"มิก้า ชูนวลศรี" : หนุ่มลูกครึ่งผู้เห็นทุกความเปลี่ยนแปลงฟุตบอลลีกไทย

"มิก้า ชูนวลศรี" : หนุ่มลูกครึ่งผู้เห็นทุกความเปลี่ยนแปลงฟุตบอลลีกไทย

"มิก้า ชูนวลศรี" : หนุ่มลูกครึ่งผู้เห็นทุกความเปลี่ยนแปลงฟุตบอลลีกไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปี 2009 คือปีประวัติศาสตร์ของฟุตบอลไทย เพราะเป็นปีที่ฟุตบอลไทย เข้าสู่การปรับตัวสู่ความเป็นมืออาชีพอย่างสมบูรณ์ ตามกฎข้อบังคับ ของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี อันเป็นจุดเริ่มต้น ปลุกกระแสยุคทองของฟุตบอลไทย

จากปี 2009 จนก้าวสู่ปี 2020 เราได้เห็นฟุตบอลไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว เราได้เห็นนักฟุตบอลไทยย้ายไปเล่นที่ญี่ปุ่นหรือเบลเยียม, นักฟุตบอลไทย ถูกซื้อขายในราคา 50 ล้าน, สโมสรฟุตบอลจากปี 2009 ยุบทีม เปลี่ยนชื่อ ย้ายสนามกันมากมาย เกิดการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ในทุกขวบปีที่ผ่านพ้นไป

หนึ่งในนักฟุตบอล ที่เริ่มต้นอาชีพไปพร้อมกับยุคทองของฟุตบอลไทย คือ มิก้า ชูนวลศรี หนุ่มลูกครึ่งไทย-เวลส์ ที่กลับมาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลในไทย เมื่อปี 2009 ผ่านช่วงเวลาการค้าแข้งมากมาย ทั้งเป็นแชมป์ไทยลีก ลงไปเล่นในลีกพระรอง จนถึงก้าวไปติดทีมชาติไทย ในหลายทัวร์นาเมนต์

จากนักฟุตบอล ที่ผ่านการเติบโตในระบบลีกที่พัฒนาแล้ว จากสโมสรคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สู่การเริ่มต้นกับลีกไทยในยุคตั้งไข่… มิก้า เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง กับชีวิตช่วงเวลาชีวิตที่อยู่กับฟุตบอลไทยยาวนานกว่า 10 ปี

ก่อนที่จะมาเล่นฟุตบอลที่เมืองไทย คุณรู้จักฟุตบอลไทยมากแค่ไหน

ย้อนไปตอนปี 2009 ที่ผมเข้ามาเล่นในไทยลีก ผมไม่รู้จักไทยลีกเลย เอาง่ายๆครับ ผมไม่รู้จักเลยว่า ทีมในไทยตอนนั้นมีทีมอะไรบ้าง หรือทีมไหนเป็นทีมไหน 

เพราะก่อนหน้านี้ ผมอยู่เมืองไทยถึงแค่ปี 2000 แล้วก็ย้ายไปต่างประเทศ ผมก็จะเคยดูแค่ฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นพี่ซิโก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) รุ่นพี่ตะวัน (ธชตวัน ศรีปาน) แต่ถ้าพูดถึงฟุตบอลสโมสร หรือวงการบอลลีกบ้านเรา ผมไม่รู้จักอะไรเลย ก่อนที่จะมาเล่นที่เมืองไทย

คุณคาดหวังกับฟุตบอลไทยมากแค่ไหน ในวันที่คุณย้ายกลับมาเล่นที่เมืองไทย 

ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ไม่ได้คาดหวังว่าฟุตบอลไทยจะต้องเป็นฟุตบอลอาชีพ เพราะตอนนั้นผมเพิ่งเรียนจบ คุณพ่อก็ชวนให้มาเล่นฟุตบอลที่ประเทศไทย เพราะทางเมืองทอง ยูไนเต็ด สนใจอยากให้ผมไปคัดตัว และทางทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ก็อยากให้ผมมาร่วมซ้อม

ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูร้อนที่ยุโรป ฟุตบอลที่ยุโรปปิดฤดูกาลอยู่พอดี ผมจึงคิดว่า ลองกลับมาที่เมืองไทยสักระยะ เพราะได้มาเล่นฟุตบอลด้วย

ผมคิดว่าตัวเองโชคดี เพราะตอนได้มาซ้อมกับทางเมืองทอง เมื่อปี 2009 ตอนนั้นเมืองทองเป็นทีมที่มีความพร้อม มีนักเตะทีมชาติอยู่เยอะ มีนักเตะที่ดีอยู่เต็มทีม พอผมได้เข้าไปซ้อม ผมก็รู้สึกว่า “ฟุตบอลไทยอยู่ในระดับที่ดีนะ มีนักเตะคุณภาพดี”

อีกอย่างที่ผมประทับใจ คือ แฟนบอลจะเข้ามาให้กำลังใจทีมตลอด ไม่ว่าจะที่สนามซ้อมหรือสนามแข่ง ผมจึงคิดว่า ฟุตบอลไทยตอนนั้น มีความน่าสนใจ น่าลองเล่นฟุตบอลในเมืองไทย

ปี 2009 คือปีแรกที่ฟุตบอลไทยเริ่มบูมอย่างจริงจัง ตอนนั้นคุณรับรู้เรื่องราวมากแค่ไหน 

ตอนนั้นผมไม่รู้นะ ว่าฟุตบอลไทยเพิ่งจะเริ่มบูม แต่ว่าก็มีหลายคนเข้ามาบอกผมว่า ในอดีต ไทยลีกต้องเตะวันเดียว 4 คู่ เล่นในสนามเดียวกัน 

แต่ตอนนี้ ฟุตบอลไทยตอนนี้ดีขึ้น คนดูมากขึ้น สโมสรเป็นมืออาชีพ นักฟุตบอลมีรายได้มากขึ้น ฟุตบอลลีกเป็นระบบ นักเตะต่างชาติที่เข้ามาเล่น ก็มีคุณภาพ หลายคนบอกผมว่า ฟุตบอลไทยมาได้ไกลมาก

แต่สำหรับผม ณ ปี 2009  ผมรู้ว่าฟุตบอลไทยยังห่างไกล จากฟุตบอลต่างประเทศทางยุโรปเยอะ และสำหรับผมฟุตบอลไทยยังไม่ถึงกับเป็นมืออาชีพเสียทีเดียว

ส่วนตัวผมมองว่าตอนนั้น เรื่องของการฝึกซ้อม เรื่องโภชนาการ เรื่องการเก็บตัวต่างๆ ยังไม่ได้ดีเท่าไหร่ อันที่จริง ผมคิดว่าตอนปี 2009 ฟุตบอลลีกของเรายังไม่ใช่เบอร์หนึ่งของอาเซียนด้วยซ้ำ ผมมองว่าในตอนนั้นสิงคโปร์ หรือเวียดนาม ดูจะมีความพร้อมมากกว่า 

แต่ผมก็มองว่าปี 2009 เป็นปีสำคัญ เป็นเหมือนก้าวแรก ที่ทำให้ฟุตบอลไทยเริ่มเดินมาถูกทาง เป็นรากฐานมาจนถึงทุกวันนี้

คุณตั้งใจจะปักหลัก เล่นในเมืองไทยนานขนาดไหน

ตอนนั้นไม่ได้คาดหวัง ว่าจะต้องมาเล่นเมืองไทยในระยะยาว หรือจะต้องมาปักหลังเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่เมืองไทย ยาวนานเป็นสิบปี

ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า ลองเล่นฟุตบอลในเมืองไทยสักปีหรือสองปี เพราะผมไม่ได้คาดหวังอะไร กับฟุตบอลไทยในตอนแรก แค่มาเล่นฟุตบอลดูสักพัก แล้วค่อยกลับไปอยู่ต่างประเทศ

แต่หลังจากปี 2009 ที่ผมได้เห็นฟุตบอลไทย ได้เห็นบรรยากาศที่ดีของฟุตบอลไทย เห็นแล้วว่าฟุตบอลไทยมีคุณภาพ ผมก็คิดว่าฟุตบอลไทยมีอนาคตที่ดี และน่าจะไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนั้น ผมคิดกับตัวเองว่าฟุตบอลไทยก็ไม่ธรรมดา

จากที่คิดว่า จะมาเล่นเมืองไทย แค่ปีหรือสองปี แล้วจะกลับต่างประเทศ ผมจึงตั้งเป้าว่า จะเล่นในเมืองไทยให้นานที่สุด ประเมินแบบปีต่อปี ดูว่าศักยภาพของลีก หรือศักยภาพของสโมสรฟุตบอลไทย จะไปได้ไกลแค่ไหน

ช่วงแรกคุณย้ายทีมบ่อยมาก ไปเล่นแม้กระทั่งสโมสรในระดับลีกวัน (ไทยลีก 2 ปัจจุบัน) คุณเห็นอะไรบ้าง ผ่านการย้ายทีม ในช่วงแรกของอาชีพ

จริงๆตอนนั้นผมอายุแค่ 20 ผมต้องการประสบการณ์ อยากจะลงสนาม ผมจึงย้ายทีมบ่อย ทีมไหนที่ผมคิดว่าน่าไปเล่น มีเพื่อนนักเตะ มีโค้ชที่รู้จัก ผมก็ย้ายไป

ผมมองว่าฟุตบอลไทยในตอนนั้น ความเป็นมืออาชีพไม่เท่ากับตอนนี้ ทีมในไทยลีกหรือในลีกวัน ไม่ได้ต่างกันมาก มีแค่ไม่กี่ทีม ที่มีความเป็นมืออาชีพโดดกว่าทีมอื่น 

ผมจึงไม่ได้ซีเรียส ว่าจะต้องเล่นฟุตบอลลีกไหน ระหว่างไทยลีก กับลีกวัน ขอแค่เป็นทีมที่น่าอยู่ มีงบประมาณที่ดี สามารถจ่ายเงินเดือนเราได้ไม่เกิดปัญหา ผมก็ไปเล่นได้

อย่างตอนผมไปบางกอก เอฟซี ในปี 2012 ที่ลีกวัน ทีมก็ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อจะเลื่อนชั้น ดึงนักเตะระดับไทยลีก ลงมาเล่นหลายคน แม้จะเป็นในระดับไทยลีก 2 แต่ก็มีแผนงาน มีโปรเจ็คตระยะยาวที่ดี ตอนนั้นผมเริ่มรู้แล้วว่า ฟุตบอลไทยน่าจะไปได้ไกล เพราะแต่ละสโมสรเริ่มมีการลงทุนมากขึ้น

ช่วงไหนที่คุณรู้สึกว่า ฟุตบอลไทยเข้าสู่ความเป็นมืออาชีพที่แท้จริง

ปี 2013 ที่ผมย้ายจากบางกอก ไปอยู่กับสุพรรณบุรี ตอนนั้นทางสุพรรณซื้อตัวผมด้วยราคา 7 หลัก ซึ่งย้อนกลับไปยุคนั้น ถือว่าแพงมาก ด้วยการลงทุนขนาดนี้ ผมรู้แล้วว่า ฟุตบอลไทยมาได้ไกลจริงๆ

ปี 2013 คือช่วงแรกที่ผมรู้สึกเลยว่า ฟุตบอลไทยมาได้ไกล เทียบกับตอนแรกที่ผมมาใหม่ๆ ผมไม่ได้คิดว่าฟุตบอลไทยจะสามารถจ่ายค่าตัวนักเตะได้แพงขนาดนี้ จ้างนักเตะด้วยค่าเหนื่อย ในระดับที่เป็นอยู่ เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ในระยะเวลาไม่กี่ปี 

ตอนนั้น คุณภาพฟุตบอล ความเป็นมืออาชีพก็พัฒนาขึ้น มีหลายทีมที่กล้าลงทุนกับฟุตบอล อย่างเช่นทางสุพรรณบุรี ถึงจะเป็นทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นไทยลีก ในครั้งแรกในปี 2013 แต่ก็มีความพร้อมในทุกๆด้าน สร้างสนามซ้อมใหม่ มีสนามแข่งที่ดี มีความพร้อมทัดเทียมกับทีมอื่นในไทยลีก

สุพรรณเป็นเหมือนตัวอย่างของฟุตบอลไทยในช่วงเวลานั้น ที่ทีมกล้าที่จะลงทุนทั้งนักเตะไทย และนักเตะต่างชาติ 

อย่างสุพรรณตอนนั้น ก็ไปดึงดราแกน บอสโควิช มาจากทีมระดับท็อปในยุโรป แล้วก็ลงทุนในด้านอื่นด้วย เช่น ลงทุนสร้างสนามซ้อมใหม่ ผมว่าน่าจะหลายสิบล้าน 

ช่วงฤดูกาล 2013 เป็นปีที่ผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง รู้สึกว่าฟุตบอลไทยมาได้ไกลจริงๆ จากนักฟุตบอลสมัยก่อน ต้องรอซ้อมสนามอบจ. หรือรอซ้อมสนามโรงเรียน มาจนถึงช่วงที่แต่ละทีมเริ่มมีสนามซ้อมของตัวเอง มีห้องฟิตเนส ห้องฝึกซ้อมของตัวเอง

ตอนที่คุณอยู่กับสุพรรณบุรี เป็นครั้งแรกที่คุณได้เล่นให้กับทีมประจำจังหวัด ความรู้สึกของคุณเป็นอย่างไรบ้าง

ช่วงเวลานั้น มันทำให้ผมเห็นว่า สำหรับคนต่างจังหวัด ฟุตบอลคือทุกอย่างของเขา มีความหมายกับเขามากแค่ไหน

บางครั้งผมเล่นในกรุงเทพฯ มีคนดูอยู่ 2-3 พัน แต่คนต่างจังหวัด เขารอวันเสาร์-อาทิตย์ ที่จะได้มาเชียร์บอล  จะได้มารวมตัวกัน มาเชียร์ฟุตบอลด้วยกัน 

ตอนนั้นผมรู้ว่าการเล่นฟุตบอล เราไม่ได้เล่นเพื่อแค่ตัวเอง หรือสโมสร แต่เราต้องเล่นเพื่อแฟนบอลทุกคน ผมเล่นเพื่อคนสุพรรณทุกคน เพราะมีคนดูเต็มสนาม เกินหมื่นคนแทบทุกนัด ทำให้ผมรู้สึกว่า นี่แหละคือฟุตบอล ฟุตบอลต้องเป็นแบบนี้ ต้องเล่นแล้วมีคนดูเต็มสนาม

มันทำให้รู้สึกถึงบอลต่างประเทศ ผมบอกเพื่อนที่เมืองนอกเลยว่า ฟุตบอลที่ไทย มีคนดูหมื่นห้า มันไม่ได้ต่างจากแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ แฟนบอลก็เชียร์กันจริงจัง นักฟุตบอลไทยเริ่มมีความเป็นมืออาชีพ เหมือนนักฟุตบอลอาชีพต่างประเทศ 

ตอนช่วงปี 2013-2014 คือช่วงที่ผมรู้สึกว่า ฟุตบอลไทยเป็นฟุตบอลอาชีพ และผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มาอยู่เมืองไทย ได้โอกาสไปเล่นให้กับสุพรรณ

เพราะคนสุพรรณ แฟนบอลสุพรรณน่ารักมาก ผมไปไหนมาไหนมีแต่คนทักทาย มีแต่คนเอ็นดู ฟุตบอลไม่ว่าจะแพ้หรือจะชนะ ก็ให้กำลังใจกันตลอด ตอนที่ผมไปอยู่สุพรรณ เป็นช่วงเวลาที่ดีมาก เป็นทีม เป็นจังหวัดที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย

หลังจากนั้น ฟุตบอลไทยมาบูมสุดขีด ในช่วงปี 2014-15 คุณเห็นอะไรบ้าง ในช่วงเวลานั้น

ช่วงปี 2014 หลังจากที่เราได้แชมป์ซูซูกิคัพ มันเป็นเหมือนกับยุคใหม่ ของฟุตบอลไทย จากความสำเร็จตรงนั้น นักเตะรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมา ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ได้ก้าวไปติดทีมชาติในช่วงเวลานั้น

ผมได้เห็นกระแสของฟุตบอลไทย ทั้งทีมชาติและบอลลีกที่มันบูมไปทั่วประเทศ บูมขึ้นมาแบบว่า ไม่มีใครไม่พูดถึงฟุตบอลไทยในตอนนั้น ผมว่าตอนนั้นมันก็เห็นภาพนะ ว่าฟุตบอลมันไทยมาได้ไกลขนาดไหน

ผมมองว่ากระแสทีมชาติ มีส่วนที่ทำให้บอลลีกบูมขึ้นมา เพราะพอผลงานดีคนก็หันมาสนใจบอลลีก เพราะแฟนบอลที่ติดตามทีมชาติ อยากติดตามนักบอลทีมชาติต่อ เขาก็จะหันมาสนใจฟุตบอลลีก มาคอยตามดูว่า นักบอลคนนี้เล่นอยู่กับทีมไหน แล้วก็จะมาตามเชียร์ทีมนั้น

ผมว่าตอนนั้นคนทั่วประเทศไทย สนใจฟุตบอลลีกบ้านเรา สปอนเซอร์ก็เข้ามาเยอะมาก ในช่วงเวลานั้นมูลค่าของฟุตบอลไทยทุกอย่าง เพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาลในทุกๆด้าน จากที่แต่เดิมก็เพิ่มขึ้นมาอยู่แล้ว พอมาปี 2014-15 มันเพิ่มขึ้นเยอะกว่าสมัยก่อนมากขึ้นไปอีก

สำหรับคุณแล้วฟุตบอลไทย เติบโตรวดเร็วมากแค่ไหน

วงการฟุตบอลไทย เปลี่ยนไปไวมาก คือเติบโตเร็วแบบเวอร์มาก ไวมากจริงๆ สำหรับคนภายในอย่างผม มันเปลี่ยนไปไวมาก จนผมยังเคยบอกกับเพื่อนว่า ถ้าฟุตบอลไทยยังเติบโตเร็วขนาดนี้อยู่ สักวันมันอาจจะแตกก็ได้

ผมว่าย้อนไป 10 ปีที่แล้ว ไม่มีใครคิดหรอกคำว่า นักบอลไทยจะซื้อขายตัวกัน 50 ล้านบาท ผมว่าไม่มีใครคิด แล้วถ้าผมบอกว่า อีก 2 ปีข้างหน้า ฟุตบอลไทยจะมีการย้ายตัวระดับ 100 ล้าน คนอาจจะคิดว่า มันคงไม่เกิดขึ้น แต่ผมคิดว่ามันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะฟุตบอลไทย ไม่สามารถบอกได้เลยว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง 

ผมยอมรับว่าฟุตบอลไทย มาได้ไกลจริงๆ ซึ่งผมคิดว่า เรามาไกลกันขนาดนี้แล้ว ผมอยากจะให้เรารักษามาตรฐานของเราไว้ ทั้งเรื่องในและนอกสนาม ฐานแฟนบอลทุกอย่างให้คงที่ พัฒนาความเป็นมืออาชีพขึ้นไปเรื่อยๆ ผมไม่อยากให้มันพุ่งขึ้นมา แล้วก็ตกลงไป

คุณยังคงมีความกังวลกับฟุตบอลไทย?

ตั้งแต่ผมกลับมา ผมเห็นการเปลี่ยนแปลง ของวงการฟุตบอลบ้านเราเยอะมาก อยากให้เราคงมาตรฐานเอาไว้ ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี เราก็ไม่รู้ว่าฟุตบอลในอนาคตจะไปทางไหน จะร่วงหล่น กลับไปเหมือนสมัยก่อนไหม? 

อย่างเช่นสิงคโปร์ ที่ลีกฟุตบอลบ้านเขา เคยบูมขึ้นมาช่วงหนึ่ง แล้วก็หายไป ผมอยากให้ฟุตบอลไทยอย่างน้อย ต้องรักษามาตรฐาน เป็นลีกเบอร์หนึ่ง ในอาเซียนเอาไว้

ทุกวันนี้ฟุตบอลไทยมาได้ไกล คนดูเยอะก็จริง แต่ผมคิดว่า ฟุตบอลอังกฤษ น่าจะดังกว่าฟุตบอลไทยในบ้านเรา ซึ่งผมก็เข้าใจครับ เพราะคนไทยมีความผูกพันกับฟุตบอลอังกฤษมากกว่า เราดูแมนยู ลิเวอร์พูล มานานกว่าฟุตบอลลีกไทย 

แต่อย่างที่ญี่ปุ่น ผมเชื่อว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ เขาสนใจฟุตบอลในประเทศ มากกว่าฟุตบอลต่างประเทศ เราก็ต้องหาวิธีทาง ที่จะทำให้คนมาสนใจฟุตบอล 

ซึ่งก็ต้องประกอบด้วยหลายปัจจัย แต่สำหรับผม ผมมองว่าการพัฒนาความเป็นมืออาชีพให้รอบด้าน คือ สิ่งสำคัญ ทั้งการปรับปรุงสนาม การพัฒนาอคาเดมี เรื่องของการตลาด เรื่องกรรมการ อีกหลายอย่างครับ เพื่อช่วยให้ลีกไทยน่าสนใจ 

เพราะอย่างก่อนหน้านี้ พอมันมีปัญหาเรื่องการล็อคผล หรือปัญหาเรื่องกรรมการ เรื่องพวกนี้ทำให้ชื่อเสียงของวงการฟุตบอลบ้านเราร่วงลงไป มันก็ทำให้คนไม่สนใจ 

ถ้าเราสามารถสร้างความเป็นมืออาชีพ สร้างความมั่นคงให้กับฟุตบอลไทย ถ้าเราทำได้ เราสามารถสร้างมาตรฐานให้กับฟุตบอลบ้านเราได้ มันจะพัฒนาทั้งฟุตบอลทีมชาติ และฟุตบอลลีก บอลลีกบ้านเราจะไปได้ไกลแน่นอน

ทุกวันนี้ลีกไทย มีคุณภาพมากแค่ไหน ?

ฟุตบอลไทยมาได้ไกลมากจริงๆ ทุกวันนี้ทีมในไทยลีก 1 และไทยลีก 2 มีความเป็นมืออาชีพไม่ต่างกัน ถ้าลองมารวมลีกกัน เกือบ 40 ทีม ผมว่ามาตรฐานไม่ห่างกันมาก 

ทุกวันนี้ไทยลีก 2 มีทีมจากต่างจังหวัดที่มีแฟนบอลหนาแน่น ทั้งศรีสะเกษ, ขอนแก่น, เชียงใหม่ ผมคิดว่าหลายทีมในไทยลีก 2 คนดูเยอะกว่าไทยลีก 1 ด้วยซ้ำ เรื่องของค่าจ้างนักเตะ และคุณภาพนักฟุตบอลก็ไม่ได้ต่างกัน ทุกวันนี้นักฟุตบอลไทยลีก ลงไปเล่นไทยลีก 2 กันเยอะมาก

มมองว่าเป็นเรื่องดีของฟุตบอลไทย เพราะถ้าไทยลีก 1 กับไทยลีก 2 แข็งแรง มาตรฐานความเป็นมืออาชีพ จะขยายไปสู่ไทยลีก 3 ไทยลีก 4 

ถ้าวันหนึ่งเราสามารถสร้างมาตรฐานของไทยลีก 1 กับไทยลีก 4 ให้ไม่ต่างกันมาก ฟุตบอลบ้านเราก็จะมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น

ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณอยากเห็นสิ่งใดเติบโตหรือพัฒนา ในวงการฟุตบอลไทย

ผมคิดว่า 3-4 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นหลายทีม ลงทุนทำอคาเดมี ซึ่งผมมองว่านี่คือรากฐาน ของการวางแผนฟุตบอลบ้านเราในอนาคต คือการมีอคาเดมี ที่มีคุณภาพ

ผมคิดว่าทุกสโมสรต้องมีลีกอคาเดมี ไม่ใช่แค่ทีมใหญ่ที่มีอคาเดมี และเราต้องมีลีกเยาวชน ลีกอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ต้องมีการแข่งขันทุกสัปดาห์

ถ้ามีการพัฒนาเยาวชนแบบนี้ ผมมองว่าบ้านเราจะมีโอกาสสร้างเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาได้เร็วกว่าเดิม ถ้าทุกสโมสรมีอคาเดมี มีลีกของพวกเขาให้แข่งกันตลอด ผมมองว่าเด็กจะมีความพร้อม พอเขาอายุ 18 เขาขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ได้ 

เราต้องอย่ารอสร้างเด็กตอนอายุ 21-22 เราต้องสร้างเด็กให้พร้อม ตั้งแต่อายุ 16 ปี วางระบบการสร้างเยาวชนตั้งแต่เด็ก 

ผมคิดว่าถ้าเรามีรากฐานที่ดี มีเด็กที่พร้อม มีผู้เล่นที่พร้อม เรื่องแฟนบอล เรื่องเงินสนับสนุน เรื่องสปอนเซอร์ เรื่องการพัฒนาสนาม ทุกอย่างมันจะตามมาเอง

เพราะถ้าเรามีนักเตะไทยที่พร้อม เราไม่ต้องไปพึ่งนักเตะต่างชาติ เรายกระดับลีกด้วยนักเตะของเราเอง ซึ่งที่ผ่านมานักเตะไทยของเราก็ทำได้ดี ยกระดับลีกของเราขึ้นมา จนเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียน

แต่ผมก็อยากเห็น เราเป็นเบอร์หนึ่งเอเชีย หรือท็อป 3 ของเอเชีย เราเห็นลีกญี่ปุ่น ลีกเกาหลี เขาไม่ได้พึ่งนักเตะต่างชาติ เขาเน้นนักเตะท้องถิ่น ซึ่งเราต้องพยายาม ยกระดับนักเตะของท้องถิ่น นักเตะบ้านเรา ให้ทัดเทียมกับนักเตะต่างชาติ เพราะถ้านักเตะเราดี ลีกบ้านเรามันจะแข่งขันได้มากกว่านี้อีกเยอะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook