บทเรียนแรก ที่ยากลืมเลือนของ "กานา"

ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2015 สมาคมฟุตบอลกานา ตัดสินใจครั้งสำคัญ เมื่อตกลงแยกทางกับกุนซือยอดฝีมืออย่าง คเวซี่ อัปเปียห์ หลังนำทีมล้มเหลวในฟุตบอลโลก 2014

สุดท้ายชายที่ชื่อ อัฟราม แกรนท์ เข้ามารับเผือกร้อนตรงหน้าอย่างสุดเซอร์ไพรส์ โดยมีเป้าหมายในการสร้างทีมใหม่ และคว้าแชมป์ให้ได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งก็คือแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2017

แน่นอนว่าด้วยเวลาอันน้อยนิด แกรนท์ แทบจะยังไม่มีเวลาเรียนรู้เรื่องตัวผู้เล่น กานา แถวสองจอมเก๋าในแผงมิดฟิลด์ที่สามารถชี้เป็นชี้ตายทีมได้อย่าง เควิน พริ๊นซ์-บัวเต็ง กับ ซุลลี่ย์ มุนตารี่ ก็โดนสมาคมลงดาบแบน หลังความขัดแย้งในฟุตบอลโลก

เราจึงได้เห็นผู้เล่นโนเนม(ในสายตาแฟนบอลชาวไทย) ก้าวเข้ามายืดอกอยู่ในทีมชุดลุยอีควอทอเรียล กินี ของ แกรนท์ ถือเป็นการเริ่มต้นงานแรกที่ไม่ง่ายเลยสำหรับกุนซือชาวอิสราเอล

ซ้ำร้ายยังต้องมาเสีย ควัดโว่ อซาโมอาห์ กับ มาจีด วารีส ไปเพราะอาการบาดเจ็บก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ไม่นับ อซาโมอาห์ กียาน หัวหอกกัปตันทีม และปราการหลังตัวหลักอย่าง จอห์น โบเย่ ที่ป่วยเป็นไข้มาลาเรีย พลาดโอกาสลงเล่นในนัดเปิดสนาม

สกอร์ 2-1 ที่ออกมาอาจมองแล้วโชคร้าย ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 ของ เซเนกัล เป็นเหตุการณ์ที่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ แต่ถ้าคุณกำลังคิดเช่นนั้นอยู่ ลืมมันเสียให้หมด ณ ตอนนี้

ตลอด 90 นาที ที่เอสตาดิโอ เด มงโกโม่ ขุนพล “ดาวดำ” มีโอกาสจบสกอร์เพียง 6 ครั้ง และเข้ากรอบเพียงหนเดียว ผิดกับ เซเนกัล ที่ได้ลุ้นประตู 16 ครั้ง หากเด็ดขาดกว่านี้ในการจบสกอร์ กองทัพ “สิงโตเตรังก้า” อาจได้ผลการแข่งขัน 4-1 หรือ 5-1 อย่างไม่ต้องสงสัย

แดนกลางที่เคยแข็งแกร่งของกานา ถึงเวลานี้ไม่มีคู่แข่งรายใดต้องกลัวอีกแล้ว เมื่อมันแปรสภาพเป็นจุดอ่อนให้คู่แข่งบุกขยี้แนวรับสายเลือดใหม่ที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กอนุบาล

เซเนกัล แทบไม่ต้องงัดแท็กติกอะไรมากมายออกมาสู้กับ กานา เลย จังหวะที่ได้ประตูทั้งสองลูกมาจากการบอมบ์ยาวไปข้างหน้า อาศัยความแข็งแกร่งของ มาเม่ บิรัม ดิยุฟ คอยเบียดคอยปะทะ ไม่นับรวมจังหวะอื่นๆ ที่มีช่องว่างให้เจาะเพียบ

เป็นเกมที่น่าผิดหวังสำหรับ แกรนท์ และชาวกานาทุกคน แถมมันยิ่งน่ากลัวไปอีกเมื่อพวกเขามีอีก 2 เกมหนัก กับ แอลจีเรีย และ แอฟริกาใต้ รออยู่ ดีไม่ดีศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2015 อาจเป็นความล้มเหลวครั้งที่ 2 ต่อจากฟุตบอลโลก 2014 ในห้วงเวลาห่างกันแค่ไม่กี่เดือน

แน่นอนว่า กานา ยังมีโอกาส หลายคนคิดเช่นนั้น หรืออย่างน้อยก็มี แกรนท์ และนักเตะ “ดาวดำ” ที่คิดเช่นนั้น แต่มันคงไม่ใช่งานง่ายที่พวกเขาจะผ่านไปได้แน่นอน เมื่อ แอฟริกาใต้ แสดงให้เห็นแล้วว่าทีมชุดนี้ไม่ใช่หมูให้ใครเชือด

สกอร์ 3-1 บนสกอร์บอร์ดไม่ได้สะท้อนรูปเกมในสนามออกมาแม้แต่น้อย เมื่อขุนพล “บาฟาน่า บาฟาน่า” คือผู้ที่ทำผลงานได้ดีกว่าจนกระทั่งสัมฤทธิ์ผลด้วยประตูขึ้นนำ

แต่นั่นเหมือนปลุก “จิ้งจอกเฟนเน็ก” ตื่นจากพะวัง การสกัดเข้าประตูตัวเองของ ธูลานี่ ฮลัตชวาโย่ ทำลายความมั่นใจกว่าหนึ่งชั่วโมงป่นปี้ไม่มีเหลือ

สุดท้าย ดาร์เรน คีต ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของแอฟริกาใต้ มอบบทเรียนราคาแพงที่ทำให้ เอเฟรียม มาชาบา ต้องหันย้อนกลับไปขบคิดว่าเหตุไฉนจึงมั่นใจฝีมือของนายด่านที่เพิ่งติดธงแค่ 4 นัด แทนที่จะเป็น อิตูเมเล็ง คูเน่ จอมเก๋าที่รับใช้ทีมมานาน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง แกรนท์ และ มาชาบา จะได้อะไรจากบทเรียนครั้งนี้ ความพ่ายแพ้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเสมอไป หากผู้แพ้นั้นเปิดใจยอมรับ และแก้ไขจุดบกพร่องของตนเอง เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะกลับมายืดอกได้อีกครั้ง

...แม้มันอาจไม่เกิดขึ้นในทัวร์นาเมนต์นี้ก็ตาม!!!