ก.กีฬาของบ 2.8 หมื่นล้าน

ก.กีฬาของบ 2.8 หมื่นล้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ค่ายหัวหมากขอเยอะสุด''ชุมพล''รับมีโอกาสน้อย

นยชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ที่ห้องประชุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อ 18 ม.ค. ว่า วันนี้ได้มอบนโยบายและสรุปงานที่จะเน้นเป็นพิเศษทั้งด้านกีฬาและท่องเที่ยวให้กับหน่วยงานในการกำกับดูแลของกระทรวงฯ โดยด้านการกีฬาเน้นเรื่องการเตรียมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬา, การสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ, การผลักดันให้มีสนามกีฬาทุกตำบล โดยงบประมาณบางด้าน เช่น การสร้างสนามกีฬา ของการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือการเพิ่มบุคลากรของสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ (สพก.) ก็ได้แจ้งว่า ให้ทยอยทำโดยแบ่งเป็นแผนงบในช่วง 5 ปี แทนที่จะขอทีเดียวทั้งหมด นอกจากนั้นยังได้กำชับให้จัดทำแผนงานในการร่วมแข่งขันรายการต่าง ๆ คือ เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่6 ที่นครกวางโจว ประเทศจีน, ยูธ โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่ประเทศสิงคโปร์, ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย, โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และครั้งต่อจากนั้นที่กรุงริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล โดยให้กำหนดเป้าหมายและวิธีการที่จะบรรลุตามเป้าที่ตั้งไว้ดังกล่าว รวมทั้งงบประมาณที่จะต้องใช้ เพื่อให้มีรายละเอียดง่ายต่อการพิจารณาด้วย

สำหรับตัวเลขางบประมาณจาก 6 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในงบปี 2554 (1 ต.ค. 2553-30 ก.ย. 2554) เสนอมารวมทั้งสิ้น 28,489,119,059 บาท แบ่งเป็นงบของสำนักงานปลัดกระทรวงฯ 5,018,924,669 บาท, ด้านการท่องเที่ยว 8,410,281,590 บาท ส่วนด้านการกีฬา 15,059,912,800 บาท ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ (สพก.) 3,398,349,000 บาท, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) 8,947,250,500 บาท, สถาบันการพลศึกษา (สพล.) 2,714,313,300 บาท ขณะที่ งบประมาณปี 2553 ที่ผ่านมา ได้ รับเพียง 11,633,357,200 บาท เท่านั้น โดย สพก. ได้ 832,923,500 บาท, กกท. 2,503,424,000 บาท และ สพล. 1,930,929,000 บาท นอกจากนี้มีงบกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 400,000,000 บาท, กองทุนพัฒนากีฬามวย 30,000,000 บาท, กองทุนส่งเสริมกีฬาอาชีพ 37,000,000 บาท

ปีนี้จะจับงานกีฬาเป็นพิเศษและใจจริงแล้วผมเห็นว่างบดังกล่าวยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ แต่โอกาสจะได้เท่าที่ขอเป็นเรื่องยาก ซึ่งผมได้แนะนำไปว่าควรแยกงบที่เป็นงานประจำ กับงบด้านที่ควรจะเร่งรัดของปีนี้ โดยให้นำแผนมาส่งให้มาภายใน 28 ม.ค.นี้ ก่อนจะส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณา 1 ก.พ.นี้ ต่อไป นายชุมพล กล่าวทิ้งท้าย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook