3 สตาร์ผู้ล้มเหลวกับการเป็นตัวแทน "เนย์มาร์" ที่ บาร์เซโลนา

3 สตาร์ผู้ล้มเหลวกับการเป็นตัวแทน "เนย์มาร์" ที่ บาร์เซโลนา

3 สตาร์ผู้ล้มเหลวกับการเป็นตัวแทน "เนย์มาร์" ที่ บาร์เซโลนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นับเป็นเวลากว่า 3 ปีมาแล้วที่ เนย์มาร์ จูเนียร์ หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า เนย์มาร์ ซุปเปอร์สตาร์ดาวเตะทีมชาติบราซิลย้ายตัวเองออกไปจากถิ่น คัมป์นู เพื่อซบอกมหาเศรษฐีแห่งเมืองแฟชั่นอย่าง ปารีส แซง-แชร์กแมง ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกที่ 222 ล้านยูโร หรือ ราว 198 ล้านปอนด์

พร้อมกับการปิดตำนาน 3 กองหน้าระบือโลกอย่าง MSN หรือ เมสซี, ซัวเรส และ เนย์มาร์ ซึ่งในช่วง 4 ปีที่ทั้ง 3 คนระเบิดเพลงแข้งร่วมกันนั้น ทีม อาซูลกรานา คว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ทั้ง ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก  1 สมัย ลาลีก้า 2 สมัย โคปา เดล เรย์ 3 สมัย ยูฟาซุปเปอร์คัพ 1 สมัย และ ฟีฟา คลับ เวิลด์คัพ 1 สมัย

โดยเฉพาะซีซัน 2014-2015 ซึ่งที่ 2 ของสตาร์แซมบ้าที่เขามีส่วนพาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอนริเก้ 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ เนย์มาร์ ย้ายทีมอย่างสุดช็อคในปี 2017 สโมสรแห่งแคว้นคาตาลันก็เพียรพยายามเหลือเกินที่จะตามหาตัวตายตัวแทนของเขา แต่กลายเป็นว่าจวบจนวันนี้เรายังไม่เห็นเลยว่าจะมีนักเตะรายใดที่จะก้าวขึ้นมาเสียบในตำแหน่งกองหน้าและประสานงานกับ เมสซี และ ซัวเรส ได้อย่างลงตัวซักคน

และนี่คือ 3 สตาร์ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับการก้าวทาบรอยเท้าของ เนย์มาร์ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

1. อุสมาน เดมเบเล จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ค่าตัว 105 ล้านยูโร (92 ล้านปอนด์)Ousmane DembeleTF-Images/GettyImages ในช่วงซีซัน 2016-2017 กองหน้าดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสระเบิดฟอร์มอันเปล่งปลั่งกับ ดอร์ทมุนด์ ด้วยการลากเลื้อยที่ยากจะหาใครจับทางได้ การไปกับบอลที่ยอดเยี่ยม การยิงประตูที่เฉียบขาด และทักษะชั้นเลิศเท่าที่ดาวรุ่งคนหนึ่งจะพึงมี ทั้งหมดนี้ถูกบรรจุลงในตัวของสตาร์เฟร้นช์แมน และแน่นอนว่ามันถูกตาต้องใจทีมงานของ บาร์ซา ยิ่งนัก

เงินจำนวน 105 ล้านยูโรจากการที่เพิ่งขาย เนย์มาร์ ไปก็ถูกโอนเข้าบัญชีทีม เสือเหลือง พร้อมแลกกับดาวรุ่งอันร้อนแรงที่สุดในตอนนั้น หลังเล่นในเยอรมนีได้เพียงซีซันเดียว

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมาช่างตรงกันข้ามกับตอนที่ เดมเบเล แจ้งเกิดบนเวที บุนเดสลีกา โดยสิ้นเชิง เมื่อเขาต้องโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานตลอดช่วงเวลาที่ค้าแข้งในถิ่น คัมป์นู ซึ่งทุกครั้งที่พอหายกลับมาและเหมือนกำลังจะเค้นฟอร์มเก่งออกมาโชว์ต่อหน้าแฟนบอล เจ้าตัวก็เหมือนต้องคำสาปบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมด้วยนิสัยส่วนตัวที่เป็นนักเตะที่ค่อนข้างไม่มีวินัย ซึ่งแม้จะมีฝีเท้าดีมากมายเท่าไหร่ก็ไม่ได้เป็นที่พอใจของบอร์ดบริหารมากนัก

มีเรื่องเล่ากันว่าครั้งหนึ่งในยุคของ เอร์เนสโต้ บัลเบรเด้ เป็นกุนซือ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้มาซ้อมสายไป 2 ชั่วโมง โดยเขาให้เหตุผลที่น่าตบกระโหลกว่า ตนมัวแต่เล่นเกมจนนอนดึก ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็ไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว และการติดเกมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาไร้ซึ่งความเป็นมืออาชีพ ทำเอาทุกฝ่ายในสโมสรต่างเอือมระอาเป็นอย่างมาก

ในซีซันนี้ปัญหาเดิม ๆ ก็ยังคงเกิดขึ้น โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บเรื้อรัง โดยล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เดมเบเล ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่หัวเข่าและคาดว่าต้องพักกันยาว ๆ อีกครึ่งปี ทำให้เจ้าตัวต้องกลับมานับหนึ่งใหม่อีกรอบ เอาแค่ขอให้กลับมาฟิตสมบูรณ์ลงสนามได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องถึงขนาดไปแทนที่ เนย์มาร์ บาร์ซา ก็คงยกมือท่วมหัวแล้ว

2. ฟิลิปเป้ คูตินโญ จาก ลิเวอร์พูล ค่าตัว 160 ล้านยูโร (142 ล้านปอนด์)Philippe CoutinhoSoccrates Images/GettyImages อันที่จริงแล้ว ฟิลิปเป้ คูตินโญ นั้นตกเป็นข่าวกับทาง บาร์เซโลนา มาตั้งแต่หลังจบฤดูกาล 2016-2017 แล้วและดูเหมือนว่าจะมีดรามาเล็ก ๆ เมื่อช่วงพรีซีซัน ซึ่งท้ายที่สุด เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็สามารถกล่อมให้เจ้าตัวอยู่ช่วยทีมต่อไปได้

หลังกลับมาตั้งสมาธิได้ คูติ้ ก็ระเบิดฟอร์มสุดหรูในครึ่งแรกของซีซัน 2017-2018 ทั้งจ่ายทั้งยิงจนกลายเป็นเดอะแบกของทีม และอีกเช่นเคยฟอร์มแบบนี้ก็ไม่รอดสายตาของ บาร์ซา ว่าแล้วพวกเขาก็เข้ามากระชากตัวจากอ้อมกอดของ เดอะค็อป ไปเมื่อเดือนมกราคม 2018 ด้วยค่าตัวราว 142 ล้านปอนด์

ครึ่งซีซันหลังในถิ่น คัมป์นู ยังไม่มีอะไรให้น่ากังวล และ คูตินโญ ก็เติมเต็มความฝันของตัวเองด้วยการคว้าแชมป์ ลาลีก้า และ โคปา เดล เรย์ มาครองอย่างยิ่งใหญ่ ในขณะที่ทีมเก่าของเขาก้าวขึ้นไปชิงแชมป์ ยูฟา แชทมเปี้ยนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด แต่ก็ต้องกลับบ้านอย่างสุดชอกช้ำ

ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้สวย จนกระทั่งซีซัน 2018-2019 ซึ่งเป็นซีซันแรกอย่างเต็มเต็มตัวของสตาร์แซมบ้า กลับกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถสอดแทรกตัวเองขึ้นมาในทีมชุดใหญ่ได้อย่างสม่ำเสมอ ฟอร์มการเล่นระดับเทพเหมือนถูกทิ้งไว้ที่ แอนฟิลด์ เพื่อนร่วมทีมทั้ง เมสซี และ ซัวเรส ที่เคยค้าแข้งด้วยกันในทีม หงส์แดง ก็พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ถึงขนาดที่ดาวเตะอาร์เจนไตน์เคยยื่นบอลให้ คูตี้ สังหารจุดโทษเพื่อเรียกความมั่นใจก็ทำมาแล้ว

แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ฟอร์มของเพลย์เมคเกอร์วัย 27 ปียังย่ำแย่ กูรูหลายคนวิเคราะห์ตรงกันว่าเพราะเขาเล่นทับตำแหน่งกับนักเตะหลายคนในทีม โดยเฉพาะ ลีโอเนล เมสซี ที่ถือเป็นหัวใจหลักในเกมรุก และสิ่งที่ได้รับตอบแทนกลับมาคือเสียงโห่ของสาวก อาซูลกรานา ที่สร้างความเจ้บปวดให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก

ทางออกที่ดีที่สุดคือการย้ายไปเล่นให้กับ บาเยิร์น มิวนิค แบบยืมตัวในซีซันนี้  พร้อมด้วยออฟชั่นซื้อขาด แต่พี่เสือก็เขี้ยวลากดินพอที่จะตอบกลับมาว่า แค่ขอยืม คงไม่ซื้อใช้เอง นั่นจึงเป็นที่มาของข่าวการกลับมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก  และข่าวการลดค่าตัวแบบกลัวขายไม่ออกโดยเหลือแค่ 70 ล้านปอนด์เท่านั้น

3. อ็องตวน กรีซมันน์ จาก แอตเลติโก้ มาดริด ค่าตัว 120 ล้านยูโร (105 ล้านปอนด์)Antoine GriezmannAlex Caparros/GettyImages ความพยายามของบอร์ดบริหารทีมเลือดหมู-น้ำเงินยังคงไม่สิ้นสุด พวกเขาจัดการทำความฝันของ อ็องตวน กรีซมันน์ กองหน้าของทีม ตราหมี ให้เป็นจริงด้วยการดึงมาเล่นในถิ่น คัมป์นู เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วด้วยสนนราคาค่าตัวที่ 120 ล้านยูโร

แม้ว่า กรีซมันน์ จะไม่ใช่นักเตะที่มีทักษะอันยอดเยี่ยมเหมือนกับ 2 สตาร์ข้างต้น เขาอาจจะเลี้ยงบอลติดเท้าและมีเทคนิคที่แพรวพราวอะไรนัก แต่เจ้าตัวก็เล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการอ่านเกมที่ชาญฉลาด โดยเฉพาะการประสานงานในแดนหน้าร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรส และ ลีโอเนล เมสซี ซึ่งแม้ว่าจะทำประตูได้กระจุ๋มกระจิ๋มแต่ชัยชนะในหลายเกมก็ต้องยกเครดิตให้กับกองหน้าเฟร้นช์แมนเช่นกัน

แต่หากเทียบกับประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นในเกมรุกที่ เนย์มาร์ ได้เคยสร้างเอาไว้นั้น ก็ยังถือว่าอดีตดาวเตะ ตราหมี ไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานดีมีคุณภาพได้เทียบเท่า แต่ถ้าเทียบกับการที่ถูกจับให้ไปเล่นกองหน้าริมเส้นด้านซ้ายเหมือนอย่างที่ทั้ง เดมเบเล และ คูตินโญ เคยโดนมาแล้วนั้นก็ถือได้ว่าเขามีความเหมาะสมกว่าทั้งสองคนนั้นมากเลยทีเดียว 

อย่างไรก็ตามก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่าเงินจำนวนมหาศาลที่ทุ่มลงไปกับสตาร์แดนน้ำหอมรายนี้นั้นมันน่าจะได้อะไรกลับมากกว่าที่เป็นอยู่มิใช่หรือ?

อันทีจริงแล้ว กรีซมันน์ ไม่ได้ถนัดในการเล่นปีกซ้ายซักเท่าไหร่ เพราะบทบาทที่แท้จริงที่ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ประดับวงการได้จนทุกวันนี้ก็คือ การเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์หรือตัวฟรีในสนาม ซึ่งก็แน่นอนอีกว่าตำแหน่งนี้ใน บาร์เซโลนา มีเจ้าของอยู่แล้ว นั่นก็คือ กัปตันทีมอย่าง ลีโอเนล เมสซี

ดังนั้นเขาจึงต้องหลีกทางไปเล่นริมเส้นแทน และมันก็เกิดคำถามตามมาว่า บาร์ซา จะซื้อผู้เล่นแบบนี้มาเล่นในตำแหน่งปีกจริงหรือ เพราะ กรีซมันน์ ไม่ใช่นักเตะริมเส้นธรรมชาติอย่าง เลรอย ซาเน หรือ เจดอน ซานโช ที่เหมาะกับตำแหน่งพวกนี้มากกว่าอยู่แล้ว

ดังนั้นตำแหน่งที่ดีที่สุดของ กรีซมันน์ ก็อาจจะต้องขัยบเข้ามาเล่นตรงกลางในพื้นที่ของ หลุยส์ ซัวเรส แต่ก็ใช่ว่ามันจะมีโอกาสง่าย ๆ แบบนั้นซะเมื่อไหร่กัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook