ่งก็ห่างไกลอยู่แล้วให้มันยิ่งไกลห่างออกไปอีก เจ้าตัวคงจะกะว่าหากหมายเลขเสื้อเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ฝีเท้าและจำนวนประตูก็น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าได้ด้วยเช่นกัน หลังผลงานที่ผ่านมาค่อนข้างย่ำแย่

ไม่ใช่ละ!! เบนท์เนอร์ ให้เหตุผลว่าเชาเชื่อในโชคลางและหมายเลข 52 ถือเป็นตัวเลขนำโชคสำหรับเขา และก็ปรากฏว่านำโชคจริงๆ เพราะหลังจากนั้น เบนท์เนอร์ แค่นั่งๆ นอนๆ ก็มีเงินไหลเข้าบัญชีอย่างต่อเนื่อง แถมยังได้ดูบอลฟรีๆ ทุกสัปดาห์อีกต่างหาก

แต่หลังจากโชคหมดอดใช้โปร ดาวยิงจากแดนโคนมก็เดินทางไปแสวงโชคต่อกับ โวล์ฟสบวร์ก ใน บุนเดสลีกา เยอรมัน โดยปัจจุบันเจ้าตัวเลือกใส่หมายเลข 3 จนถูกแฟนๆ แซวกันยับว่าก็เป็นกองหน้าตัวรับเลยจัดเบอร์ 3 มาประกาศให้รู้กัน และก่อนจะถูกด่าเยินมากไปกว่านั้น เบนท์เนอร์ เลยยอมรับว่าเขาเลือกเบอร์นี้เพราะคุณแม่เป็นคนเลือกให้

หรือบางทีคุณแม่อาจจะถูกแฟนๆ เป่าหูแล้วไปกล่อมลูกชายอีกที... ก็เป็นได้

'นนท์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook