ฝันให้ไกล ไปให้ถึง : เจสซี ไนท์ คุณครูโรงเรียนอนุบาล ที่กำลังได้ลุ้นไปแข่งโอลิมปิก เกมส์

ฝันให้ไกล ไปให้ถึง : เจสซี ไนท์ คุณครูโรงเรียนอนุบาล ที่กำลังได้ลุ้นไปแข่งโอลิมปิก เกมส์

ฝันให้ไกล ไปให้ถึง : เจสซี ไนท์ คุณครูโรงเรียนอนุบาล ที่กำลังได้ลุ้นไปแข่งโอลิมปิก เกมส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ตื่นนอน, พาสุนัขออกไปเดินเล่น, ไปทำงาน, ฝึกซ้อม, อาบน้ำ กินข้าว, เข้านอน”

นี่คือชีวิตประจำวันของหญิงสาวชื่อ เจสซี ไนท์ (Jessie Knight) คุณครูชั้นอนุบาล วัย 25 ปี ที่ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนทำงานทั่วไป 

หากแต่ช่วงเวลาสั้นๆ ในแต่ละวันที่เธอใช้คำแทนว่า “ฝึกซ้อม” มีความหมายกว่าที่ใครคาดคิด เพราะคุณครูรายนี้ กำลังจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ โอลิมปิก เกมส์”

เธอไม่ได้จะไปสอนเด็กอนุบาล ที่โอลิมปิก เกมส์ แต่เธอคือหนึ่งในตัวเต็ง ที่กำลังจะได้ไปแข่งวิ่ง 400 เมตรให้กับสหราชอาณาจักรในการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ ที่ประเทศญี่ปุ่น 

พบกับเรื่องราวของเธอ เรื่องราวที่จะบอกกับทุกคนว่า ไม่มีสิ่งใดจะมาพรากความฝันของคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง

ความฝันของหญิงสาว

ที่ประเทศอังกฤษ กีฬาคือกิจกรรมที่ใกล้ชิดกับผู้คน เป็นเรื่องปกติในวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณพ่อคุณแม่พาลูกสาวลูกชาย ไปทำกิจกรรมด้านกีฬา ไม่ว่าจะเป็นการชมเกมในสนาม หรือพาไปออกกำลังกาย

สำหรับเจสซี ไนท์ หญิงสาวผู้เติบโตทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ครอบครัวของเธอรักในการเล่นกีฬา ไม่ต่างจากคนอังกฤษทั่วไป ครอบครัวของเธอส่งเสริมให้ตัวเธอและน้องชาย เป็นนักกีฬาวิ่งตั้งแต่อายุยังน้อย 


Photo : @jessieknight400

กีฬาวิ่งกลายเป็นกิจกรรมที่เธอชื่นชอบ แต่เด็กหญิงเจสซี่ ไนท์ ขาดความมั่นใจในตัวเอง เพราะตอนเด็ก เธอเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าที่จะวิ่งด้วยความมั่นใจ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีศักยภาพมากน้อยเพียงใด

จนถึงอายุ 8 ขวบ คุณครูในโรงเรียนของเธอ ได้เห็นความสามารถ และเข้ามาสนับสนุนให้เธอเดินหน้าต่อ กับกีฬาวิ่งอย่างเต็มตัว ช่วยเปลี่ยนเธอจากเด็กขี้อาย ให้กลายเป็นเด็กที่มีความฝัน ต้องการเป็นนักวิ่งที่ประสบความสำเร็จ

ไนท์ หันมาสนใจศึกษาด้านกีฬาอย่างจริงจัง พลศึกษากลายเป็นวิชาโปรดของเธอ อย่างไรก็ตาม การเป็นผู้หญิง ที่ชอบกีฬาตั้งแต่เป็นเด็ก ทำให้เธอถูกมองต่างออกไป จากคนรอบข้าง

“เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบวิชาพลศึกษาหรอก แต่สำหรับฉัน ผู้หญิงมีความสามารถที่เป็นนักกีฬาได้ แต่ก็เข้าใจว่า เด็กผู้หญิงวัย 10 ขวบส่วนใหญ่ ไม่ได้คิดแบบนั้น”

เจสซี ไนท์ เดินหน้าล่าความฝันอย่างจริงจัง ในฐานะนักวิ่ง 400 เมตร ทั้งวิ่งเดี่ยว และวิ่งผลัด นับตั้งแต่ปี 2005 เธอเริ่มต้นลงแข่งขันตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ในรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี ขยับไปที่รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี  17 ปี 20 ปี 23 ปี  รวมถึงลงแข่งในรุ่นทั่วไป เมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม


Photo : @jessieknight400

เธอเอาจริงเอาจังกับการวิ่งอย่างมาก ทั้งไปเก็บตัวต่างประเทศ ลงแข่งขัน ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับทวีป และคว้าเหรียญการแข่งขันได้ทั้งในและนอกประเทศ 

จนกระทั่งปี 2017 เธอก้าวขึ้นสู่รุ่นทั่วไปอย่างเต็มตัว และเธอคว้าแชมป์วิ่ง 400 เมตร ประจำภาคใต้ของประเทศอังกฤษ, แชมป์พรีเมียร์ลีกของผู้หญิง ประจำสนามแข่งขันที่เมืองเบอร์มิงแฮม รวมถึงแชมป์ประจำภูมิภาคเซอร์รีย์ บ้านเกิดของเธอ

 

เส้นทางที่ต้องเลือก

อนาคตของไนท์ เหมือนจะสดใส แต่ในความเป็นจริง เธอยังห่างไกลกับการเป็นนักวิ่งอาชีพ นักวิ่งทีมชาติ...เธอเผยว่าบ่อยครั้งที่เธอพยายามส่งเทป การวิ่งของเธอไปให้สื่อชั้นนำ (เช่น BBC) เพื่อให้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล


Photo : @jessieknight400

นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เธอใช้ในฐานะนักวิ่ง ไนท์เป็นเพียงนักเรียน นักศึกษา ยังไม่มีหน้าที่การงาน ภาระต้องหาเลี้ยงตัวเอง ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิต เดินตามความฝันได้อย่างเต็มที่

การมีความฝัน คือสิ่งสำคัญของมนุษย์ แต่ในโลกทุนนิยม สิ่งที่สำคัญกว่าความฝัน คือเม็ดเงิน...เมื่อจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ปี 2017 เจสซี ไนท์ ต้องเผชิญหน้ากับโลกความเป็นจริง 

เธอต้องเลือกระหว่าง ความฝันกับการเป็นนักวิ่ง กับอาชีพครูในโรงเรียนอนุบาล ที่ได้รับค่าตอบแทนมากพอ จะทำให้เธอเลี้ยงชีวิต อย่างไม่ลำบาก

“ฉันตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า ครูคืออาชีพที่ฉันเลือก ฉันเชื่อว่านี่คือทางที่ดีที่สุด ที่ฉันจะหาเงิน มันถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะต้องโตเป็นผู้ใหญ่” เจสซี ไนท์ ให้สัมภาษณ์รำลึกความหลัง

จากหญิงสาว ที่ลงแข่งขันกีฬาวิ่ง อย่างน้อย 20 รายการแข่งขัน มาตลอด 10 ปี...นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2017 จนถึงตลอดปี 2018 เจสซี ไนท์ ไม่ได้กลับไปสวมรองเท้าวิ่ง ลงแข่งขันในกีฬาที่เธอรักอีกเลย

“การเป็นครูไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในปีแรก ฉันทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง 4 ทุ่ม และฉันรู้ดีว่าความสามารถในฐานะนักกีฬาของฉัน กำลังถดถอย”

“นั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่ตัดสินใจกลับไปวิ่ง ฉันไม่อยากไปแข่งขัน ถ้ารู้ว่าตัวเองดีไม่พอ ฉันจึงรู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องหยุด และมันคือเรื่องที่น่าเศร้า”

“ฉันเริ่มวิ่งอย่างจริงจัง ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนถึงวันที่ฉันเลิก ฉันเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก”

ยิ่งเวลาผ่านไป ความสุขภายในใจของเธอยิ่งลดลง เพราะหัวใจของเธอ อยู่กับกีฬาวิ่งที่เธอรัก 

หลังจากผ่านไป 1 ปี นับตั้งแต่ที่เธอเลิกวิ่ง ไนท์ ได้รับการชักชวนจากเพื่อนนักวิ่งของเธอ และรู้ตัวดีว่า ตัวของเธอต้องการทำแบบนั้นเช่นกัน

“ฉันมาตระหนักว่า ฉันกำลังปล่อยให้บางสิ่งบางอย่างหลุดลอยไป สิ่งที่ดีกับตัวฉัน และฉันรักมันสุดหัวใจ”


Photo : @jessieknight400

ไนท์ ตัดสินใจกลับมาวิ่งอีกครั้ง แต่หลังจากพักไปนาน เธอต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ แต่นั่นไม่ยากเท่ากับการที่เธอต้องแบ่งเวลาทำงานให้ลงตัว กับการกลับมาวิ่งอีกครั้ง

“ฉันต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า พาสุนัขออกไปเดินเล่น เพื่อเรียกความฟิตให้ตัวเอง จากนั้นไปทำงาน ถึงโรงเรียนก่อน 8 โมงเช้า อยู่กับเด็กๆตลอดทั้งวัน หลังจากนั้นฉันเลิกงานตอน 5 โมงครึ่ง และเริ่มซ้อมวิ่ง ตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง จนถึง 3 ทุ่มครึ่ง จากนั้นกลับบ้าน กินข้าว อาบน้ำ นอน” ไนท์ เล่าถึงการแบ่งเวลาในชีวิตประจำวัน 

หลังจากฟิตซ้อมอยู่ประมาณ 4 เดือน กับระยะเวลาที่จำกัดในแต่ละวัน…

เจสซี ไนท์ กลับคืนสูสนามแข่งขันอีกครั้ง กับการแข่งขันชิงแชมป์ประจำภาคใต้ของประเทศอังกฤษ ในวันที่ 20 มกราคม 2019 และเธอคืนสนาม ด้วยการคว้าเหรียญทองอันดับ 1 การวิ่ง 400 เมตร ในการแข่งขันครั้งนั้น

 

พลังของความฝัน

“ทุกวันหลังจากฉันเลิกงาน มันเหนื่อยมากๆ แต่ฉันรู้ดีว่า ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำต่อในช่วงเย็น (ฝึกซ้อมวิ่ง) ฉันยอมรับที่ต้องพูดว่า ฉันรู้สึกอิจฉานักกีฬามืออาชีพอย่างมาก”


Photo : www.athleticsweekly.com

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะทำในสิ่งที่รัก ไปพร้อมกับอาชีพครูสอนเด็กอนุบาล แต่เจสซี ไนท์ ได้ลงแข่งขันวิ่งตลอดปี 2019 เพราะเธอรู้แล้วว่า ความฝันมีค่ามากเพียงใดสำหรับเธอ และเธอจะไม่ยอมสูญเสียมันไปอีก

“ฉันหวังว่าจะได้เป็นแชมป์ ระดับทวีปยุโรปในปีนี้” ไนท์พูดถึงเป้าหมายของเธอในปี 2020 หลังผ่านการชนะ การแข่งขันในระดับประเทศมาแล้ว 

“ส่วนการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ แน่นอนฉันอยากไป มันอยู่ในความคิดของฉันมาตลอด ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่ง ถ้าฉันพยายามมากพอ ฉันจะสามารถไปแข่งโอลิมปิกได้”

เพื่อล่าฝันของเธอ เจสซีลงทำการแข่งขัน วิ่ง 400 เมตร ในรายการ ชิงแชมป์สหราชอาณาจักร ที่กลาสโกว ประเทศสกอตแลนด์ รายการที่เป็นส่วนหนึ่งของการเก็บคะแนน เพื่อคว้าตั๋วไปลุยการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ ที่ประเทศญี่ปุ่น 

ไนท์ ไม่เคยชนะการแข่งขันในรายการนี้มาก่อน และไม่เคยเข้าแข่งขันในรอบสุดท้าย แต่ปีนี้ด้วยเวลา 52.84 วินาที นี่คือเวลาที่ดีที่สุดที่เธอเคยทำได้ในชีวิตการวิ่งระยะ 400 เมตรของเธอ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น เธอผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้สำเร็จ

“ฉันพูดกับตัวเองตลอด ว่าฉันจะแพ้การแข่งขันนี้ไม่ได้ ฉันอยากไปโอลิมปิก และฉันต้องทำมันให้ได้ ต้องทำให้ได้ในตอนนี้ ฉันคิดว่าฉันมีอารมณ์ร่วม กับการแข่งขันครั้งนี้สูง และไม่ได้มองว่ามันเป็นอุปสรรค ในทางกลับกันมันทำให้ฉันอยากเป็นผู้ชนะ”

“ฉันรู้ว่าฉันเป็นรอง ฉันไม่มีประสบการณ์ รอบตัวฉันมีแต่นักวิ่งระดับโลก 4 คนในการแข่งขันครั้งนี้ เข้าแข่งขันชิงแชมป์โลก ในปี 2019 ส่วนฉันไม่ได้ไป”


Photo : www.runblogrun.com

เจสซี ไนท์ อาจเป็นรองรอบด้าน แต่สิ่งที่เธอไม่เป็นรองคือความตั้งใจที่จะไปให้ถึงฝัน เธอหักปากกาเซียน ด้วยการทำเวลา ในการแข่งขันเพียง 51.57 วินาที เป็นสถิติใหม่ของตัวเอง และแน่นอน เธอชนะการแข่งขันในครั้งนี้

ชัยชนะในครั้งนี้ เปลี่ยนครูอนุบาลคนหนึ่ง ให้กลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งนักวิ่ง ที่จะได้เป็นตัวแทนของสหราชอาณาจักร ไปแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ ที่ประเทศญี่ปุ่น ชื่อของเธอโด่งดังไปทั่วอังฤษ สำนักข่าวพร้อมใจกันลงข่าวเรื่องราวของเธอ

“ฉันต้องฝึกซ้อมให้หนักเหมือนเดิมที่เคยทำมา เพราะสุดท้ายฉันไม่รู้ว่า ฉันจะได้ไปโอลิมปิกหรือไม่ แต่ว่าฉันตื่นเต้น ที่จะรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป” 

อนาคตคือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เราไม่สามารถบอกได้ว่า เจสซี ไนท์ จะได้ไปแข่งขันโอลิมปิก เกมส์หรือไม่...แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น คือเรื่องราวของเธอ สามารถเป็นแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนเดินตามฝัน และตัวเธอเอง ต้องการแบบนั้นเช่นเดียวกัน


Photo : www.independent.co.uk

“การจะประสบความสำเร็จ คือการทำงานหนักเพื่อมัน ฉันไม่ได้ชนะเพราะว่าฉันวิ่งเรา แต่ฉันชนะเพราะฉันฝึกซ้อมอย่างหนัก”

“ฉันหวังอย่างมาก ว่าเรื่องราวของฉันจะเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับเด็กๆทุกคน ฉันอยากให้เรื่องราวนี้ เป็นแรงกระตุ้นให้เด็กๆหันมาออกกำลังกาย มีความฝันอยากเป็นนักกีฬา สนุกไปกับมัน”

“ฉันคิดมาตลอดว่า อยากเป็นต้นแบบให้กับผู้คน ฉันดีใจที่สามารถทำได้สำเร็จ เพราะการจะเป็นนักกีฬา คุณต้องมีต้นแบบ เป็นแบบอย่างให้กับเขา เป็นเเรงผลักดันให้กับเขา ฉันคิดว่าทุกคน สามารถเรียนรู้บางสิ่ง จากเรื่องราวของฉัน”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook