''กกท.''ลองของโควตากีฬา''ชาติ

''กกท.''ลองของโควตากีฬา''ชาติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จำกัดจำนวนแต่ละชนิดเบื่อ''กทม.''เป็น''เจ้าทอง''

บิ๊กหนุ่มนายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการ กกท.ได้เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องการพัฒนาการจัดกีฬาแห่งชาติ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติให้มีมาตรฐานมากกว่าเดิมว่า หลังจากจบการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 37พิษณุโลกเกมส์และ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่25 กาญจนบุรีเกมส์ได้มีการมอบหมายให้ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ไม่สรุปข้อดีและข้อเสียต่างๆ ในการจัดการแข่งขัน ก่อนที่จะนำมาระดมความคิดและสรุปให้แน่นอนว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงการแข่งขันทั้ง 2 รายการนี้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะรูปแบบของการคัดนักกีฬาแต่ละจังหวัด ที่ยึดถือเอาใบเกิด,สถานศึกษาและสถานที่ทำงาน รวมไปถึงรูปแบบของการชิงชัยที่ควรจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ของโลกในปัจจุบัน

ซึ่งโดยส่วนตัวยังคิดว่า น่าจะใช้สถานที่เกิดแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อที่นักกีฬาจะได้ลงเล่นให้กับจังหวัดบ้านเกิดจริง ๆ ไม่ใช่ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และเปิดโอเพ่นให้นักกีฬาที่เก่งที่สุด-ดีที่สุดได้ลงแข่งขันในกีฬาแห่งชาติ ไม่ใช่มาห้ามนักกีฬาทีมชาติลงแข่งขันในบางชนิดกีฬา ขณะเดียวกันคนภายในจังหวัดก็ควรจะกระตุ้นสมาคมังหวัดนั้น ๆ ให้มีการดูแลนักกีฬาอย่างดี นักกีฬาเหล่านี้จะได้อยากลงเล่นให้กับบ้านเกิดด้วยหัวใจ ซึ่งเร็ว ๆ นี้ กกท. จะมีการสรุปแนว ทางการจัดกีฬาแห่งชาติและกีฬาเยาวชนแห่งชาติรูปแบบใหม่ให้ออกมาชัดเจน

ขณะที่ นายสกล วรรณพงษ์ ผอ.ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กล่าวว่า หลังจากได้สรุปการแข่งขันกีฬาทั้ง 2 รายการ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา แม้จะมีมาตรฐานดีขึ้นและได้รับความสนใจจากทุกจังหวัดที่อยากจะส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน รวมทั้งการเสนอตัวของเป็นเจ้าภาพ แต่ กกท. ก็ต้องปรับปรุงการแข่งขันให้เข้ากับโลกยุคปัจจุบัน โดยในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 38 ตรังเกมส์ ระหว่างวันที่ 9-19 ก.ย. ทาง กกท. ได้อนุญาตให้แต่ละจังหวัดสามารถส่งนักเตะทีมชาติลงแข่งขันในกีฬาฟุตบอลได้ไม่เกินทีมละ 5 คน แต่ต้องส่งรายชื่อลงเล่นตั้งแต่รอบคัดเลือกระดับภาค และให้ยึดเอาใบเกิดเพียงอย่างเดียว เพื่อให้นักฟุตบอลได้กลับมาลงเล่นให้บ้านเกิดอย่างแท้จริง

ส่วนการปรับรูปแบบของการแข่งขันใหม่นั้น จะมีการกำหนดโควตาหรือกำหนดจำนวนของนักกีฬาที่จะเข้าแข่งขันในแต่ละชนิดกีฬา เช่น กรีฑา มีการชิงกัน 40 เหรียญทอง จะอนุญาตให้แต่หวัดส่งนักกรีฑาลงแข่งขันได้เพียงแค่ 20 รายการเท่านั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ นักกีฬาจังหวัดอื่น ๆ ได้มีโอกาสคว้าเหรียญกันบ้าง ไม่ใช่เหรียญไปกระจุกรวมตัวอยู่ที่ กทม. เพียงแค่จังหวัดเดียว โดยจะทำคล้ายการแข่งขันยกน้ำหนักในกีฬาโอลิมปิก และอาจจะมีกีฬา อื่น ๆ อีก เช่น ว่ายน้ำ, มวยสากลสมัครเล่น, เทควันโด, ยิมนาสติก นอกจากนี้กีฬาประเภททีมก็จะมีการแข่งขันเป็นระบบเลกให้มากขึ้น ไม่ใช่แข่งคัดเลือกแค่ครั้งเดียว แล้วได้ผ่านไปเล่นในรอบสุดท้ายเลย รวมไปถึงการเลือกเจ้าภาพ ที่จะจัดการแข่งขันระดับภาคด้วย ที่อาจจะมีการให้จังหวัดต่าง ๆ ได้จัดการแข่งขันในกีฬาที่ตัวเองพร้อม ไม่ใช่เอางบประมาณไปให้จังหวัดเดียวที่ได้จัดการชิงชัยระดับภาค และรูปแบบใหม่ทั้งหมด คาดว่าจะมีการใช้ตั้งแต่กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 26 มะขามหวานเกมส์ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 19-30 มี.ค. 53 ถือเป็นการนำร่องก่อนก็เป็นได้.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook