สองล้อ ปทท.-สนามที่ 4 สุรินทร์รับเป็นเจ้าภาพ

พ่อเมืองร่วมขี้จักรยาน

เสธ.หมึกพลตรีเดชา เหมกระศรี เลขาธิการสมาคมจักรยานฯเปิดเผยว่าสมาคมจักยานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ จ.สุรินทร์ จัดการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 4 ชิงถ้วยพระราชทาน คิงสคัพ ประเภทถนน และจักรยานเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประเภทดาวน์ฮิลและประเภทครอสคันทรี่ รวมทั้งการแข่งขันจักรยานประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทั้งการรณรงค์ขี่จักรยานเพื่อสุขภาพซึ่งสนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระหว่างวันที่ 6-8 พ.ย. บริเวณวนอุทยานเขาสวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งนอกจากการแข่งขันแล้วยังมีกิจกรรม ต่าง ๆ มากมาย

พลตรีเดชา กล่าวอีกว่า กำหนดการแข่งขันวันที่ 6 พ.ย. เวลา 09.00 น. แข่งขันประเภทถนน ไทม์ไทรอัลรุ่นทั่วไปชาย, รุ่นทั่วไปหญิง, เยาวชนชาย-หญิง, ยุวชนชาย-หญิง, วันที่ 7 พ.ย. เวลา 09.0000 น. แข่งขันเสือภูเขาประเภทดาวน์ฮิล, เวลา 13.00 น. แข่งขันครอสคันทรี่ รุ่นแข่งขัน A, รุ่นท่องเที่ยว B และรุ่นท่องเที่ยว C, เวลา 19.00 น. แข่งขันจักรยาน บีเอ็มเอ็กซ์ ชิงแชมป์ประเทศไทยทุกรุ่น, วันที่ 8 พ.ย. เวลา 07.00 น. กิจกรรมการขี่จักรยานเพื่อสุขภาพ, เวลา 09.00 น. แข่งขันประเภทถนน (ไครทีเรี่ยม) รุ่นทั่วไปชาย, รุ่นทั่วไปหญิงเยาวชนชาย-หญิง, ยุวชนชาย-หญิง ผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นายสมชาย ศรีทอง ฝ่ายจัดการแข่งขัน โทร. 08-7868-2100 หรือที่สมาคมจักรยานฯ โทร. 0-2719-3340-2 หรือเข้าชมได้ที่ www. thaicycling.or.th

ด้าน นายวิเชียร ชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ตอนนี้ จ.สุรินทร์พร้อมเต็มที่ในทุกด้าน โดยเฉพาะการขี่จักรยานเพื่อสุขภาพ ระยะทาง 6 กม. ตนได้รับเกียรติให้เป็นประธานเปิดการแข่งขันและจะร่วมขี่จักรยานกับชาวสุรินทร์ด้วย ขณะนี้มีชาวสุรินทร์ และพื้นที่ใกล้เคียงตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,500 คัน ในวันที่ 8 พ.ย. เวลา 07.00 น. ซึ่งจะจัดให้มีการตรวจสุขภาพให้กับผู้ที่มาขี่จักรยานเพื่อสุขภาพทุกคน มีกาแนะนำการขี่จักรยานอย่างถูกวิธีโดยอดีตนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย พร้อมเปิดคลินิกซ่อมจักรยานให้ฟรี การประกวด รถจักรยานที่เก่าแก่ที่สุด และรถจักรยานที่ตกแต่งสวยงามแต่ประหยัด ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนจะได้รับเหรียญที่ระลึกเป็นรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโบกพระหัตถ์และเสื้อที่ระลึก พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ ไฮไลต์ที่สำคัญคือ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนจะร่วมกันลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีมหาราชา และร่วมร้องเพลงชาติไทย เพื่อแสดงพลังความรักความสามัคคีอย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย.