ท่าไม้ตายและวิชาการต่อสู้สุดแปลกจาก "กำปั้นอสูร โทคิตะ" ที่ว่ากันว่าคือ "บากิ" ยุคใหม่

ท่าไม้ตายและวิชาการต่อสู้สุดแปลกจาก "กำปั้นอสูร โทคิตะ" ที่ว่ากันว่าคือ "บากิ" ยุคใหม่

ท่าไม้ตายและวิชาการต่อสู้สุดแปลกจาก "กำปั้นอสูร โทคิตะ" ที่ว่ากันว่าคือ "บากิ" ยุคใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าพูดถึงมังงะญี่ปุ่นที่เน้นการต่อสู้แบบดุเดือดเลือดพล่าน เน้นฉากแอ็กชั่นที่มันถึงใจ ประยุกต์ให้เข้ากับศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆ ชื่อของ “บากิ” ผลงานมังงะจากปลายปากกาของ “เคสุเกะ อิตางากิ” คือหนึ่งในชื่อที่จะโผล่มาในอันดับแรกๆ อย่างแน่นอน โดยในปัจจุบัน บากิ ฉบับมังงะด้วยกันทั้งหมดถึง 4 ภาค (ไม่นับภาคพิเศษ Spin-Off อีก 2 ภาค) และจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นยังมีผลงานแอนิเมชั่นที่ร่วมทุนกับทาง Netflix ออกมาอีก 2 ซีซั่น (ยังไม่จบ)

ความพิเศษที่ทำให้ บากิ นั้นโดดเด่นข้ามกาลเวลามานับ 2 ทศวรรษ และมีจำนวนแฟนคลับที่ติดตามอย่างเหนียวแน่น คือการที่ไม่ว่าจะหยิบมาอ่านหรือดูเมื่อไร อะดรีนาลีนในร่างกายก็พลุ่งพล่านเสมอ อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ ใน Netflix ได้มีแอนิเมชั่นเรื่องใหม่ในชื่อ “กำปั้นอสูร โทคิตะ” เข้ามา ซึ่งเมื่อเปิดดูก็ค้นพบว่า ระดับดีกรีความดุเดือดนั้นไม่แพ้บากิเลย จนสื่อหลายที่ถึงกับยกย่องว่าเป็น “บากิยุคใหม่”

 

“กำปั้นอสูร โทคิตะ” ว่าด้วยวงการธุรกิจประเทศญี่ปุ่น ที่ในการเจรจาหรือตกลงธุรกิจแต่ละครั้ง พวกเขาไม่ได้ว่ากันด้วยเงิน แต่เป็นการต่อสู้ โดยแต่ละบริษัทจะมีนักสู้ในสังกัดตัวเอง นักสู้จากบริษัทไหนเป็นฝ่ายชนะ ก็มีสิทธิ์เหนือกว่าในการเจรจาธุรกิจครั้งนั้น ๆ ทำให้ในเรื่องเราจะได้เห็นนักสู้มากมายหลากหลายแขนง นอกจากนั้นยังมีท่าไม้ตายแปลก ๆ อีกเพียบที่พวกเขาแสดงออกมา 

และนี่คือ 10 ศิลปะการต่อสู้และท่าไม้ตายสุดแปลกจาก กำปั้นอสูร โทคิตะ จะมีอะไรกันบ้าง ติดตามได้ที่นี่

โทคิตะ โอมะ

พระเอกของเรื่องผู้ลึกลับ เขาคือเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่บังเอิญได้รับการฝึกวิชาต่อสู้สไตล์ “นิโกะ” จาก “โทคิตะ นิโกะ” นักสู้พเนจร ผู้เปรียบเสมือนพ่อของเขา โดยศิลปะการต่อสู้วิชานิโกะคือวิชาต่อสู้ที่ครบเครื่อง โดดเด่นทั้งการยืนสู้และการจับล็อค สามารถเปลี่ยนอวัยวะทุกส่วนในร่างกายให้กลายเป็นอาวุธสุดอันตรายได้ และยังเกี่ยวข้องกับการควบคุมพลังปราณภายในอีกด้วย

 1

นอกจากนั้นเมื่อเข้าตาจนโอมะ ยังมีวิชาลับที่เรียกว่า “Advance” ซึ่งคือการปลดปล่อยพลังขั้นสูงสุด ก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง ซึ่งในขณะที่ใช้ร่างกายของ โอมะ จะแปรสภาพเป็นสีแดงราวกับปีศาจ อย่างไรก็ตามท่านี้ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก เพราะมันคือการยืมอายุขัยในอนาคตของตัวเองมาใช้

อินาบะ เรียว 

อินาบะ เรียว คือคู่ต่อสู้คนแรก โอมะ ในศึกการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่เพื่อแย่งชิงตำแหน่งประมุขของบริษัททั้งปวงในประเทศญี่ปุ่น ตัวแทนนักสู้จากบริษัท “พานาโซนิค” คนนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่น เนื่องจาก เรียว นั้นมีส่วนสูงเพียง 155 เซนติเมตร หนัก 62 กิโลกรัม เป็นตัวละครนักสู้ที่มีรูปร่างเล็กที่สุดในเรื่อง 

 2

อย่างไรก็ตามการที่ โทคิตะ จะเอาชนะเขาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจาก เรียว มีเทคนิคการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใคร โดยเริ่มจากการ “เคลื่อนตัวหลอก” เทคนิคที่อาศัยเพียงปลายนิ้วในการเคลื่อนที่ในระนาบต่ำอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของเขาได้ ผสมผสานเข้ากับท่า “ขนแมงมุม” โดยในท่านี้ เรียว จะสามารถควบคุมเส้นผมยาวของตัวเองได้ดั่งใจ ใช้มันเป็นเหมือนเชือกที่ไม่มีวันขาด ในการรัดร่างกายคู่ต่อสู้เอาไว้

ชิบะ ทาคายูกิ

ถึงแม้จะเป็นตัวละครที่บุคลิกภายนอกอาจจะดูไม่โดดเด่น แต่นักสู้จากบริษัท “อสังหาริมทรัพย์โยชิทาเกะ” รายนี้มีวิชาการต่อสู้ที่แปลกที่สุดก็ว่าได้ เพราะวิชาของเขาคือ “การเลียนแบบ” ไม่ว่าจะเป็นวิชาการต่อสู้แบบไหน ซับซ้อนเพียงใด ขอแค่ได้เห็นมันเพียงครั้งเดียว ทาคายูกิ ก็สามารถเลียนแบบ และนำมันออกมาใช้ได้เหมือนเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว

 3

ฟังดูเหมือนเขาจะเก่งกาจไร้เทียมทาน แต่ที่จริงแล้ววิชานี้ก็มีจุดอ่อนใหญ่หลวงอยู่ นั่นคือ ทาคายูกิ สามารถเลียนแบบได้แค่ท่วงท่า ไม่สามารถเลียนแบบสภาพร่างกายได้ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเลียนแบบวิชาการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหน แต่ถ้าพลังร่างกายของเขาอ่อนแอ มันก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย

เจอร์รี่ ไทสัน

นักสู้จากแผ่นดินอเมริกา ตัวแทนบริษัท “22 Fax” (เลียนมาจาก 20th Fox) ที่ถึงแม้จะพลาดท่าตกรอบคัดเลือกในศึกชิงประมุขบริษัทไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็นับว่าเขาเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทั้งบุคลิกและวิชาต่อสู้

 4

ไทสัน ใช้วิชาต่อสู้ที่มีชื่อว่า  “Xing Yi Quan” ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่เน้นการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ป่า ว่องไว และไม่อาจคาดเดาได้ นอกจากนั้นเขายังมีท่าไม้ตายที่อันตรายอย่าง “SCUD Missile” ที่เขาจะพุ่งตัวเหมือนกับจรวดขีปนาวุธ (ให้นึกถึงท่าบินของซูเปอร์แมน) โจมตีใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า

คาเนดะ ซูคิจิ

ซูคิจิ คือ “นักสู้ที่ไม่ใช่นักสู้” เพราะจริง ๆ แล้วเขาคือเซียนหมากรุกอัจฉริยะ ที่เข้าร่วมศึกการต่อสู้ “เค็นกัน” เพราะต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่คนอ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงเป็นนักสู้เพียงคนเดียว ที่ไม่มีวิชาการต่อสู้ติดตัวเลย 

 5

เทคนิคที่ ซูคิจิ ใช้ในเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้นั้นประยุกต์มาจากการชิงเหลี่ยมเฉือนคมบนกระดานหมากรุก อาศัยสมองอัจฉริยะของตัวเองในการอ่านความเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ล่วงหน้า ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งเพียงใด แต่ถ้าโดนอ่านออกว่าจะโจมตีมาในรูปแบบไหน ความแข็งแกร่งนั้นก็แทบจะศูนย์เปล่า นี่แหละการต่อสู้ในสไตล์ของ “คาเนดะ ซูคิจิ”

ฮานาฟุสะ ฮาจิเมะ

จริงๆ แล้วเขาคือแพทย์ประจำทัวร์นาเม้นท์การต่อสู้ แต่เขามีเหตุผลบางประการทำให้ต้องลงไปร่วมต่อสู้ด้วย นอกจากนั้น “ฮานาฟุสะ ฮาจิเมะ” ที่พิลึกพิสดารไม่เหมือนใคร 

 6

เริ่มจากวิชา “Lingshu Chin Na” ที่นำศาสตร์การฝังเข็มมของจีนมาประยุกต์เข้ากับการต่อสู้ ถ้ามองผิวเผินจะเหมือนการจิ้มไปที่ผิวหนังธรรมดา กว่าที่คู่ต่อสู้จะรู้สึกตัวว่าท่านี้ร้ายกาจแค่ไหนก็สายไปเสียแล้ว นอกจากนั้นด้วยวิชาความรู้ในด้านการแพทย์ ฮาจิเมะ ยังทำการผ่าตัดตัวเองให้กลายเป็นคนที่ปราศจากความรู้สึกเจ็บปวด ดังนั้นไม่ว่าเขาจะโดนอัดมากแค่ไหนก็ไม่เป็นผล 

ความแปลกของเขายังไม่หมดเพียงเท่านี้ นอกจากจะทำลายความเจ็บปวดของตัวเองแล้ว ฮาจิเมะ ยังดัดแปลงร่างกายตัวเอง เปลี่ยนกระดูกให้เป็นใบมีด และสามารถงอกออกมานอกร่างกาย กลายเป็นดาบแหลมคมได้ และสุดท้าย ถึงแม้ชีพจรของเขาจะดับลง แต่ ฮาจิเมะ ก็ดัดแปลงร่างกายของตัวเองไว้ล่วงหน้าแล้วว่าให้สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง

ลิฮิโตะ

ลิฮิโตะ คือนักสู้ที่ปรากฏตัวให้เห็นตั้งแต่ตอนแรก ๆ ของเรื่อง ก่อนที่จะค่อย ๆ พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อย ๆ ไปพร้อมกับพระเอกของเรา และถึงแม้ว่าบุคลิกภายนอกจะดูโหวกเหวก โวยวาย ซื่อ ๆ แต่วิชาการต่อสู้ของเขานั้นก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร 

 7

วิชาต่อสู้ของ ลิฮิโตะ เน้นการฝึกพลังนิ้วอย่างเข้มงวด เพื่อให้นิ้วมือทั้งสิบของเขานั้น แข็งแกร่งจนมีสภาพไม่ต่างจากมีดที่แหลมคม สามารถเชือดเฉือดผิวหนังมนุษย์ได้เหมือนกับตัดเต้าหู้เลยทีเดียว

ซาวาดะ เคซาบุโร่

เรียกได้ว่าโดดเด่นตั้งแต่บุคลิกภายนอกจนถึงวิชาการต่อสู้เลยทีเดียวสำหรับ “ซาวาดะ เคซาบุโร่” นักสู้จากบริษัท “Murder Music” (เลียนมาจาก “Warner Music”) ที่มาในมาดของผู้ชายข้ามเพศ

 8

ศิลปะการต่อสู้ในแบบของ เคซาบุโร่ คือการประยุกต์การเต้นบัลเล่ต์เข้ากับวิชาการต่อสู้ มีความพริ้วไหว สง่างาม และยืดหยุ่นของร่างกายสูง นอกจากนั้นยังมีการใช้ท่าบัลเล่ต์เน้นการบิดหมุนของร่างกาย เสริมพลังการเตะหรือต่อยให้รุนแรงยิ่งขึ้น

คุเร ไรอัน

คุเร ไรอัน คือนักสู้จากตระกูล “คุเร” ซึ่งถือเป็นตระกูลนักฆ่าที่เลื่องชื่อที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ไรอัน จัดเป็นหัวกะทิของตระกูล เขาได้รับการฝึกฝนอย่างหนักมาตั้งแต่จำความได้ นั่นจึงทำให้ ไรอัน คลั่งไคล้การต่อสู้เป็นอย่างมาก พร้อมจะฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า

 9

ไรอัน เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นแทบทุกรูปแบบ สามารถพลิกแพลงได้หลากหลาย แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือ “Removal” ท่าไม้ตายที่จะเปลี่ยนแปลงร่างกายของตัวเองให้กลายเป็นปีศาจ คล้ายกับพลัง Advance คือโอมะ โดยในท่านี้ ร่างกายของ ไรอัน จะกลายเป็นสีแดง มีเส้นเลือดโป่งพองขึ้นมาบริเวณผิวหนัง และใช้พลังเกินขีดความสามารถของร่างกายตัวเองได้ถึง 30%

เซา แปงค์

เซา แปงค์ คือนักสู้ที่ใช้วิชามวยไทยสไตล์เมียนมา เปิดตัวด้วยบุคลิกอันโดดเด่น ร่าเริง โผงผาง เต็มเปี่ยมด้วยพลัง ดูเผิน ๆ เหมือนว่าวิชาของเขาจะเป็นวิชามวยไทยทั่วไป แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่ทำให้ เซา แปงค์ แตกต่างจากคนอื่น ๆ คือความแข็งแกร่งของกระดูก โดยเฉพาะกะโหลกที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ว่ากันว่ากะโหลกของเขานั้นแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า สามารถโขกทำลายพื้นปูนได้อย่างสบาย ๆ จึงเป็นที่มาของท่าไม้ตาย “Hammer of Burma” การโขกที่สามารถปลิดชีพคู่ต่อสู้ได้ภายในพริบตา 

 10

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะใน “กำปั้นอสูร โทคิตะ” นั้นยังมีนักสู้ที่มีศิลปะการต่อสู้พิสดารอีกมากมายหลายแขนง ที่พร้อมมาประชันกันในสังเวียนเลือดสุดโหด ถ้าใครอยากรู้ว่าการต่อสู้จะออกมาดุเดือดขนาดไหน ปัจจุบันสามารถหาดูได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ใน Netflix

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ ท่าไม้ตายและวิชาการต่อสู้สุดแปลกจาก "กำปั้นอสูร โทคิตะ" ที่ว่ากันว่าคือ "บากิ" ยุคใหม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook