ปิดตำนานสเตเปิลส์ เซนเตอร์ : เปิดเบื้องหลังดีลคริปโตดอทคอมสู่ชื่อสนามใหม่เลเกอร์ส

ปิดตำนานสเตเปิลส์ เซนเตอร์ : เปิดเบื้องหลังดีลคริปโตดอทคอมสู่ชื่อสนามใหม่เลเกอร์ส

ปิดตำนานสเตเปิลส์ เซนเตอร์ : เปิดเบื้องหลังดีลคริปโตดอทคอมสู่ชื่อสนามใหม่เลเกอร์ส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่จะร้อนแรงไปกว่า “คริปโตเคอร์เรนซี” สินทรัพย์ดิจิทัลที่กลายเป็นพลังอำนาจใหม่ในโลกยุคปัจจุบัน เพราะนอกจากจะเป็นช่องทางใหม่ให้ผู้คนหารายได้แล้ว คริปโตยังถูกมองว่าเป็นช่องทางที่จะพาโลกนี้ไปสู่ยุคใหม่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า คริปโตเคอร์เรนซี ก้าวเข้าไปอยู่ทุกมุมของโลกใบนี้ คือการเข้ามาถือครองชื่อสนามแข่งขันของ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ทีมบาสเกตบอลยักษ์ใหญ่ของโลก หลังเว็บไซต์ Crypto.com ได้ทุ่มเงิน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเปลี่ยนชื่อ สเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ ที่ผู้คนคุ้นเคยมานานกว่า 20 ปีให้เป็น คริปโตดอตคอม อารีนา นับตั้งแต่วันคริสมาสต์นี้เป็นต้นไป

Main Stand จะพาคุณไปเจาะลึกเบื้องหลังของ Crypto.com ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน แล้วทำไมพวกเขาต้องทุ่มเงินมหาศาลไปกับวงการกีฬา เพื่อจะทำให้ชื่อของบริษัทยืนคู่กับเลเกอร์สไปนานอีก 20 ปี

รู้จักกับ Crypto.com

การเข้ามาถือครองสิทธิชื่อสนามแข่งขันของทีมกีฬาชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ย่อมแสดงให้เห็นว่า Crypto.com เป็นธุรกิจมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาใช้ชื่อแทน สเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ รังเหย้าของ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ที่ไม่เคยเปลี่ยนชื่อสนามเลยนับตั้งแต่เปิดใช้เมื่อปี 1999

แต่ความน่าสนใจของ Crypto.com อยู่ที่เรื่องของโมเดลธุรกิจที่แตกต่างออกไปจากบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นที่ก้าวเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ในวงการกีฬา เพราะแท้จริงแล้ว Crypto.com เป็นเว็บไซต์และแอปพลิเคชันสำหรับแลกเปลี่ยน คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือ สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีพนักงานในบริษัทแค่ 3,000 คน แต่กลับมีผู้ใช้งานเว็บไซต์จากทั่วโลกถึง 10 ล้านคน


Photo : www.facebook.com/CryptoComOfficial

ย้อนกลับไปในวันแรกที่เริ่มต้น Crypto.com เป็นเพียงโปรเจ็กต์ของ แมตต์ เบลซ (Matt Blaze) อาจารย์สาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ซึ่งจดทะเบียนโดเมนเว็บไซต์แห่งนี้ไว้ตั้งแต่ปี 1993 แน่นอนว่านี่คือเว็บไซต์ที่ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งวงการคริปโตเริ่มบูมในทศวรรษที่ผ่านมา Crypto.com จึงเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุน และมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนชื่อโดเมนถูกซื้อโดย คริส มาร์สซาเล็ก (Kris Marszalek) นักธุรกิจชาวฮ่องกง เมื่อปี 2016

 

ในปี 2018 เว็บไซต์ Crypto.com กลายเป็นธุรกิจที่มั่นคง เนื่องจากบริษัทมีเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐนอนนิ่งอยู่ในงบดุลของกิจการ และเมื่อตัดภาพมายังต้นปี 2021 Crypto.com ก็สร้างการทำกำไรที่เป็นประวัติศาสตร์สูงสุดของบริษัท แม้จะมีการสงวนตัวเลขรายรับที่แท้จริงเอาไว้ แต่มีการเปิดเผยว่ารายรับของ Crypto.com สูงขึ้น 2,000 เปอร์เซ็นต์ในปี 2021

Crypto.com จึงถือเป็นมหาอำนาจรายหนึ่งของโลกคริปโตยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะแกนกลางของธุรกิจ เนื่องจากเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลของผู้ใช้จากทั่วโลก ที่ทำให้พลังอำนาจของ Crypto.com ได้เพิ่มขึ้น


Photo : www.facebook.com/CryptoComOfficial

เนื่องจากธุรกิจลักษณะนี้จะกลายเป็นเหมือนโกดังที่คอยเก็บเหรียญคริปโตของผู้ใช้ทุกคนเอาไว้ในบัญชีออนไลน์ และการจะเข้าถึงได้ไม่ได้จำกัดแค่ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตแต่ยังรวมถึงบัตรเครดิต เช่น Visa จึงทำให้ Crypto.com นำความมั่งคั่งในสกุลเงินคริปโตมาแปรเปลี่ยนเป็นเงินมหาศาลในสกุลเงินทั่วไปที่คนทั่วโลกใช้ในปัจจุบัน

ด้วยทรัพย์สินและมูลค่าบริษัทที่มหาศาล Crypto.com จึงเริ่มทำการตลาดเพื่อให้พวกเขาก้าวสู่จุดสูงสุดของวงการคริปโต และการเข้ามาเปลี่ยนชื่อสนาม สเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ เป็น คริปโตดอตคอม อารีนา ถือเป็นกาวกระโดดครั้งใหญ่ที่จะทำให้ชื่อของพวกเขาก้าวสู่สายตาคนทั่วโลกอย่างแท้จริง

การเปิดประตูครั้งใหญ่ของ Crypto.com

ก่อนจะเข้ามาเป็นเจ้าของสิทธิชื่อสนามสเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ Crypto.com เคยเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนแก่ธุรกิจกีฬามากมาย ไม่ว่าจะเป็น UFC, ฟอร์มูล่า 1, กัลโช่ เซเรีย อา, ทีมบาสเกตบอล ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส, ทีมฮ็อกกี้น้ำแข็ง มอนทรีออล แคนาเดียนส์ และทีมฟุตบอล ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

แต่การสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ในฐานะสปอนเซอร์ของทีมและการแข่งขันกีฬาเพียงอย่างเดียว อาจจะช้าเกินไปสำหรับ Crypto.com เนื่องจากวงการคริปโตในสหรัฐอเมริกาได้เติบโตขึ้นเร็วมาก จนการเล่นคริปโตในสังคมอเมริกันถูกทำให้กลายเป็นเรื่องปกติ (normalization) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Morning Consult poll รายงานเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า แฟนกีฬาในสหรัฐอเมริกามีความสนใจในคริปโตเคอร์เรนซีถึง 66 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มคนที่ไม่ได้รับชมกีฬามีความสนใจในวงการคริปโตแค่ 23 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นความแตกต่างที่มีระยะห่างกันราว 3 เท่า เมื่อบวกกับการที่หลายการแข่งขันกีฬารวมถึงอีกหลายทีมกีฬาเริ่มหันมาสร้างเหรียญคริปโตของตัวเอง ก็ยิ่งจะทำให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในวงการต้องหันมามองโลกกีฬามากขึ้น

 

โดยในเดือนตุลาคม 2020 ทาง NBA ได้จับมือกับ Dapper Labs บริษัทคริปโตจากประเทศแคนาดาเพื่อสร้าง NBA Top Shot คลิปไฮไลท์การแข่งขันซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของ NFT (Non-Fungible Token) ที่เป็นสินทรัพย์ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา NBA Top Shot ถูกขายในตลาดมือสองด้วยมูลค่าที่สูงถึง 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่ามูลค่าปัจจุบันของมันน่าจะอยู่ที่ 740 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนอีกความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการกีฬาที่เกิดขึ้นจากธุรกิจคริปโต คือการเข้ามาของ FTX บริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกถือครองโดย “ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกคริปโต” (ยืนยันโดย Forbes ทว่าไม่มีการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง) ซึ่ง FTX ได้เซ็นสัญญามูลค่า 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเปลี่ยนชื่อสนามแข่งขันของทีมไมอามี ฮีต จาก อเมริกัน แอร์ไลน์ส อารีนา สู่ชื่อ เอฟทีเอ็กซ์ อารีนา โดยสัญญามีระยะเวลานาน 19 ปี

Crypto.com จึงไม่ใช่เจ้าแรกในวงการคริปโตที่ก้าวเท้าเข้าสู่วงการกีฬา อันที่จริงพวกเขาเดินช้ากว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ Crypto.com ทดแทนข้อเสียเปรียบตรงนี้ด้วยการสร้างก้าวที่ใหญ่และทรงพลังกว่าใคร เพราะพวกเขาทุ่มเงิน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเปลี่ยนชื่อสนามกีฬาในร่ม สเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ ให้เป็น คริปโตดอตคอม อารีนา ซึ่งเป็นดีลที่มีมูลค่าสูงกว่าสัญญาของ FTX กับ ไมอามี ฮีต ถึง 5 เท่า

ส่วนสาเหตุที่ Crypto.com เลือกเข้ามาจับจองเป็นเจ้าของชื่อสนามลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ไม่ใช่เพราะแพชชั่นส่วนตัวอะไรของบริษัท (เจ้าของ Crypto.com ไม่เคยไปดูเกมใน สเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ เลยด้วยซ้ำ) แต่เป็นเพราะบริษัท Staples เจ้าของชื่อสนามรายเดิมมีธุรกิจที่ค่อนข้างถดถอยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงชะลอการเจรจาต่อสัญญาเอาไว้ และเปิดช่องให้ Crypto.com ได้เข้ามาเจรจา

แน่นอนว่าการเข้ามาแทน Staples ธุรกิจค้าปลีกเครื่องใช้สำนักงานขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีร้านค้าทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง และเป็นบริษัทระดับท็อป 500 ของประเทศมานาน 21 ปี ย่อมสร้างเสียงวิจารณ์ให้กับดีลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Crypto.com เป็นบริษัทอายุน้อยจากประเทศสิงคโปร์ที่ไม่มีความผูกพันกับท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมืองลอสแอนเจลิส

“มันคงจะรู้สึกแปลกนะ เพราะผมโตมากับสนามสเตเปิลส์แห่งนี้ และสเตเปิลส์ก็เป็นสนามบาสเกตบอลมาเสมอ มันคงจะรู้สึกแปลกมากแน่ ๆ” พอล จอร์จ ผู้เล่นของ แอลเอ คลิปเปอร์ส ซึ่งเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย เปิดใจหลังเห็นสเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ เปลี่ยนชื่อ

“แน่นอนว่าสนามมันก็ตั้งอยู่ที่เดิม แต่มันเหมือนกับคุณสลัดประวัติศาสตร์ที่มี ด้วยการเรียกมันในชื่อที่แตกต่างออกไป ผมจึงเดาว่า ประวัติศาสตร์หน้าใหม่คงถูกเขียนขึ้นในอนาคตต่อไปหลังจากนี้” 

เมื่อบวกกับความจริงที่เงิน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะไม่ตกสู่มือของลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส เนื่องจากแฟรนไชส์ไม่ได้เป็นเจ้าของสนาม (เจ้าของคือ ตระกูลอันชูลซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของ ลอสแอนเจลิส คิงส์ ทีมฮอกกี้น้ำแข็งในลีก NHL) ยิ่งทำให้แฟนบาสเกตบอลท้องถิ่นไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เพราะเท่ากับว่า การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้คือบริษัทต่างชาติเอาเงินก้อนใหญ่มาฟาด เพื่อหาผลประโยชน์ทางธุรกิจจากเลเกอร์ส โดยที่ทีมไม่ได้อะไรตอบแทน

แต่ไม่ว่าใครจะวิจารณ์อย่างไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกกีฬาในปัจจุบันถือเป็นธุรกิจชนิดหนึ่ง และเมื่อ Staples ไม่พร้อมที่จะเจรจาต่อสัญญาใหม่ และมีอีกหนึ่งธุรกิจที่กล้าเข้ามายื่นเงิน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ความเปลี่ยนแปลงย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และถ้าลอมองในมุมกลับกันว่า หากอนาคต Crypto.com กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ขึ้นมา อาจจะเป็น ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ที่พึ่งพาชื่อเสียงของพาร์ตเนอร์รายใหม่ก็เป็นได้

นับตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2021 รังเหย้าของ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส จะเปลี่ยนชื่อเป็น คริปโตดอตคอม อารีนา โดยสมบูรณ์ และจะใช้ชื่อนี้ต่อไปอีก 20 ปี นั่นหมายความว่าโลกจะได้เห็นชื่อของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลรายนี้ไปอีก 2 ทศวรรษ ไม่ว่าวงการคริปโตจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่าหรือจะค้างเป็นบอลลูนลอยฟ้าเหมือนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้คือ Crypto.com เป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนรุ่นใหม่ เพราะตอนนี้เป้าหมายของ Crypto.com ไม่ใช่แค่ต้องการก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกคริปโต แต่พวกเขามีความต้องการที่จะเป็นแบรนด์แถวหน้าในตลาดสินค้าทั้งหมด Crypto.com อยากจะเป็นที่จดจำในสายตาคนรุ่นใหม่ที่เป็นแฟนกีฬาไม่แพ้ Nike หรือ Apple


Photo : www.facebook.com/CryptoComOfficial

ท้ายที่สุดสิ่งหนึ่งที่บรรดาธุรกิจยักษ์ใหญ่ทั่วโลกเห็นตรงกันคือ วงการกีฬา ถือเป็นประตูขนาดใหญ่ที่มีผู้บริโภคมากมายรออยู่เบื้องหลัง หากธุรกิจเหล่านี้สามารถเปิดประตูเข้าไปในเวลาและจังหวะที่ใช่ พวกเขาก็จะได้ลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมหาศาลแบบที่หาไม่ได้จากการทำการตลาดในวงการอื่น

การเข้ามาถือสิทธิชื่อสนามของ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ครั้งนี้ จึงถือเป็นการเปิดประตูสู่วงการกีฬาอย่างเต็มตัวของ Crypto.com และเราเชื่อเหลือเกินว่า คริปโตดอตคอม อารีนา เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นของ Crypto.com เท่านั้น เพราะเมื่อเรามองไปยังความทะเยอทะยานของธุรกิจนี้ พวกเขาคงไม่หยุดอยู่ที่แค่สัญญา 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฉบับนี้แน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook