ฟุตบอล : บทสรุปของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่มอี ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ อะไรกับ การที่ เชลซี ทีมแชมป์เก่าต้องจอดป้ายเพียงแค่รอบแรก แม้ว่าจะขยี้ นอร์ดเยลลันด์ จากเดนมาร์ก แบบเละเทะ 6-1

เพราะว่าผลการแข่งขันที่สนาม ดอนบาสส์ อารีน่า เป็นชัคเตอร์ โดเนสต์ค จากยูเครน ที่พลาดท่าพ่าย ยูเวนตุส คาบ้าน ทำให้ต่อให้เชลซี จะยิงทีมดังจากแดนโคนมอีกซัก 20 ลูก มันก็ไม่ช่วยให้พวกเขาเข้ารอบอยู่ดี

ที่สำคัญ ไม่ต้องไปโทษชัคเตอร์ ที่เล่นแบบเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ แบบไม่มีความมุ่งมั่นอะไรในเกมกับ ยูเว่ เพราะว่า ชัคเตอร์ เข้ารอบไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาใส่เต็มที่เพื่อให้นักเตะเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ

ถ้าจะโทษเชลซี ก็ควรจะต้องโทษตัวเองมากกว่า กับการที่ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจแบบนี้ แทนที่จะได้ชะตาของตัวเอง

การตกรอบในคราวนี้ ส่งผลให้มีประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เกิดขึ้นอีกด้วย นั่นก็คือการที่มีแชมป์เก่าตกรอบแรก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนชื่อจาก ยูโรเปี้ยน คัพ มาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 1992-1993

อาถรรพ์ของรายการนี้ นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อของการแข่งขันมาในปีดังกล่าวที่คนพูดกันมากที่สุดก็คือ ไม่เคยมีแชมป์เก่าสามารถป้องกันแชมป์ได้ แต่ว่า สิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันก็คือการที่แชมป์เก่าต้องหยุดเส้นทางเอาไว้แค่รอบแบ่งกลุ่ม

อันที่จริงมันก็มีเข้าข่ายนะ แต่ขอไม่นับก็แล้วกัน ได้แก่โอลิมปิก มาร์กเซย ที่คว้าแชมป์เมื่อปี 1993 นั้นโดนตัดสิทธิ์ไม่ได้มาป้องกันแชมป์ในปีถัดมา จากคดีล้มบอลนั่นเอง

นอกจากนั้นพวกบรรดาแชมป์เก่า ที่มาแข่งในถัดมา ต่างผ่านรอบแรกกันได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแบบทุลักทุเล หรือว่าจะเป็นการผ่านแบบสบาย ๆ ก็ตาม จนกระทั่งเชลซี นี่แหละ ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับถ้วยใบนี้ในชื่อของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม

ที่สำคัญ นี่ถือเป็นครั้งแรกของพวกเขาอีกด้วย ที่ต้องจอดป้ายเพียงแค่ในรอบแบ่งกลุ่ม เพราะว่าตลอด 10 ครั้งก่อนหน้าที่ได้มาลุยในรายการนี้ พวกเขาผ่านเข้ารอบหมดทุกครั้ง

หลายคนสงสัยกับการตกรอบของ เชลซี ในคราวนี้ ในเมื่อมีคะแนนเท่ากับ ชัคเตอร์ และ มีลูกได้เสียที่ดีกว่า ทำไมถึงต้องตกรอบ นั่นก็เพราะว่า ผลงานการเจอกันของทั้งสองทีม ที่เชลซี ชนะ ชัคเตอร์ในบ้านของตัวเอง 3-2 และไปแพ้ที่ ยูเครน 1-2 ทำให้เฮดทูเฮด เป็นรอง ในเรื่องของกฏประตูทีมเยือน

เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกฏนี้ ถูกพูดขึ้นมา ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า ทีมที่โดนกฏนี้เล่นงานคือทีมแม่เหล็กอย่างเชลซี แต่ว่า กฏก็คือกฏ มันไม่ใช่เพิ่งมีซะหน่อย ที่สำคัญ ทุกทีมที่ลงสนามก็อยู่ภายใต้กฏกติกาข้อเดียวกันอยู่แล้ว ซึ่งมันก็แฟร์ดี

ส่วนตัวผมก็เห็นด้วยกับกฏนี้นะ เพราะนี่มันเกมระดับ ทัวร์นาเมนต์ ถ้าหากมีทีมที่คะแนนเท่ากัน ก็เอาผลจากที่เจอกันเองมาวัดก็น่าจะแฟร์กว่า เอาผลงานในการยิงสมันในกลุ่ม

จะว่าไปก็น่าตลกดีนะครับ ถ้ายังจำกันได้ เมื่อซีซั่นที่แล้ว ทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" พยายามดิ้นจนถึงที่สุด เพื่อหนีถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ให้ได้ และก็ทำได้สำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปีก่อน ทำให้ได้เข้ามาแข่งถ้วย "บิ๊กเอียร์" ในฐานะแชมป์เก่า

แต่ตอนนี้ กลายเป็นว่าพวกเขาต้องลงไปเล่นถ้วยที่พวกเขาหนีมาตลอดซะอย่างนั้น ซึ่งก็ต้องดูว่า ทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" จะไปได้ไกลขนาดไหน ถ้ามองในแง่ดี ถ้าหากพวกเขาจริงจัง ก็อาจจะกลายเป็นทีมแรกของเกาะอังกฤษ ที่ได้แชมป์ถ้วยยุโรปครบ 3 รายการก็ได้ หลังจากที่ เคยได้ คัพ วินเนอร์ส คัพ มาแล้วเมื่อปี 1998 และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปีที่แล้ว

อืมมมมมม.. มองแบบนี้อะไรมันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวนะ

เรื่องโดย "The Nut"

อัลบั้มภาพ เชลซีกับประวัติศาสตร์ ภาพที่ 14 / 18

เชลซีกับประวัติศาสตร์

อัลบั้มภาพที่เกี่ยวข้อง

"โด้" มาเเล้วลงครึ่งเดียว เเมนฯ ยู เจ๊า ราโยฯ 1-1 (ภาพ)

คมกว่าเยอะ! แมนฯ ยูฯ ถล่ม ลิเวอร์พูล 4-0 แดงเดือดนัดประวัติศาสตร์ในไทย (ภาพ)

"ลินการ์ด" พลาด! ผี 10 คน บุกโดน ยัง บอยส์ เเซงทดเจ็บ 2-1 ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก

"เอลเลียตต์" ขาหัก! ลิเวอร์พูล บุกอัด ลีดส์ 10 ตัว 3-0 นำฝูงร่วม 10 แต้ม