เงินคือฟุตบอล

เลาะสนาม

คารม คมคิด

กลางเดือนหน้า ฟุตบอลพรีเมียร์ชิพที่ถือเป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกก็จะเปิดฉากขึ้นแล้ว

แต่ก่อนหน้านั้นทั้งบุนเดสลีกา, ลา ลีกา ก็จะเปิดฉากขึ้นก่อน

ทีมที่หวือหวา-ฟูฟ่าที่สุดในช่วงปิดฤดูกาลคงไม่พ้น ราชันชุดขาวรีล มาดริด และ เรือใบสีฟ้าแมนฯซิตี้

รายแรกจ่ายเงินไปแล้ว 200 ล้านยูโร ในการคว้าตัวคริสเตียโน่ โรนัลโด้, กาก้า และคาริม เบนเซม่า

ส่วนแมนฯซิตี้จ่ายไปแล้วเกือบ 100 ล้านปอนด์ในการคว้าตัวคาร์ ลอส เตเบซ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โรเก้ ซานตา ครูซ, แกเร็ธ แบร์รี่, สจ๊วร์ต เทย์เลอร์, นีลส์ แซนเดอร์

สิ่งที่เห็นจากการควักจ่ายของทั้ง 2 ทีมก็คือ เงิน เงิน เงิน เท่านั้น

ยิ่งเมื่อเห็นกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากทั่วโลกจ้องฮุบทีมในพรีเมียร์ลีกกันอย่างจ้าละหวั่น ก็ยิ่งเห็นอะไรได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ถนนทุกสายมุ่งสู่พรีเมียร์ลีก ไม่ใช่เพราะว่านี่คือลีกที่มาตรฐานการเล่นที่ดีที่สุดในโลก

แต่เป็นเพราะพรีเมียร์ลีก คือลีกที่ทำการตลาดได้ง่ายที่สุดต่างหาก

เฉพาะรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ทีวีก็รับเละกันไม่รู้เรื่อง

แต่ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ แม้จะมีเม็ดเงินไหลเวียนมหา ศาลในลีก แต่เป็นการกอบโกยของทีมระดับ บิ๊กเนม ไม่กี่สโมสรเท่านั้น

ในขณะที่ทีมเล็กๆ แทบจะรอรับแค่เศษเงินที่หลุดลอดออกมาเท่านั้น

ส่วนลา ลีกา ของสเปนก็ไม่ผิดแผกนัก

ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรรีล มาดริด คือผู้พลิกโฉมคนสำคัญ

ราชันชุดขาว ยุคของเปเรซ อาจจะไม่เคยประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน เมื่อมองจากถ้วยรางวัล

แต่ถ้าเป็นเรื่อง ทำเงิน ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง

แนวคิดของเปเรซ ไม่ว่าจะเป็นการปลุกปั้น กาลาติกอส ในยุคแรกที่มีทั้งซีเนดีน ซีดาน, เดวิด เบ๊กแฮม, หลุยส์ ฟิโก้, ราอูล กอนซาเลซ

หรือจะเป็น กาลาติกอส โครงการ 2 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในฤดู กาลใหม่ที่จะมาถึง

ไม่แตกต่างกัน

เน้น ขาย เป็นสำคัญ

หล่อเลือกได้ ว่าอย่างนั้นเถิด

สงสัยว่าอีกไม่ช้าไม่นาน แฟนฟุตบอลรีล มาดริด อาจจะเข้ามาสนามเพื่อมา ดู อย่างเดียว

ไม่ใช่ดูเกม หรือสัมผัสบรรยากาศ มนต์ขลังของเกมลูกหนัง

แต่มาดู หน้าตา ของนักฟุตบอล

อย่าทำเป็นเล่นไปเชียวคุณ