การเอาชนะในช่องโหว่ของ "โรเบิร์ต ยาร์นี" ที่ทำให้แฟนโคเวนทรีช้ำใจ

การเอาชนะในช่องโหว่ของ "โรเบิร์ต ยาร์นี" ที่ทำให้แฟนโคเวนทรีช้ำใจ

การเอาชนะในช่องโหว่ของ "โรเบิร์ต ยาร์นี" ที่ทำให้แฟนโคเวนทรีช้ำใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อครั้งหนึ่งแบ็คซ้ายดาวเด่นจากฟุตบอลโลก 1998 มีชื่อเป็นนักเตะโคเวนทรี แต่ก็เพียงแค่ชื่อเท่านั้น

หากเอ่ยถึง โรเบิร์ต ยาร์นี แฟนเกม วินนิ่ง อีเลฟเว่น ในยุคเก่า น่าจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในภาค 3 ที่วางจำหน่ายในช่วงฟุตบอลโลก 1998 ที่ตัวเขามีค่าพลังโดดเด่น ทั้งที่เล่นในตำแหน่งกองหลัง ไม่ว่าจะเป็น ความเร็ว 9 พลังการยิง 8 และ การผ่านบอล 7 

จากผลดังกล่าว ทำให้เขามักถูกดันขึ้นไปเล่นกองหน้าบ่อยๆ และถูกนำไปเปรียบเปรยกับ โรแบร์โต คาร์ลอส แบ็คซ้ายชาวบราซิล ที่มีความเร็ว 9 เหมือนกัน และถูกเรียกว่า คาร์ลอส 2 

แถมบนโลกจริงในตอนนั้น ยาร์นี ก็ไม่ได้น้อยหน้าโลกจินตนาการ เมื่อเขาเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทีมชาติโครเอเชีย ชุดคว้าอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 1998 

ผลงานดังกล่าว ทำให้หลังรายการนั้น ยาร์นี ได้มีโอกาสย้ายไปเล่นให้ โคเวนทรี สโมสรในพรีเมียร์ลีก ทว่า หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน เขาก็ย้ายไปเล่นใน เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ของสเปนชนิดงงกันทั้งบาง โดยที่ไม่ได้เล่นให้พลพรรคสกายบลูแม้แต่เกมเดียว 

เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น? ร่วมติดตามไปพร้อมกับ Main Stand 

นักเตะชุดประวัติศาสตร์ 

ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 โครเอเชีย มีสถานะเป็นเพียงประเทศเกิดใหม่ พวกเขาเพิ่งได้รับเอกราชเต็มตัว หลังประกาศแยกตัวมาจากยูโกสลาเวียในปี 1991 แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เริ่มสร้างชื่อในโลกฟุตบอล 


Photo : www.the42.ie

ในปี 1996 โครเอเชียเริ่มสร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในศึกยูโร 1996 ที่อังกฤษ โดยสามารถเอาชนะ แชมป์เก่า เดนมาร์ก แต่จอดป้ายด้วยน้ำมือของ เยอรมัน ที่ต่อไปกลายเป็นแชมป์ในทัวร์นาเมนต์นั้น 

ก่อนที่ 2 ปี ต่อจากนั้น โลกจะได้รู้จักกับ "โครเอเชีย" เต็มตัว ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส

หลังได้รับเอกราชเพียง 7 ปี โครเอเชีย ก็ผ่านเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังคว้าอันดับ 2 ในรอบคัดเลือก ก่อนจะเอาชนะ ยูเครน ในรอบเพลย์ออฟด้วยสกอร์รวม 3-1  

พวกเขาเริ่มต้นในฟุตบอลโลกได้อย่างร้อนแรง ด้วยการคว้าชัย 2 นัดรวดในการพบกับ จาไมกา และ ญี่ปุ่น แม้นัดสุดท้ายจะพ่ายต่อ อาร์เจนตินา แต่ก็ยังเพียงพอที่จะเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม 

ความยอดเยี่ยมของพวกเขายังดำเนินต่อไปในรอบน็อคเอาท์ หลังเอาชนะ โรมาเนีย อย่างฉิวเฉียด 1-0 ในรอบ 16 ทีม ก่อนจะมาสร้างเซอร์ไพร์สถล่ม เยอรมัน 3-0 ชนิดหักปากกาเซียนในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทะลุถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ 

อย่างไรก็ดี เทพนิยายโครเอเชียต้องหยุดเพียงเท่านั้น เมื่อต้องจอดป้ายในรอบรองชนะเลิศ หลังพ่ายต่อ ฝรั่งเศส เจ้าภาพ (และแชมป์โลกหลังจากนั้น) อย่างหวุดหวิด แต่สุดท้ายก็ยังคว้าอันดับ 3 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ ในนัดชิงที่ 3


Photo : hns-cff.hr

กุญแจความสำเร็จของพวกเขา นอกจากแรงขับทางการเมือง จากการเป็นประเทศเพิ่งประกาศเอกราช ก็คือการอุดมไปด้วยนักเตะฝีเท้าดี ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากทีมชาติยูโกสลาเวีย ชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เมื่อปี 1987 

นักเตะจากชุดดังกล่าวหลายคน ก้าวขึ้นมามาเป็นกำลังสำคัญของโครเอเชีย หลังการประกาศเอกราช และทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฟุตบอลโลกครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ดาเวอร์ ซูเคอร์ ดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์, ซโวนีเมียร์ โบบัน จอมทัพหมายเลข 10, อิกอร์ สติมัค แนวรับสุดแกร่ง หรือ โรเบิร์ต ยาร์นี แบ็คซ้ายความเร็วสูง 

ทำให้หลังฟุตบอลโลก นักเตะทีมชาติโครเอเชีย กลายเป็นนักเตะเนื้อหอม และได้รับความสนใจจากทีมในลีกยักษณ์ใหญ่ของยุโรป รวมไปถึง ยาร์นี ที่กำลังค้าแข้งกับ เรอัล เบติส ในลีกสเปนในตอนนั้น 

และมันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานการย้ายตัวสุดพิลึกพิลั่นครั้งหนึ่งของโลก

นักเตะโคเวนทรี 2 สัปดาห์ 

ฟอร์มของ ยาร์นี ในฟุตบอลโลก ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้ผู้เล่นคนอื่น เขาคือตัวอันตรายทางฝั่งซ้ายของโครเอเชีย ด้วยความเร็วที่ว่องไว อีกทั้งมีลูกยิงไกลที่เป็นทีเด็ด และเคยฝากความชอกช้ำให้กับ เยอรมัน มาแล้ว


Photo : www.dailymail.co.uk

ทำให้หลังจบศึกฟุตบอลโลก เขาเป็นที่ต้องตาแก่หลายทีมในยุโรป ทว่าหนึ่งเดือนหลังทัวร์นาเมนต์ที่ฝรั่งเศส กองหลังวัย 29 ปีก็สร้างเซอร์ไพร์ส ด้วยการเซ็นสัญญากับ โคเวนทรี ที่จบในอันดับ 11 ของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1997-98 

วันที่ 7 สิงหาคม 1998 ยาร์นี ย้ายไปร่วมทีมโคเวนทรี ด้วยค่าตัว 2.6 ล้านปอนด์ เขาเริ่มปรับตัวและสร้างความคุ้นเคยกับทีมใหม่ทันที ด้วยการเดินทางไปชมเกมนัดปรีซีซัน ที่โคเวนทรี ลงเตะนัดอุ่นเครื่องกับ เอสปันญอล จากสเปน 

ในตอนนั้นแฟนโคเวนทรี ต่างรู้สึกชื่นมื่น เพราะยาร์นี ถือเป็นหนึ่งในดาวเด่นจากเวิลด์คัพที่ฝรั่งเศส แถมค่าตัวเขาก็ไม่ได้แพงเกินไป การได้นักเตะระดับนี้มาร่วมทัพ น่าจะช่วยยกระดับทีมได้อีกไม่น้อย หลังเป็นเพียงแค่ทีมกลางตารางในซีซั่นก่อน 


Photo : www.coventrytelegraph.net

อย่างไรก็ตาม ฝันของพวกเขาก็ต้องสลายไปในชั่วพริบตา เมื่อในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา โคเวนทรี ช็อคแฟนบอลด้วยการประกาศว่า ยาร์นี จะย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีกสเปนอย่าง เรอัล มาดริด ทั้งที่แบ็คซ้ายชาวโครเอเชีย ยังไม่ได้ลงสนามให้โคเวนทรี แม้แต่เกมเดียว 

"มีการเจรจา การทดสอบ ตลอดจนความเสี่ยงต่างๆ เกิดขึ้น แต่เราก็แฮปปี้กับผลลัพธ์" ไบรอัน ริชาร์ดสัน ประธานสโมสรโคเวนทรี กล่าวกับ Independent เมื่อปี 1998 

"เราน่าจะได้ตัวเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนเราจะได้เงินกลับมาให้สโมสร และเราก็กำลังมองหาผู้เล่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เพื่อทีมของเรา" 

แต่ไม่ใช่สำหรับแฟนบอลโคเวนทรี สิ่งนี้สร้างความชอกช้ำและความงุนงงให้พวกเขา แม้ว่าสโมสรจะได้กำไรจากการขายยาร์นี ให้มาดริด เป็นเงินราว 750,000 ปอนด์ แต่มันก็ไม่คุ้มเลย กับการเสียผู้เล่นระดับนี้ไป แถมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้นักเตะแบบนี้อีกเมื่อไร 

นอกจากนี้ พวกเขาก็รู้สึกคลางแคลงใจกับวิธีการย้ายทีมของแข้งป้ายแดง ที่กลายเป็นอดีตผู้เล่นของทีมภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ 

มีอะไรอยู่เบื้องหลังการย้ายทีมในครั้งนี้กันแน่?

ครอบครัวต้องมาก่อน 

"โคเวนทรี ซิตี้ ขาย โรเบิร์ต ยาร์นี ที่ไม่เคยเล่นให้พวกเขา ด้วยค่าตัว 3.35 ล้านปอนด์ให้เรอัล มาดริดในวันนี้ พวกเขาได้กำไร 750,000 ปอนด์ จากดับเบิ้ลดีลสุดแปลก" Independent ระบุในบทความสรุปการซื้อขายในวันที่ 20 สิงหาคม 1998 

"ยาร์นี บรรลุข้อตกลงกับซิตี้ หลังสโมสรจ่ายเงิน 2.6 ล้านปอนด์ให้ เรอัล เบติส แต่หลังจากกลับไปสเปน เขาก็เปลี่ยนใจ และตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด" 


Photo : @madrid_players

ยาร์นี ชี้แจงว่า เหตุที่เขาเปลี่ยนใจไม่มาเล่นในอังกฤษ และย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด ทั้งที่เพิ่งเซ็นสัญญากับ โคเวนทรี เป็นเพราะปัญหาทางครอบครัว เนื่องจากภรรยาไม่แฮปปี้กับการย้ายมาอยู่ในเมืองผู้ดี 

นอกจากนี้จากการที่ลูกสาวตัวน้อยของเขา กำลังเข้าเรียนชั้นประถมในแดนกระทิง ก็เป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้อดีตแบ็คซ้ายโครเอเชีย เปลี่ยนใจที่จะใช้ชีวิตที่สเปนต่อ แม้จะช็อกหัวใจแฟนบอลโคเวนทรีก็ตาม 

"กอร์ดอน สตรัคคัน อยากเซ็นผมมาที่โคเวนทรี เขาชอบแนวทางการเล่นของผม ชอบผลงานของผมที่ลีกสเปน และทีมชาติ แต่หลังจากได้รับข้อเสนอที่มาดริด ผมก็ตัดสินใจเซ็นสัญญากับพวกเขาแทน" ยาร์นีกล่าวกับ Herald เมื่อปี 2013 

"ผมไม่ได้พูดว่าเป็นการตัดสินใจของภรรยา แต่มันคือการตัดสินใจของครอบครัว ครอบครัวของผมไม่เห็นด้วยที่จะย้ายไปอังกฤษ เรามีลูกเล็ก ลูกสาวของผมก็เรียนอยู่ชั้นประถมที่สเปน และเราก็เตรียมตัวที่จะอยู่ที่นั่น แทนที่จะย้ายไปอังกฤษ"

"ผมไม่โกหกแน่นอน ตอนที่ผมบอกสตรัคคัน เขาก็เข้าใจ"  

อย่างไรก็ดี แม้ยาร์นี จะออกมายืนยันในเรื่องนี้ แต่ก็มีข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกี่ยวกับการย้ายทีม 2 ครั้งซ้อนของเขา หนึ่งในนั้นคือการที่โคเวนทรี ทำหน้าที่เป็นเพียงสโมสรบุคคลที่ 3 ที่ทำให้การย้ายทีมของเขาไปเรอัล มาดริด ลุล่วง 

แน่นอนว่าหลังฟุตบอลโลก 1998 ยาร์นีกลายเป็นแข้งเนื้อหอม และโคเวนทรีก็ไม่ใช่ทีมเดียวที่สนใจในตัวเขา ก่อนหน้านั้นคือ มาดริด ที่ยื่นซื้อตัวเขาเป็นทางการก่อนพลพรรค "สกายบลู" เสียอีก 

ทว่า เรอัล เบติส กลับปฏิเสธข้อเสนอ มาดริด เนื่องจากไม่อยากขายให้คู่แข่งร่วมลีก แต่เพราะนักเตะ เหลือสัญญากับทีมเพียงแค่ปีเดียว ทำให้ เบติส เอง ก็จำเป็นต้องขายนักเตะไปจากทีม เพียงแค่ไม่ใช่สโมสรในลาลีกา ก่อนที่ โคเวนทรี จะยื่นข้อเสนอเข้ามาและตกลงกันได้หลังจากนั้น 

มันจึงมีข้อสันนิษฐานว่า เรอัล มาดริด อาจจะใช้โคเวนทรี เป็นสโมสรตัวกลาง และเป็นเหตุผลว่านักเตะดังอย่างยาร์นี ทำไมจึงย้ายมาอยู่กับ โคเวนทรี สโมสรที่ไม่ได้มีชื่อชั้นอะไรในตอนแรก ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้ทีมยักษ์ใหญ่อย่างมาดริดในทันที 

สิ่งที่มาสนับสนุนเรื่องนี้คือ หลังประกาศเปิดตัวกับ โคเวนทรี ยาร์นี ไม่มีทีท่าที่จะย้ายมาอยู่ในอังกฤษเลย เขายังคงให้ลูกสาวเรียนต่อชั้นประถมที่สเปน บวกกับการที่ภรรยาไม่แฮปปี้กับการมาใช้ชีวิตที่ มิดแลนด์


Photo : www.marca.com

และจากคำกล่าวอ้างของ มาร์ค โคมาสกี และ เอียน เนียโลโปลุส แฟนบอลโคเวนทรี ที่มีโอกาสได้เจอยาร์นี ขณะร่วมทีม ฮีโร่ส์ ออฟ วอเตอร์ลู ทีมในซันเดย์ลีก ที่เดินทางไปเตะนัดกระชับมิตรกับทีม ไฮจ์ดุค สปลิต XI ถึงโครเอเชีย เมื่อปี 2013 ก็ทำให้ทฤษฎีนี้มีน้ำหนักขึ้น 

"เราถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นที่โคเวนทรี แต่เขาพยายามบอกปัดและบอกว่าไม่ขอคอมเมนต์อะไร แต่เขาก็ยิ้มแบบมีเลศนัย" มาร์ค กล่าวหลังทีมของเขาบุกไปพ่าย 4-1 

"เขาเป็นคนนิสัยดีจริงๆ และพยายามทำให้มันเป็นเรื่องตลก แต่เราก็เดาได้ว่าข่าวลือมันเป็นจริง เพราะตอนนั้นเบติส ก็ไม่อยากขายเขาให้เรอัล มาดริด โดยตรงจริงๆ" 

อย่างไรก็ดี ยาร์นี ไม่ใช่นักเตะคนสุดท้ายที่เคยเกิดข้อพิพาทลักษณะนี้

เซกี ฟรายเยอร์ส 

ในปี 2012 เซกี ฟรายเยอร์ส แบ็คซ้ายดาวรุ่งชาวอังกฤษ ที่กำลังจะหมดสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับความสนใจจาก ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เพื่อนร่วมลีก จนขนาดชวนไปซ้อมกับทีมหลังหมดสัญญา 


Photo : www.standard.co.uk

แต่จากกฎของฟุตบอลอังกฤษ นักเตะที่อายุไม่ถึง 23 ปี แม้จะหมดสัญญาแล้ว แต่ถ้าหากย้ายไปเล่นกับทีมในอังกฤษ สโมสรใหม่ก็ต้องจ่ายเงินชดเชยให้สโมสรเก่า ซึ่งเท่าไรนั้นตามแต่จะตกลงกัน

แต่ในตอนนั้นทั้งสเปอร์สและยูไนเต็ด ต่างตกลงตัวเลขสุดท้ายของมูลค่าเงินชดเชย ที่คาดว่าน่าจะมีมูลค่าราว 6 ล้านปอนด์ไม่ได้ ทำให้ สตองดาร์ด ลีแอช ทีมดังจากลีกเบลเยียม เป็นผู้หยิบชิ้นปลามัน เซ็นสัญญากับ ฟรายเยอร์ส และเสียเงินชดเชยให้ยูไนเต็ดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 


Photo : www.dailymail.co.uk

อย่างไรก็ดี ฟรายเยอร์ส อยู่กับลีแอช เพียงครึ่งฤดูกาล โดยลงเล่นไปเพียงแค่ 7 นัด ก่อนจะย้ายกลับมาเล่นในลีกอังกฤษกับสเปอร์ส ด้วยค่าตัวราว 3 ล้านปอนด์ในตลาดนักเตะหน้าหนาวปี 2013 

การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของแมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นควันออกหู และตำหนิสเปอร์สว่าใช้ช่องโหว่ของกฎ ทำให้ทีมไม่ต้องเสียเงินจำนวนมาก ในการดึงตัวอดีตแข้งของเขาไปร่วมทีม 

"ผมผิดหวังกับท็อตแนม ผมคิดว่ามันคือการสร้างสถานการณ์อย่างโจ่งแจ้ง" เฟอร์กี้กล่าวกับ BBC เมื่อปี 2013 

อย่างไรก็ดี สเปอร์ส ก็ออกแถลงการณ์ว่า นี่ไม่ใช่การจัดฉาก แต่เป็นเพราะฟรายเยอร์ส หลุดออกจากแผนการทำทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่ บวกกับการเป็นโรคโฮมซิค ทำให้เขาถูกขายออกจากทีม และสเปอร์ส ที่สนใจเขามาก่อนเป็นผู้ซื้อไป 

"เซกี สนุกกับช่วงเวลาที่สตองดาร์ด แต่พอสตองดาร์ดปลดผู้จัดการทีมในเดือนพฤศจิกายน เซกี ก็ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่ ที่ทำให้เขายอมรับและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในฟุตบอล" แถลงการณ์ของสเปอร์สระบุ 

"โชคไม่ดีที่เรื่องนี้ บวกกับข้อเท็จจริงว่าเขารู้สึกคิดถึงบ้าน ทำให้เขาอยากกลับไปอังกฤษ"


Photo : talksport.com

ก่อนที่หลังจากนั้น ลีแอช จะออกมายืนยันอีกเสียงว่า ฟรายเยอร์ส มีอาการคิดถึงบ้านจริง ทำให้เมื่อ สเปอร์ส ยื่นข้อเสนอเข้ามา พวกเขาจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ยอมรับข้อเสนอ เพื่อให้นักเตะได้กลับบ้านเร็วที่สุด 

"กองหลังดาวรุ่ง รู้สึกคิดถึงบ้านและมีปัญหาในการปรับตัวเมื่อต้องจากบ้านและครอบครัว ดังนั้น เมื่อสโมสรจากลอนดอนให้ความสนใจ เราเข้าใจสถานการณ์ และไม่คัดค้านการกลับอังกฤษของตัวนักเตะ" แถลงการณ์ของลีแอชอธิบาย 

แต่เซอร์ อเล็กซ์ ก็รู้สึกคลางแคลงใจในการย้ายทีมครั้งนี้ เขารู้สึกว่าสเปอร์สเล่นไม่ซื่อ และเรียกร้องให้พรีเมียร์ลีกเข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ และระงับการลงทะเบียนนักเตะของฟรายเยอร์ส 

"พวกเขาพยายามซื้อเขาในช่วงท้ายฤดูกาล พวกเขาพาเขาไปทดสอบฝีเท้า และบอกว่าไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้ และหลังจากนั้นเขาก็เซ็นกับ สตองดาร์ด ลีแอช ทันที" เฟอร์กูสันกล่าวกับ BBC 

"ผมคิดไว้แล้วว่าเขาจะไปท็อตแนม ตอนตลาดนักเตะเดือนมกราคม ลีกควรเข้ามาดูเรื่องนี้"
แต่สุดท้ายแล้ว ฟรายเยอร์ส ก็ได้ลงทะเบียน แต่ก็ทำผลงานไม่ได้เปรี้ยงปร้าง และค่อยๆ ลดชั้นลงไปเล่นในลีกล่าง และค้าแข้งอยู่กับสวินดอน ในลีกทูฤดูกาลนี้ 

เช่นเดียวกับ ยาร์นี แม้ว่าจะได้ย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด สมใจ แต่กองหลังชาวโครเอเชีย ก็ไม่สามารถแทรกตัวขึ้นมายึดตำแหน่งแบ็คซ้ายตัวจริงของทีมที่มี โรแบร์โต คาร์ลอส ขวางอยู่ได้ เขาอยู่กับมาดริด เพียงแค่ฤดูกาลเดียว และย้ายไป ลาส พาลมัส ก่อนจะปิดท้ายชีวิตนักเตะกับ พานาธิไนกอส ในปี 2002 


Photo : balla.com.cy

สุดท้ายแล้วอาจจะไม่มีหลักฐานยืนยันว่าอะไรอยู่เบื้องหลังการย้ายทีมสุดประหลาดของยาร์นี มันอาจจะเป็นจังหวะบังเอิญ หรือเป็นความจงใจ หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เคยได้ชื่อว่าเป็นนักเตะ โคเวนทรี 

แม้จะไม่เคยลงเล่นให้กับสโมสรแม้แต่นัดเดียวก็ตาม 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook