บทบาทและชีวิตใหม่ในรั้วเสือเหลืองของ "ราฟาเอล เกร์เรโร"

บทบาทและชีวิตใหม่ในรั้วเสือเหลืองของ "ราฟาเอล เกร์เรโร"

บทบาทและชีวิตใหม่ในรั้วเสือเหลืองของ "ราฟาเอล เกร์เรโร"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในขณะที่ จาดอน ซานโช และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กำลังยึดพื้นที่เป็น "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" ของทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อยู่ในขณะนี้ น้อยคนนักที่จะมองเห็นว่าแท้จริงแล้ว ดอร์ทมุนด์ยังมีฮีโร่ที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงและอยู่เบื้องหลังฟอร์มอันร้อนแรงของพลพรรคเสือเหลืองในตอนนี้ นั่นก็คือ ราฟาเอล เกร์เรโร แข้งชาวโปรตุเกสวัย 26 ปีที่ย้ายมาอยู่กับดอร์ทมุนด์ตั้งแต่ปี 2016 นั่นเอง

ด้วยชัยชนะ 4 จาก 5 นัดล่าสุดของดอร์ทมุนด์ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ทำให้โอกาสในการลุ้นแชมป์ลีกฤดูกาล 2019/20 ของดอร์ทมุนด์กลับมาเปิดกว้างอีกครั้งหนึ่ง นักเตะหลายคนพากันท็อปฟอร์มจนเป็นที่กล่าวถึงไปทั่วยุโรป โดยเฉพาะ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าป้ายแดงที่มีรูปขึ้นเต็มหน้าข่าวกีฬาเกือบทุกสำนัก แต่ทว่ากลับไม่มีใครพูดถึงเกร์เรโรเลยสักราย

h

ซีซั่นนี้เกร์เรโรยิงไปแล้ว 5 ประตู โดยมี 3 ประตูที่ทำได้จากเกมลีก 4 นัดล่าสุด เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่โดนเกร์เรโรยิงได้แก่ โคโลญจน์, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน และ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต

แต่จะให้มองแค่ผลงานการทำประตูอย่างเดียวแล้วบอกว่านี่แหละฟอร์มสุดยอดก็คงจะฟังดูตลก เพราะจริงๆแล้วผู้เล่นในแผงรับอย่างเกร์เรโรนั้น สามารถหาโอกาสยิงเข้ากรอบได้ถึง 12 ครั้งจาก 5 เกมล่าสุด แถมยังสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนทำประตูได้ถึง 8 หน และเกือบยิงเบิ้ลได้ในเกมพบแฟรงค์เฟิร์ตแล้วด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม หากเกร์เรโรยิงได้อีกหนึ่งประตูเท่านั้นก็จะทำผลงานได้เทียบเท่าสถิติที่ดีที่สุดที่เขาเองเคยทำได้ น่าสนใจจริงๆว่าแข้งวัย 26 ปีคนนี้กำลังพัฒนาฝีเท้าขึ้นไปอีกขั้นแล้วหรือเปล่า

j

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ ทั้งตัวนักเตะและสโมสรเองต่างก็ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก แฟนบอลทีมเสือเหลืองเคยคาดหวังในตัวเกร์เรโรอย่างมากในฤดูกาล 2016/17 ฤดูกาลแรกที่เขาย้ายมาเล่นในสโมสรแห่งนี้ภายใต้การคุมทีมของโทมัส ทูเชล ในตอนนั้น และในซีซั่นนั้นเขาก็ทำผลงานสอบผ่าน ด้วยการทำ 6 ประตูกับ 5 แอสซิสต์

แต่จากนั้น เส้นทางของเขาก็เริ่มมืดมน เมื่อทูเชลต้องโบกมืออำลาสโมสร เกร์เรโรถูกดร็อปเป็นตัวสำรองภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนใหม่อย่างปีเตอร์ บอสซ์ และ เพเทอร์ ชเตอเกอร์ เขาต้องอดทนรอเวลาที่จะได้รับโอกาสอีกครั้ง และแล้วการเข้ามาของ ลูเซียง ฟาฟร์ ก็เหมือนเป็นการชุบชีวิตเขาขึ้นมาใหม่ในถิ่นซิกนัล อิดูนา พาร์ค

jk

เกร์เรโรมักมีปัญหาเรื่องความคงเส้นคงวาในการเล่นตำแหน่งแบ็กซ้ายอยู่บ่อยๆ และเมื่อถูกโยกไปเล่นตำแหน่งปีกซ้าย เขาก็ยังไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้มากพอเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ อย่าง จาดอน ซานโช แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้แข้งจรวดทางเรียบไซส์เล็กอย่างเกร์เรโรกลับเข้ามาสู่เส้นทางได้ก็คือ การที่เขาเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ เมื่อดอร์ทมุนด์เปลี่ยนไปใช้ระบบการเล่นใหม่คือแบบ 3-4-3 เกร์เรโรจึงสามารถกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมได้สำเร็จ เพราะเขาจะไม่ต้องรับบทเป็นผู้เล่นตัวหลักในแนวรับอีกต่อไป ในขณะที่ผู้เล่นในแผงรุกทีมดอร์ทมุนด์ต่างก็สามารถช่วยซัพพอร์ตให้เขาคุมเกมได้ง่ายขึ้น

"ผมว่ามันสุดยอดเลย ผมรักที่จะได้ลงเล่นมากๆ และเอ็นจอยสุดๆ ที่ได้ดันขึ้นไปช่วยเกมรุก" เกร์เรโรกล่าวถึงบทบาทใหม่ในทีมเสือเหลือง "มันทำให้ผมแสดงจุดแข็งออกมาได้มากขึ้นและการมีผู้เล่นตัวรับคอยประคองด้านหลังก็ช่วยให้ผมมั่นใจได้ แผนการเล่นที่เราใช้นั้นเปิดโอกาสให้เรามีพลังในการตอบโต้ใส่คู่ต่อสู้มากขึ้น"

kk

การเป็นนักเตะจอมตื๊อและกัดไม่ปล่อยของเกร์เรโรเมื่อต้องคุมโซนและประกบคู่แข่งนั้นช่วยให้เกมรับของทีมดอร์ทมุนด์เหนียวแน่นขึ้น อัตราการแย่งบอลสำเร็จของเขาในปี 2020 อยู่ที่ 61% ถือเป็นสถิติอันยอดเยี่ยมที่เสริมความแข็งแกร่งในเกมรับฝั่งซ้ายของดอร์ทมุนด์ได้เป็นอย่างดี

ในเกมยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เกร์เรโรได้กลับมาพบกับโทมัส ทูเชล กุนซือคนปัจจุบันของทีมเปแอสเชและเป็นชายผู้เปิดประตูสู่รั้วทีมดอร์ทมุนด์ให้กับเขาอีกครั้ง ซึ่งในที่สุดเสือเหลืองก็เป็นฝ่ายคว้าชัยเหนือลูกทีมของทูเชลไปได้ และเกร์เรโรก็ได้แสดงให้ทูเชลเห็นในเกมนั้นว่าลูเซียง ฟาฟร์ กำลังพาเขาไปได้ไกลกว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook