"ปืนปะทะผี" : แมตช์ (เคย) ยิ่งใหญ่

"ปืนปะทะผี" : แมตช์ (เคย) ยิ่งใหญ่

"ปืนปะทะผี" : แมตช์ (เคย) ยิ่งใหญ่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกครั้งหลัง “ฟีฟ่า เดย์” ผมจะอารมณ์นี้ตลอดว่า “คิดถึง” ฟุตบอลลีกยุโรปโดยเฉพาะ “พรีเมียร์ลีก” ที่สุดสัปดาห์นี้มีโปรแกรม “บิ๊กแมตช์” รออยู่

เป็นเกมที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่าง อาร์เซน่อล-แมนฯยูไนเต็ด คู่ “เวลาน้ำชา” บ่ายแก่ๆ ที่อังกฤษ หรือเที่ยงคืนครึ่งบ้านเรา

เบื้องต้น ผมเชื่อว่า คอบอลจะนึกถึง “ปริมาณ” นักเตะบาดเจ็บของ หลุยส์ ฟาน ฮัล ที่ไปๆ มาๆ ผมเริ่ม “ไม่เชื่อ” แล้วล่ะครับว่า จะเยอะจริงอย่างที่ประโคมข่าวกันปาวๆ หรือไม่

หลังจบเกมนัดที่ 4 “ยูโร 2016” รอบคัดเลือกช่วงสุดสัปดาห์ ตัวเลขนักเตะปิศาจแดงบาดเจ็บมีจำนวน 10 คน และเพิ่มเป็น 12 คนหลัง อังเคล ดิ มาเรีย และ ลุค ชอว์ เจ็บในเกมกระชับมิตรวันอังคาร

“เดอะ เทเลกราฟ” ระบุยอดรวมว่า ฤดูกาลนี้ นักเตะปิศาจแดง บาดเจ็บไปแล้วทั้งสิ้น 18 คน ขณะที่ฟาน ฮัล ใช้ผู้เล่นไปแล้วถึง 36 คน นับจากเปิดซีซั่นเป็นต้นมา

หรือ 3 เดือน กุนซือดัตช์โดน “รับน้อง” เต็มๆ และต้องแสดงความสามารถในการบริหารจัดการผู้เล่น

สถานการณ์แบบนี้จะ “ทดสอบ” ประสิทธิภาพในเชิงลึกของผู้เล่นปิศาจแดงว่ามี strength in depth กล้าแกร่งเพียงใด

ตรงกันข้าม “คู่แข่ง” เช่น อาร์เซน่อล เสาร์นี้ น่าจะ “ลูบปาก” หรือแอบคิดว่า นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

นอกจากประเด็นนี้แล้ว “ประวัติศาสตร์” การปะทะกันของทั้งคู่ในยุค “พรีเมียร์ลีก” คือ สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นี่คือ 2 ทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดนับจากเปลี่ยน “ดิวิชั่น 1” มาเป็น “พรีเมียร์ลีก” ในปี 1992

ที่ผ่านมา อย่างน้อยๆ ทีมใดทีมหนึ่งจะต้อง “ลุ้นแชมป์” ณ เวลาที่เจอกัน หรือก็ทั้ง 2 ทีมนั่นแหละที่กำลังถูกมองว่า “คั่วแชมป์”

ทว่า ค.ศ.นี้ “ทุกอย่าง” เปลี่ยนไป และไม่มีใครทราบว่า จะมีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกหรือไม่ เพราะวันนี้ อาร์เซน่อล อยู่อันดับ 6, แมนฯยูฯ อันดับ 7

หรือพูดให้ชีช้ำกะหล่ำปลีเล่นก็คือ แมตช์นี้จะเป็นเกมชิง “ท็อปโฟร์” ลุ้นไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าเท่านั้น

ซีซั่นนี้ อาร์เซนอล “เกือบพลาด” ไปเตะฟุตบอลถ้วยหูยักษ์ ขณะที่แมนฯยูฯพลาด และเพิ่งมีรายงานว่า “สูญเสีย” รายรับมากมาย หรือ 30-40 ล้านปอนด์ จากการไม่ได้เตะ UCL

การเจอกันวันเสาร์นี้ ยังเป็นครั้งแรกนับจากปี 1998 ที่ทั้งคู่เจอกันขณะที่อันดับอยู่นอกโซน “ท็อปโฟร์”

หนนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่เก้าอี้ อาร์แซน เวนเกอร์ “สั่นคลอน” ที่สุด หากไม่นับว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีไทร์ไปแล้วเป็นปีที่ 2 ทั้งที่ในอดีต “โปรแกรมนี้” คือ เกมประชันความสามารถกันระหว่าง เวนเกอร์ vs เฟอร์กี้

ครับ ยิ่งเขียน ยิ่ง “ใจหาย” และยิ่งจะกลายเป็นเหมือนศึก “แดงเดือด” แมนฯยูฯ – ลิเวอร์พูล ที่ “หงส์แดง” ค่อยๆ ตกต่ำหลังพ้นยุค 1980s และต้องใช้ชื่อเสียงเก่าๆ มาช่วยเข้าไปทุกขณะ

โดยวันนี้ พรุ่งนี้ ใน “ฮอตสกอร์” ของเรา หรือสื่อทั่วโลก ผมคาดว่า จะมีการพูดถึงแมตช์แห่งความทรงจำของทั้ง 2 ทีมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ส่วนตัวก็มีกับเค้า 2-3 แมตช์ เช่น 21 ก.ย.2003 ที่เสมอ 0-0 ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดย รุด ฟาน นิสเตลรอย พลาดจุดโทษช่วงทดเวลาเจ็บ

งานนั้น หากรุด ไม่ยิงไปชนเสา อาร์เซนอลคงหยุดสถิติไม่แพ้ใครแค่นัดที่ 8 ของฤดูกาลหาใช่ “วิ่งยาว” invincible ไปจนจบซีซั่น แมตช์ถัดมา คือ 24 ต.ค. 2004 ซึ่งแมนฯยูฯ เปิดบ้านชนะ 2-0 และหยุดสถิติไม่แพ้ใครของอาร์เซน่อลในลีกไว้ที่ 49 แมตช์

หรือที่สุดๆ แต่เป็น “เอฟเอ คัพ” ก็คือ เกมรอบตัดเชือกปี 1999 ซึ่ง เดนนิส เบิร์กแคมป์ พลาดจุดโทษให้ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เซฟได้ตอนก่อนหมดเวลา

จากนั้นช่วงต่อเวลาพิเศษ ชาวโลกก็ได้เห็น ไรอัน กิ๊กส์ ตัดบอลกลางสนามแล้วโซโล่ไปยิงประตูชัย

นี่คือ “เบาะๆ” แค่ 3 เกม “น้ำจิ้ม” ตัวอย่างนะครับ เพราะจริงๆ แล้วยังมีอีกมากมายเป็น “คดีความ” ระหว่าง 2 ยอดทีมนี้

ที่ผมไม่แน่ใจว่า “ผี vs ปืน” จะเหลือเป็นแค่ “อดีต” โปรแกรมแห่งความทรงจำเท่านั้น!?

ไข่มุกดำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook