ปิเก้, เซร์กี้, อัลบา, บุสเก็ตส์ : ความสำคัญของลูกหม้อ บาร์ซ่า ในวันที่ลำบากสุดขีด

ปิเก้, เซร์กี้, อัลบา, บุสเก็ตส์ : ความสำคัญของลูกหม้อ บาร์ซ่า ในวันที่ลำบากสุดขีด

ปิเก้, เซร์กี้, อัลบา, บุสเก็ตส์ : ความสำคัญของลูกหม้อ บาร์ซ่า ในวันที่ลำบากสุดขีด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภายใต้ปัญหาที่มากมายและหมักหมมมายาวนาน บาร์เซโลน่า จำเป็นต้องทำทุกทางเพื่อให้ตัวเลขในบัญชีกลับมาสมดุลโดยเร็วที่สุด  

อะไรที่สิ้นเปลือง พวกเขาไม่มีทางเลือก ต้องระบายทิ้ง ไม่เว้นแม้แต่นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ... แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่พอที่จะทำให้วิกฤติในระยะนี้ทุเลาลง

บาร์เซโลน่า เริ่มขาย ขาย ขาย แล้วก็ขายทุกคนที่พอจะขายได้ แต่สถานการณ์ยังไม่มีแนวโน้มจะพ้นวิกฤติ ... ทันใดนั้น 4 กัปตันของพวกเขาก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ และทำในสิ่งที่ฟุตบอลยุคทุนนิยมแทบไม่เคยเห็น 

เคราร์ด ปิเก้, เซร์กี้ บุสเก็ตส์, จอร์ดี้ อัลบา และ เซร์กี้ โรแบร์โต้ กัปตันทีมหมายเลข 1-4 ของทีมพร้อมใจกันยอมลดค่าเหนื่อยลงเพื่อช่วยให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ และการรวมพลังของทั้ง 4 แข้งผลผลิตจาก ลา มาเซีย ก็ทำให้ บาร์เซโลน่า ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง 

นี่คือเรื่องราวของ "โรงเรียนแห่งความฝัน" ศูนย์ฝึกที่ไม่ได้สอนให้คุณเป็นแค่นักฟุตบอลที่ดี แต่สอนให้คุณเติบโตอย่างภาคภูมิใจในสิ่งที่สโมสรแห่งนี้เป็น 

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่ Main Stand

ความผูกพันระดับครอบครัว 

องค์กรใดก็ตามที่บอกว่าอยู่ด้วยกันอย่างครอบครัว นั่นเป็นกับดักสำหรับพนักงานใหม่ ... นี่คือสิ่งที่หลายคนคงเคยได้ยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสมัครงานที่ไหนสักแห่ง สิ่งที่เราจะได้ยินเป็นประจำคือ "ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว" ซึ่งในความจริงแล้ว เราต่างรู้ดีว่าความผูกพันในที่ทำงานคือหนึ่งในความสัมพันธ์ที่เปราะบางมาก และบางครั้ง คำว่าครอบครัวก็ดู "โรแมนติก" เกินไป

เพราะนี่คือโลกทุนนิยม และมันคือธุรกิจ ไม่มีองค์กรใดอยู่ได้ด้วยสายสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อถึงเวลา พวกเขาก็จะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอ ถ้าต้องเลือกระหว่างองค์กรหรือพนักงานที่บอกว่าเป็นคนในครอบครัวไว้ พวกเขาจะเลือกใคร ? ... ไม่ต้องเดาเลย พนักงาน คือฝ่ายที่ต้องเดินจากไปเพื่อรักษาภาพรวมอยู่แล้ว 

เรายกตัวอย่างนี้มาเพื่อช่วยอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในสโมสร บาร์เซโลน่า หนึ่งในทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในรอบ 2 ทศวรรษหลัง 

ในช่วงเวลาที่ บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของโทรฟี่และผลประกอบการ อะไร ๆ ก็ดูดีไปเสียหมด มีนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกทั้ง 11 ตัวจริงลงสนาม ความผูกพันระหว่างนักเตะและสตาฟโค้ช แนวคิดและประเพณีที่เชื่อมโยงกันมาตั้งแต่เด็ก เพาะบ่มกันมาตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน จะเห็นว่าพวกเขาคือสโมสรที่น่าอิจฉาที่สุดทีมหนึ่ง

แต่อย่างที่เรารู้กันตอนนี้ บาร์เซโลน่า ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักและหนี้ล้นพ้นตัว สิ่งที่เราเคยเห็นมาในอดีตกลายเป็นภาพลวงตาในทันที สโมสรกับนักเตะแถลงข่าวซัดกันไปซัดกันมา ผู้บริหารจ้างองค์กร IO มาเพื่อโจมตีนักเตะตัวเองในโลกออนไลน์ แฟนบอลสาปแช่งซีอีโอ ทุกอย่างผสมปนเปมั่วไปหมด เมื่อโดมิโน่ตัวแรกเริ่มล้ม ทุกอย่างก็ดูจะพังพินาศ

เรื่องนี้แม้แต่ ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ก็ยังต้องรับบทเป็นผู้โบกมือลา ซึ่งเราจะเห็นได้ทันทีว่า คำว่าครอบครัวจะอยู่ได้ ก็ต่อเมื่อองค์กรไม่มีปัญหาในแง่ผลประกอบการเท่านั้น 

บาร์เซโลน่า ยอมตัดสายเลือดตัวเองเพื่อรักษาสโมสร นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง สถานการณ์บังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ นั่นคือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ยังมีอีกแง่มุมที่สะท้อนให้เห็นว่า ความผูกพันในองค์กรก็ไม่ได้ไร้ค่าและเป็นสิ่งลวงโลกแต่เพียงอย่างเดียว แฟนบอลทั่วโลกวิจารณ์สโมสรหนักมากที่ทำกับไอคอนตลอดกาลเช่นนี้  

แม้ บาร์เซโลน่า จะปล่อย เมสซี่ ออกไป แต่พวกเขาก็ยังมีปัญหาทางการเงินอยู่ บัญชีค่าเหนื่อยยังเกินเพดานที่ ลา ลีกา กำหนด นั่นทำให้นักเตะที่ซื้อเข้ามาใหม่อย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ และคนอื่น ๆ ไม่สามารถลงทะเบียนสำหรับลงเล่นในเกมลีกได้ ... พวกเขาไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร และเกือบจะต้องทำใจเลี้ยงอเกวโร่ต่อไปด้วยค่าเหนื่อยแสนแพงโดยที่ใช้งานไม่ได้ แต่สุดท้ายสายสัมพันธ์ที่พวกเขาภาคภูมิใจก็ช่วยให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้

โตมาด้วยกัน 

เรื่องราวการขาดทุนของ บาร์ซ่า เป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำมาพักใหญ่แล้ว และเริ่มปะทุขึ้นเอาเมื่อถึงวันที่ COVID-19 ระบาดไปทั่วโลก หลายสโมสรขาดรายรับแบบฉุกเฉินโดยไม่ได้เตรียมตัว 

ทีมไหนที่วางแผนระบบการเงินดี มีค่าเหนื่อยนักเตะน้อย มีรายจ่ายน้อยกว่ารายรับ ก็อาจจะไม่ได้เจ็บตัวจนต้องดิ้นอะไรมาก แต่ บาร์เซโลน่า คือทีมที่จ่ายค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ เมสซี่ ยังอยู่กับทีม เขารับค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์ระดับล้านยูโรก่อนหักภาษี ทำให้ บาร์เซโลน่า มีหนี้สิ้นเพิ่มขึ้นอีกกว่า 500 ล้านยูโร 

สิ่งที่สโมสรพอจะทำได้ในเวลานั้น คือการตัดรายจ่ายของนักเตะในทีมที่แต่ละคนรับแพงมาก ๆ ต่อให้ไม่ใช่ระดับ เมสซี่ แต่ก็ยังมีนักเตะอีก 8 คนที่รับค่าเหนื่อยมากกว่า 200,000 ยูโรต่อสัปดาห์ และนอกจากกลุ่มนักเตะดาวรุ่งที่เพิ่งถูกดันขึ้นมา 1-2 ปี ไม่มีนักเตะของ บาร์เซโลน่า คนไหนเลยที่มีค่าเหนื่อยต่ำกว่า 150,000 ยูโรต่อสัปดาห์ 

ตัวเลขทั้งหมดนี้ ทำให้บอร์ดบริหารพยายามหาทางออกด้วยการเรียกนักเตะเข้ามาคุยเพื่อลดค่าเหนื่อยในปีที่จะถึงนี้ ซึ่งนักเตะส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธ มันเหมือนกับอ้อยเข้าปากช้างที่เข้าไปแล้วดึงออกมายาก นักเตะที่ทีมไม่ได้ใช้งานก็ไม่ยอมยกเลิกสัญญาและไม่ยอมย้ายไปทีมใหม่ง่าย ๆ ทั้ง ซามูเอล อุมติตี้ และ อองตวน กรีซมันน์ เป็นต้น

ประการแรก เราต้องเข้าใจว่านักเตะเหล่านี้ไม่ได้ผิดอะไร พวกเขาเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองควรได้รับ และสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรก็ชัดเจนว่าสโมสรต้องทำตาม เพียงแต่ว่าตอนนี้สโมสรวิกฤติจริง ๆ หากไม่มีใครสักคนยอมถอย หายนะอาจจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

 

ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้กลุ่ม 4 กัปตันทีมอย่าง เซร์กี้ บุสเก็ตส์, เคราร์ด ปิเก้, จอร์ดี้ อัลบา และ เซร์กี้ โรแบร์โต้ ลังเลเลย นี่คือนักเตะซีเนียร์ที่โตมากับสโมสรตั้งแต่ยังเล่นในชุดเยาวชน เท่านั้นยังไม่พอ พวกเขาเป็นชาวกาตาลันพันธุ์แท้ที่ผูกพันกับสโมสรมาหลายชั่วอายุคน 

ปิเก้ ที่รับค่าเหนื่อยระดับ 7 แสนยูโรต่อสัปดาห์ เป็นคนแรกที่ทีมเรียกคุยเรื่องการลดเงินเดือน และเขาก็ตัดสินใจยอมลดทันทีโดยแทบไม่ต้องต่อรอง นอกจากนี้ ปิเก้ ยังรับบทบาทเป็นตัวแทนสโมสรที่จะต้องรับสาส์นจากบอร์ดบริหารไปคุยกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ เพื่อให้ช่วยยอมรับการขอลดเงินเดือนครั้งนี้ ให้ทีมผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายที่มาเยือนได้โดยเร่งด่วน 

ขณะที่นักเตะอย่าง จอร์ดี้ อัลบา เป็นอีกคนที่รับสนองนโยบายดังกล่าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้ง 4 กัปตัน ก็เป็นนักเตะ 4 คนแรกที่เสียสละค่าแรงส่วนตัวลงส่วนหนึ่ง (ไม่มีตัวเลขยืนยันว่าเท่าไหร่) เพื่อประคับประคองสโมสรให้จบฤดูกาล 2020-21 ได้อย่างทุลักทุเล 

การวัดใจยังคงดำเนินต่อไปในฤดูกาลนี้ เพราะสโมสร บาร์เซโลน่า มีปัญกับการลงทะเบียนนักเตะใหม่อย่าง เมมฟิส เดปาย, เอริก การ์เซีย และ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ตอนนี้เป็นเรื่องยากมาก ๆ เพราะนักเตะทุกคนยอมลดค่าเหนื่อยลงมาแล้ว 1 ครั้ง นั่นทำให้เรื่องราวในแคมป์บาร์ซ่ามีข่าวหลุดออกมาเยอะมาก บ้างก็ว่าถึงขั้นทีมแตกเลยก็มี  

 

แต่สุดท้ายปัญหาทุกอย่างก็จบเร็วอย่างเหลือเชื่อ เพราะกลุ่มกัปตันทีมทั้ง 4 ยังคงเป็นหัวหอกคนสำคัญที่ทำให้ทีมเดินต่อไปได้ เพราะพวกเขาเริ่มคุยกันเอง และตกลงร่วมกันว่าจะยอมลดค่าเหนื่อยลงอีก แม้บางคนจะมีสัญญาระยะยาวก็ตาม โดยผู้นำเรื่องนี้ก็ยังคงเป็น ปิเก้ คนเดิม และทำให้เรื่องทุกอย่างจบอย่างง่ายดาย 

"ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ ผมได้ติดต่อกับเพื่อน ๆ กัปตันทีมคนอื่น ๆ และพวกเขาก็พร้อมยอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองด้วย เวลากำลังบีบรัดเข้ามา และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงเป็นคนแรกที่ยอมทำตามเงื่อนไขนี้และผลักดันให้การลดเงินเดือนจบลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมภูมิใจมากที่เราช่วยให้นักเตะคนอื่น ๆ สามารถลงทะเบียนลงเล่นให้กับสโมสรได้แล้ว" ปิเก้ กล่าว 

2 ครั้ง 2 ครา ที่ 4 กัปตันยอมลดเงินเดือนแล้วลดเงินเดือนอีก ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น ผู้จากไปอย่าง เมสซี่ ก็เคยสัญญากับทีมว่าจะลดค่าเหนื่อยลง 50% จากที่เคยได้รับ เพื่อให้ได้เล่นกับสโมสรนี้ต่อไปด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ในรายของ เมสซี่ นั้น ค่าเหนื่อยเริ่มต้นของเขาแพงมากเกินไป ต่อให้ลดแล้วก็ยังไม่พอกับเงื่อนไขการเงินที่ทาง ลา ลีกา วางไว้อยู่ดี 

เราเห็นได้ชัดว่า บาร์เซโลน่า รอดมาได้เพราะความเสียสละจากกลุ่มนักเตะจาก ลา มาเซีย ที่สั่งสอนพวกเขามา เหตุใดกลุ่มนักเตะจึงพร้อมยอมทุกอย่างเพื่อให้ทีมได้ไปต่อกันแน่ ?

ลา มาเซีย, บาร์เซโลน่า, กาตาลุญญ่า 

"Mes que un club" ประโยคนี้เป็นภาษากาตาลัน มีความหมายว่า "เป็นมากกว่าสโมสร" มันติดอยู่ที่ทางเดินก่อนลงสนามแข่งขันของทีมเยาวชน บาร์เซโลน่า หรือที่โลกรู้จักกันในชื่อของศูนย์ฝึก "ลา มาเซีย" (แปลว่า บ้านไร่) 

ที่นี่คือจุดเริ่มต้นที่แท้จริง ที่สร้างกลุ่มนักเตะที่เติบโตมากับทีมตามอัตลักษณ์ของสโมสร งานของศูนย์ฝึกนี้คือการสร้างคนที่มีคุณภาพเป็นอันดับ 1 และสร้างนักฟุตบอลที่มีคุณภาพเป็นเป้าหมายรองลงมา 

"สำหรับเรา ลา มาเซีย คือสถานที่ที่สำคัญที่สุดของสโมรแห่งนี้ มันเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ เป็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของ บาร์เซโลน่า" ซาเวียร์ บียาโจน่า ซีอีโอของ บาร์เซโลน่า ว่าไว้กับ Forbes

พวกเขามีนักเรียนฟุตบอลที่นี่มากกว่า 300 คน มีทีมจากทุกรุ่นอายุทั้งหมด 20 ทีม สิ่งที่พวกเขาสอนให้กับเด็ก ๆ นอกจากความสร้างสรรค์ ความคิดความอ่านในการเล่นฟุตบอลแล้ว พวกเขายังสอนเรื่องค่านิยม 5 ประการ อันเป็นหัวใจของชาวบาร์เซโลน่า 

5 ข้อหลัก ๆ ในการเติบโตมาเป็นยอดคนคือ "ความอ่อนน้อมถ่อมตน, ความพยายาม, ความทะเยอทะยาน, ความเคารพ และการทำงานเป็นทีม" นี่คือสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น และสอนเด็ก ๆ มาหลายต่อหลายรุ่น 

เด็กทุกคนไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตาม หลายคนก็เกิดในแคว้นกาตาลัน พวกเขาถูกสอนให้เข้าใจถึงปรัชญาของการเล่นฟุตบอลและปรัชญาการใช้ชีวิต เด็กทุกคนต้องได้เรียนหนังสือที่นี่ พวกเขามีทั้งครู ผู้ช่วยครู นักจิตวิทยา ในฝั่งของการเรียนการสอนเชิงวิชาการ ไปพร้อม ๆ กับการดูแลจิตใจและการใช้ชีวิตในสังคม

เมื่อนักเตะของ ลา มาเซีย อายุครบ 16 ปี พวกเขาจะได้รับการสอนให้เป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว ทั้งการพูดในที่สาธารณะ การให้สัมภาษณ์กับสื่อ วิธีพัฒนาความสัมพันธ์กับสื่อ การวางแผนชีวิตและการเงิน การสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล ว่าง่าย ๆ ก็คือ พวกเขาให้ทุกอย่างกับเด็ก ๆ ที่นี่ แม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้โตมาประสบความสำเร็จในฐานะนักฟุตบอล แต่ใครก็ตามที่จบออกมาจาก ลา มาเซีย พวกเขาจะไม่เสียเวลาเปล่าอย่างแน่นอน อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็จะมีแนวคิดที่พึ่งพาตัวเองได้ และอยู่ร่วมกับสังคมใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ

ปิเก้, บุสเก็ตส์, โรแบร์โต้ และ อัลบา เติบโตมาจากที่นี่ และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการสร้างนักเตะเยาวชนและการสอนปรัชญาของทีมที่ชัดเจน จึงมีความสำคัญในระยะยาว ความผูกพันกับระบบที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าที่นี่เป็นครอบครัวของพวกเขาจริง ๆ 

พวกเขาไม่ใช่แค่ประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะเยาวชนที่จบออกมาจาก ลา มาเซีย แต่พวกเขายังคงเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลก มีชื่อเสียง เงินทอง และทุกอย่างเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะนึกภาพตัวเองออก ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเสียสละเพื่อส่วนรวม ความลังเลจึงไม่เกิดขึ้น พวกเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้องค์กรก้าวไปข้างหน้า

ครั้งหนึ่งที่ทีมกำลังมีปัญหาหนัก ปิเก้ เคยออกมาบอกว่า ถ้าเขาต้องยกเลิกสัญญากับสโมสรแล้วทีมสามารถไปต่อได้ เขาก็จะยอมทำเป็นคนแรก ... นี่เป็นภาพสะท้อนว่า เหตุใดการสร้างนักเตะที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่เด็ก ให้โอกาสพวกเขา สอนพวกเขา และพัฒนาพวกเขา ทำให้สโมสรได้อะไรมากยิ่งกว่าถ้วยรางวัล 

หากไม่มี ลา มาเซีย ไม่มีนักเตะอย่าง ปิเก้, บุสเก็ตส์, โรแบร์โต้ และ อัลบา นึกภาพไม่ออกเลยว่าสโมสร บาร์เซโลน่า จะเดินหน้าไปต่อในวิกฤติทางการเงินครั้งนี้อย่างไร แม้คุณจะบอกว่าการอยู่ในองค์กรด้วยความสัมพันธ์แบบครอบครัวเป็นเรื่องน้ำเน่า แต่อย่างน้อย ๆ ความผูกพันและเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมาตลอด คือสายสัมพันธ์ที่ไม่มีทางตัดขาดได้เลย 

ตอนนี้ บาร์เซโลน่า กำลังรู้ซึ้งถึงความจริงข้อนี้ ในขณะที่สตาร์ดังที่พวกเขาทุ่มซื้อมาทำให้สโมสรต้องเลือดตกยางออก แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันแบบวันต่อวัน เหล่านักเตะที่อยู่กับทีมมายาวนานกลับเป็นตัวช่วยที่ทำให้เรื่องคลี่คลายและจบลงอย่างบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น ... นี่คือความสัมพันธ์ที่พวกเขารู้ได้ทันทีว่าจะต้องทำให้มันดำเนินต่อไปไม่รู้จบ เพราะมันคือ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคตของสโมสรแห่งนี้

ตอนนี้ บาร์เซโลน่า กำลังให้โอกาสเด็ก ๆ จาก ลา มาเซีย รุ่นต่อไปทั้ง อันซู ฟาติ, ริกิ ปุตช์ และอีกหลากหลายคนที่กำลังเดินตามรอยรุ่นพี่ และพวกเขาเป็นความภาคภูมิใจของสโมสรแห่งนี้ ในแบบที่หลาย ๆ สโมสรทำเลียนแบบไม่ได้ 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook