ฟัลเกา ผู้ไม่แคร์ UCL

ฟัลเกา ผู้ไม่แคร์ UCL

ฟัลเกา ผู้ไม่แคร์ UCL
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คือรายการสุดยอดปรารถนาที่ยอดนักเตะทุกคน ต่างก็อยากจะเข้าร่วม ยิ่งใครเคยได้ไปครั้งแรกแล้ว ก็ย่อมอยากจะกลับไปสัมผัสโอกาสนั้นอีกครั้ง

ยกตัวอย่างเช่น แกเร็ธ เบล และ ลูก้า โมดริช ที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับรายการนี้มาแล้ว แต่พอต้นสังกัดเก่าอย่าง "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไม่สามารถกลับไปชิงถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นคำรบสอง ก็เลยทำให้พวกเขาตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ขาประจำของรายการนี้ อย่าง เรอัล มาดริด ในเวลาต่อมา

แค่ปีแรกชุดขาวก็สนองนี้ด แกเร็ธ เบล ได้แล้ว

การซื้อตัวนักเตะก็เช่นกัน หากว่าทีมที่จะซื้อดันไม่มี ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาเป็นเครื่องต่อรองกับนักเตะ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะดึงนักเตะที่หมายปองมาร่วมทัพ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะต้องยอมทุ่มเงินมหาศาล แบบเดียวกับที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นค่าตัวเฉียด 60 ล้านปอนด์ จนได้ อังเคล ดิ มาเรีย มาจาก เรอัล มาดริด
 
ถ้าได้ไป แชมเปี้ยนส์ ลีก บวกกับชื่อชั้นของ หลุยส์ ฟาน กัล ยอดเทรนเนอร์ชาวดัตช์ ทีม "ปีศาจแดง" อาจจะไม่ต้องมารอลุ้นปิดดีลในตลาดวันสุดท้ายแบบนี้ก็เป็นได้ และอาจจะไม่ต้องจ่ายแพงขนาดนั้นกับ ดิ มาเรีย แต่ก็อย่างว่า ถ้า ดิ มาเรีย ค่าตัวตกลงมา เปแอสเช ก็คงจะสอยไปได้อยู่ดี
 
อย่างไรก็ตาม มันก็มีนักเตะอยู่คนนึง ที่มักจะแคล้วคลาดกับ ถ้วยนี้อยู่เป็นประจำ ทั้งๆ ที่ฝีเท้าระดับนี้ ยังไงก็สามารถย้ายไปร่วมทัพสโมสรที่ได้เล่น ยูซีแอล แบบสบายๆ เขาก็คือ ราดาเมล ฟัลเกา การ์เซีย ดาวยิงชาวโคลอมเบีย ที่กลายเป็นนักเตะของทัพ แมนฯยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าจะไม่มี ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ลงเล่นก็ตาม

จากข่าวลือวันเดียวที่ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง แต่ "ผี" ปีนี้จ่ายหนักจริงๆ

เชื่อหรือไม่ว่า ครั้งสุดท้ายที่ ฟัลเกา เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2009-10 กับ เอฟซี ปอร์โต้ ซึ่งนั่นเป็น ฤดูกาลแรกของเขากับการค้าแข้งในทวีปยุโรป
 
หลังจากนั้น ฟัลเกา ก็ยิงประตูเป็นบ้าเป็นหลัง พาปอร์โต้ ประสบความสำเร็จ ได้แชมป์ ลีก และ แชมป์ ยูโรปา ลีก เมื่อปี 2011 แต่พอทีมได้ไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เขาก็เลือกที่จะย้ายไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ที่ไม่ได้ไปเล่นถ้วยนี้ เนื่องจากไม่ติด 1 ใน 4 ของ ลา ลีกา

สังเกตที่ไหล่ขวาจะมีโลโก้ แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่นั้นเป็นโลโก้ที่ได้แปะไหล่ฟัลเกาแค่ปีเดียว

เช่นเคย ในฐานะดาวยิง "ตราหมี" เขายังคงรักษาสถิติการถล่มประตูเอาไว้ได้ ดุจเกลือรักษาความเค็ม ซึ่งพอเขาพาทีมไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และได้แชมป์ ยูโรปา ลีก หนังม้วนเดิมมันก็กลับมาอีกครั้ง
 
คือตอนจบซีซั่น 2012-13 ทุกคนไม่ได้แปลกใจอะไร หากว่า ฟัลเกา จะย้ายทีม เพราะตอนนั้น มีสองทีมยักษ์ใหญ่ของ อังกฤษ ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี แต่แล้ว ตัวของ "เอล ติเกร" ก็กลับเลือกไปร่วมทัพ อาแอส โมนาโก น้องใหม่ของศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ซะอย่างนั้น
 
ฟัลเกา ยอมรับในภายหลังว่า เรื่องเงินก็เป็นสาเหตุสำคัญเหมือนกัน ที่ทำให้เขาเลือก โมนาโก เพราะอย่าลืมว่า โมนาโก นั้นไม่ต้องเสียภาษี ทำให้เขาสามารถรับค่าเหนื่อยได้แบบเน้นๆ และที่สำคัญ โมนาโก ภายใต้การบริหารงาน ดิมิทรี ริโบลอฟเลฟ นั้นก็มีโปรเจกต์ ที่ทะเยอทะยาน ซึ่งก็ถือเป็นความท้าทายสำหรับเขาเป็นอย่างดี
 
แต่แล้ว เรื่องมันก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะ โมนาโก จู่ๆ ก็หยุดนโยบายที่จะทุ่มเงินต่อไป เรื่องขายฝ้นที่ว่ากลายเป็นฝันเปียกไปในบัดดล ชัดเจนได้จากการปล่อย ฮาเมส โรดริเกซ เพื่อนร่วมทีมของ ฟัลเกา ที่เป็นสตาร์ด้วยกัน ไปให้กับ เรอัล มาดริด เพื่อแลกเงินก้อนโต ทำให้ ฟัลเกา เลือกที่จะย้ายออกมา
 
หลายคนสงสัยว่า ในเมื่อมีทั้ง เรอัล มาดริด , ลิเวอร์พูล , แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ที่ได้ไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ความสนใจ ทำไมฟัลเกา ถึงเลือก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

"เงินมาผ้าหลุด" ในเมื่อ ยูไนเต็ด กล้าให้ออปชั่นที่งามที่สุด ฟัลเกา เองก็ยินดี

คำตอบก็คือ ข้อเสนอของ แมนฯยูไนเต็ด นั้นมันดีสุดนั่นเอง เพราะว่าพวกเขาคือทีมเดียวที่พ่วงค่าซื้อขาดถึง 55 ล้านยูโร ในขณะที่ทีมอื่นนั้นต้องการแค่ขอยืมเท่านั้น เพราะกลัวติดกฎแฟร์เพลย์
 
และนี่ก็เป็นอีกครั้ง ที่ ราดาเมล ฟัลเกา การ์เซีย หันหลังให้กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้วยสุดยอดปรารถนาของยอดแข้งทุกคน

The Nut

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook