แตกต่างหรือแตกแยก : รู้จัก LIV GOLF การแข่งขันที่อาจเปลี่ยนวงการกอล์ฟไปตลอดกาล

แตกต่างหรือแตกแยก : รู้จัก LIV GOLF การแข่งขันที่อาจเปลี่ยนวงการกอล์ฟไปตลอดกาล

แตกต่างหรือแตกแยก : รู้จัก LIV GOLF การแข่งขันที่อาจเปลี่ยนวงการกอล์ฟไปตลอดกาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขณะที่วงการฟุตบอลกำลังฝันถึงการเแข่งขันทางเลือกที่จะมาเปลี่ยงวงการอย่าง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ทางฝั่งของกีฬากอล์ฟเพิ่งต้อนรับรายการใหม่ที่อัดแน่นไปด้วยเม็ดเงินมหาศาลอย่าง LIV GOLF เข้าสู่วงการ

นี่คือรายการที่จะทำลายทุกสถิติเงินรางวัลของประวัติศาสตร์กีฬากอล์ฟ และประกาศเป็นศัตรูกับ PGA TOUR อย่างเป็นทางการ แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ LIV GOLF ได้รับเงินสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบีย ประเทศอื้อฉาวที่กำลังถูกจับตาในความพยายามจะใช้กีฬาปิดปัญหาละเมิดสิทธืมนุษยชน

Main Stand พาคุณมารู้จัก LIV GOLF การแข่งขันที่แตกต่างออกไปจากที่เคยมีมาในกีฬากอล์ฟ ทั้งรูปแบบการแข่งขันที่คิดขึ้นใหม่เพื่อสร้างความน่าสนใจ, การต่อสู้ของสหรัฐอเมริกาเพื่อปกป้องลีกกอล์ฟอันดับหนึ่ง และความกังวลของสาธารณะชนถึงเบื้องหลังแท้จริงของการแข่งขันรายการนี้ 

LIV GOLF คืออะไร ?

ย้อนกลับยังปี 2019 มีรายงานออกมาตามสื่อกีฬาต่าง ๆ ถึงแนวคิดของการตั้งลีกการแข่งขันกอล์ฟแห่งใหม่ ซึ่งจะมาเป็นคู่แข่งกับ PGA TOUR ลีกกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของโลกที่มีรากฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ไอเดียดังกล่าวไม่เคยเป็นรูปร่าง จนกระทั่งปลายปี 2021 ที่โลกได้รู้จักกับการแข่งขันกอล์ฟรายการใหม่อันมีชื่อว่า LIV GOLF

LIV GOLF คือรายการแข่งขันที่ก่อตั้งและได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก Public Investment Fund หรือกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐของประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยกองทุนแห่งนี้ถือเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลก คืออยู่ที่ราว 6.2 แสนล้านบาท หรือ 21 ล้านล้านบาท ซึ่ง Public Investment Fund หรือ PIF ได้ลงทุนจำนวนมากสู่วงการกีฬาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยหนึ่งในตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือ การเข้าเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อปี 2021

เพียงแค่ชื่อของประเทศซาอุดีอาระเบียที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในวงการกอล์ฟระดับโลก เท่านี้ก็เพียงพอจะทำให้ชื่อของ LIV GOLF เป็นที่สนใจในวงกว้าง แต่ความน่าดึงดูดของการแข่งขันรายการนี้ยังมีมากกว่านั้น

เพราะแทนที่จะแข่งขันกันยาวยืดข้ามปี LIV Golf Invitational Series จะแข่งขันเพียงแค่ 8 สนาม ภายในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อชิงเงินรางวัลที่สูงถึง 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 8,000 ล้านบาท และเพื่อทำให้มันเป็นการแข่งขันระดับโลกอย่างแท้จริง LIV GOLF จะตระเวนการแข่งขันไปยัง 3 ทวีป คือ ยุโรป, อเมริกาเหนือ และเอเชีย โดยสนามที่ 6 ของการแข่งขัน จะมาจัดกันที่สนามกอล์ฟสโตนฮิลล์ จังหวัดปทุมธานี ประเทศไทย

รายละเอียดของการแข่งขันแต่ละสนามของ LIV GOLF ยังน่าสนใจมาก เพราะแตกต่างจากการแข่งขันกอล์ฟทั่วไปที่หนึ่งสนามจะตัดสินกันในการแข่งขันทั้งหมด 72 หลุม หรือ 4 วัน แต่ LIV GOLF จะลดลงมาเหลือเพียง 54 หลุม หรือเพียง 3 วันเท่านั้น นี่จึงนำมาสู่การใช้ชื่อของการแข่งขันว่า LIV GOLF เพราะ LIV ตามภาษาโรมันมีความหมายเท่ากับ 54 (L = 50, IV = 4)

LIV GOLF ยังเพิ่มจุดขายด้วยการยกเลิกการปล่อยตัวนักกอล์ฟลงสู่สนามแบบเป็นรอบ โดยในการแข่งขันรายการนี้ นักกอล์ฟทั้ง 48 คนจะลงสนามพร้อมกันหมด ซึ่งแต่ละคนจะเริ่มแข่งขันในหลุมที่แตกต่างกันไป กล่าวคือ ไม่จำเป็นที่นักกอล์ฟต้องเริ่มการแข่งขันที่หลุม 1 แล้วไล่ไปจบที่หลุม 18 เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อให้นักกอล์ฟออกสตาร์ทในหลุมที่แตกต่างกัน การกำหนดให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดลงสนามพร้อมกันก็เป็นไปได้โดยง่าย และช่วยให้เวลาแข่งขันโดยรวมกระชับขึ้นด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ยังไม่มีการตัดตัวนักกอล์ฟที่ทำสกอร์ได้แย่ออกไประหว่างการแข่งขัน หมายความว่าทุกคนที่ลงเล่นในแต่ละรายการของ LIV GOLF จะได้เล่นครบทั้ง 3 วันอย่างแน่นอน หากไม่บาดเจ็บหรือเกิดเหตุใดให้ต้องถอนตัวไปก่อน

การแข่งขันในรูปแบบรายบุคคลจะดำเนินไป 7 สนาม โดยในแต่ละสนามจะมีเงินรางวัลอยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 880 ล้านบาท โดยจะถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกแบ่งลงไปตามอันดับของนักกีฬาที่จบการแข่งขันในแต่ละสนาม ซึ่งผู้ชนะจะคว้าเงินรางวัล 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 140 ล้านบาท ขณะที่ส่วนที่สองคือเงิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเก็บไว้ให้กับ 3 ทีมที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดในแต่ละสนาม

 

เมื่อจบการแข่งขันทั้งหมด 7 สนาม นักกอล์ฟที่มีคะแนนดีที่สุด 3 อันดับแรกจะได้รับเงินรางวัลพิเศษไปครอบครอง โดยเจ้าของตำแหน่งแชมป์จะได้เงินรางวัลเป็นจำนวน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 634 ล้านบาท ส่วนอันดับสองและสามจะได้รับเงินรางวัล 8 และ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ ซึ่งเมื่อรวมเงินรางวัลพิเศษทั้งหมดเข้าด้วยกัน LIV GOLF จะมอบเงินรางวัลตรงนี้เป็นมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 1,000 ล้านบาท

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่ใช่ไฮไลต์ที่แท้จริงของการแข่งขันรายการนี้ เพราะสนามที่ 8 หรือสนามสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์ จะเป็นการแข่งขันประเภททีมที่แบ่งนักกอล์ฟ 48 คน เป็น 12 ทีม เพื่อลงชิงชัยตลอด 4 วัน ค้นหาทีมเพียงหนึ่งเดียวที่จะชนะการแข่งขัน โดยการแข่งขันแบบทีมในสนาม 8 ซึ่งจะเกิดขึ้นที่เมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า จะมีเงินรางวัลสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,760 ล้านบาทให้แย่งชิง

ทุกทีมที่ลงแข่งขันจะได้การการันตีเงินรางวัลตรงนี้ คือ ทีมผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลสูงสุด 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 563 ล้านบาท ก่อนจะลดหลั่นลงไปตามอันดับ ซึ่งอันดับสุดท้ายก็จะไม่กลับบ้านมือเปล่า เนื่องจากมีเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทน

แต่ไม่ว่าจะแข่งขันในรูปแบบเดี่ยวหรือทีม LIV GOLF กำลังสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะการแข่งขันที่มอบเงินรางวัลมากที่สุด โดยการแข่งขันสนามแรกที่เพิ่งจบไปในเมืองฮาร์ทฟอร์ดไชร์ ประเทศอังกฤษ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยจำนวนเงิน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะถูกทำลายลงอีกในไม่ช้า เมื่อการแข่งขันสนามสุดท้ายที่ไมอามี่ซึ่งมีเงินรางวัล 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นเดิมพันมาถึง

เมื่อแยกย่อยเป็นรางวัลที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับ แค่การชนะการแข่งขันหนึ่งสนามซึ่งหมายถึงเงิน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ถือเป็นจำนวนที่มากกว่าเงินรางวัลของผู้ชนะรายการกอล์ฟชื่อดัง อย่าง เดอะ มาสเตอร์ส หรือ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งอยู่ที่ 2.7 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ นักกอล์ฟทุกคนที่ลงแข่งขันแต่ละสนามจะได้เงินการันตีขั้นต่ำ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4 ล้านบาท เพียงแค่พวกเขาตีครบ 54 หลุมในแต่ละสนาม

ความกังวลที่เกิดทั้งในและนอกสนาม 

เงินรางวัลมหาศาลทั้งหมดที่กล่าวมาคงเพียงพอจะทำให้ทุกคนรู้แล้วว่า LIV GOLF คือรายการน้องใหม่ที่น่าดึงดูดใจมากเพียงใด และอย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า นี่คือลีกกอล์ฟแห่งใหม่ที่จะเข้ามาท้าชิงความยิ่งใหญ่จาก PGA TOUR ดังนั้นแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทาง PGA จะตอบโต้อย่างร้อนแรงด้วยการสั่งแบนตลอดชีพแก่นักกอล์ฟรายใดก็ตามที่เลือกจะไปซบอกทัวร์นาเมนต์น้องใหม่นี้

 

แถมสถานการณ์ขณะนี้ นักกอล์ฟทุกคนที่ลงแข่งขันในรายการ LIV GOLF จะไม่ได้รับคะแนนสะสมจากการลงแข่งขันรายการดังกล่าว เมื่อบวกกับการถูกตัดสิทธิ์จาก PGA TOUR นั่นหมายความว่า อันดับโลกของพวกเขาจะร่วงหล่นลงเรื่อย ๆ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง จะหมดสิทธิ์ที่จะลงแข่งขันรายการระดับเมเจอร์ในที่สุด

แต่ด้วยเงินรางวัลมหาศาลจึงมีนักกอล์ฟชื่อดังไม่น้อยที่เลือกทิ้งบ้านหลังเก่า เพื่อมาเริ่มต้นกับเส้นทางสายใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ฟิล มิคเคลสัน อดีตผู้ชนะรายการเมเจอร์ 6 สมัย, ดัสติน จอห์นสัน นักกอล์ฟอดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลก, เซร์คิโอ การ์เซีย อดีตฮีโร่ในรายการไรเดอร์ คัพ, ลี เวสต์วู้ด, เอียน พอลเตอร์, แกรม แม็คดาวล์, มาร์ติน คายเมอร์ และ หลุยส์ อูสไธเซน ต่างเลือกกระโจนเข้าสู่ LIV GOLF

นอกจากนี้ยังมีนักกอล์ฟชาวไทยเข้าร่วมในรายการนี้ถึง 4 คน ได้แก่ รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟชาวไทยวัย 15 ปี, สดมภ์ แก้วกาญจนา, พชร คงวัดใหม่ และ อิทธิพัทธ์ บูรณธัญรัตน์ นี่จึงอาจเป็นรายการใหญ่ที่สุดที่เราได้เห็นนักกอล์ฟชาวไทยลงแข่งขันพร้อมกันมากขนาดนี้

งานนี้จึงพูดได้อย่างเต็มปากว่า พลังเงินของ LIV GOLF มีอำนาจมากพอจะกระชากซูเปอร์สตาร์อย่าง ฟิล มิคเคลสัน และ ดัสติน จอห์นสัน ไปจาก PGA TOUR อย่างง่ายดาย ซึ่งเรื่องนี้สร้างความกังวลแก่หลายฝ่ายมากว่า จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของกีฬากอล์ฟ งานนี้ทุกฝ่ายในสหรัฐอเมริกาจึงต้องร่วมมือกันเพื่อจำกัดความนิยมของ LIV GOLF ก่อนจะขยายวงกว้างไปมากกว่านี้

 

วิธีการง่ายที่สุดคือ สั่งห้าม ไม่ให้มีการถ่ายทอดสดการแข่งขัน LIV GOLF ในสหรัฐอเมริกา โดยบรรดาผู้ถ่ายทอดสดกอล์ฟ PGA TOUR ไม่ว่าจะเป็น NBC Sports, Peacock หรือ ESPN+ แม้กระทั่งช่องคู่แข่งที่กำลังมองหากีฬากอล์ฟ เช่น FOX ต่างปฏิเสธจะให้ความร่วมมือหรือสนใจจะซื้อลิขสิทธิ์ของ LIV GOLF มาถ่ายทอดสดแก่ชาวอเมริกัน ทาง NBC Sports ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอดสดกีฬากอล์ฟ ยืนยันว่า พวกเขาแฮปปี้มากกว่าที่จะถ่ายทอดสด PGA TOUR เพียงอย่างเดียว

"สถานะของเราคือบ้านของกีฬากอล์ฟในประเทศแห่งนี้ และแน่นอนว่าเราไม่ควรจะพอใจกับสถานะที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่มันน่าเหลือเชื่อเหมือนกันว่า เรากลับพอใจกับจุดที่เรายืนอยู่ในตอนนี้" พีท บาแวคกวา ประธานของช่อง NBC Sports กล่าวถึงเหตุผลที่เขาไม่สนใจ LIV GOLF หลังครองลิชสิทธิ์ของ PGA TOUR อยู่ในมือ

LIV GOLF จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการถ่ายทอดสดให้ดูฟรีผ่านทางยูทูบและเฟซบุ๊ก ซึ่งผลปรากฎว่าผลตอบรับไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก โดยคนดูเฉลี่ยในการแข่งขันวันสุดท้ายของสนามแรกบนยูทูบอยู่ที่ราว 7 หมื่นคน ส่วนเฟซบุ๊คนั้นไม่ถึง 5 พันคน และเมื่อเทียบกับการถ่ายทอดสด PGA TOUR ที่แคนาดาซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์เดียวกัน พวกเขาทำยอดคนดูมากกว่า 8 แสนคนเมื่อฉายในช่องเคเบิล และเมื่อขยับมาออกทีวีระดับชาติอย่าง CBS สามารถทำยอดคนดูได้มากถึง 2.78 ล้านคน

แต่ถึงจะสกัดให้ LIV GOLF ไม่ได้เปิดตัวอย่างเปรี้ยงปร้าง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังเป็นกังวลว่า การแข่งขันกอล์ฟรายการนี้จะไม่ได้รับอิทธิพลจากการขาดสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเหมือนกับลีกกีฬาหน้าใหม่อื่น ๆ เนื่องจาก LIV GOLF ไม่ใช่บริษัทนิติบุคลลเหมือนลีกกีฬาอื่นที่ต้องแสวงหาวิธีทางอยู่รอดผ่านการสร้างกำไรหรือรับเงินจากสปอนเซอร์

แต่ LIV GOLF คือการแข่งขันได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประเทศที่กำลังหว่านเม็ดเงินอย่างหนักทุกทิศทาง เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของชาติบนสายตาชาวโลก หลังซาอุดีอาระเบียตกเป็นเป้าโจมตีจากโลกตะวันตกในเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุฆาตกรรม จามาล คาชูจกิ นักข่าวชื่อดังที่วิจารณ์ซาอุดีอาระเบีย ก่อนเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำในประเทศตุรกี ขณะเข้าไปทำธุระในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำกรุงอิสตันบูล

ทั้ง สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นในยุโรปที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับสงครามระหว่าง PGA TOUR กับ LIV GOLF เช่น สหราชอาณาจักร ต่างเป็นกังวลในประเด็นเดียวกัน คือ การใช้กีฬาเป็นเครื่องมือชำระล้างภาพลักษณ์อันสกปรกทางสังคมและการเมือง หรือที่เรียกว่า Sportswashing

"ถือเป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างยิ่งที่เราได้ยินหลายที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการกอล์ฟ พยายามจะไม่พูดถึงการพูดถึงเหตุฆาตกรรมอันโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นกับ จามาล คาชูจกิ และหลีกเลี่ยงจะรับแรงกดดันมากมายที่เกิดขึ้นเนื่องจากสถิติการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันน่าตกใจของซาอุดีอาระเบีย" ซาชา เดชมุค หัวหน้าผู้บริหารแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แห่งสหราชอาณาจักร ออกมาโจมตี LIV GOLF ที่ปฏิเสธจะพูดถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของซาอุดีอาระเบีย

"แทนที่จะทำหน้าที่คนที่เห็นดีงามกับการใช้กีฬาลบล้างความผิดของซาอุดีอาระเบีย เราต้องการเห็นนักกอล์ฟที่ลงแข่งขัน LIV GOLF พูดถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซาอุดีอาระเบีย เพราะความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้รักสิทธิมนุษยชนในซาอุดีอาระเบียคือสิ่งสำคัญที่สุด และในขณะนี้ ซีรีส์ LIV GOLF ได้แสดงให้เราเห็นถึงเรื่องนั้นเพียงน้อยนิด"

สหราชอาณาจักรกำลังมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอิทธิพลของซาอุดีอาระเบียในวงการกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ PIF ทุ่มเงิน 300 ล้านปอนด์ เพื่อถือครองหุ้น 80 เปอร์เซ็นต์ในสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ขณะเดียวกัน เซอร์ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก F1 7 สมัย ก็แสดงความไม่สบายใจที่จะต้องลงแข่งขันในซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ความกังวลของสาธารณะจะไม่ขัดขวางการเติบโตของ LIV GOLF อย่างแน่นอน เพราะในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษแห่งพรรคอนุรักษ์นิยม เพิ่งเดินทางสู่ซาอุดีอาระเบียเพื่อพูดคุยประเด็นเกี่ยวกับการค้าน้ำมัน และยังย้ำชัดอีกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรกับซาอุดีอาระเบียถือเป็นเรื่องสำคัญ

ขณะเดียวกันสื่อทางสหรัฐอเมริกาก็คาดการณ์เอาไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ FOX เปลี่ยนนโยบายและเกิดอยากฉายกีฬากอล์ฟขึ้นมา LIV GOLF คงไม่พลาดบรรลุสัญญามูลค่ามหาศาลกับสื่อกีฬาชั้นนำแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นแน่ ซึ่งนั่นอาจหมายถึงเงินหลักพันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ไหลเข้าสู่กองทุนของซาอุดีอาระเบีย

แน่นอนว่า PGA TOUR คงจะต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อให้ LIV GOLF ไม่มีพื้นที่ในสหรัฐอเมริกา แต่ถ้ามองยังภาพที่กว้างกว่านั้น LIV GOLF สร้างความน่ากังวลมากกว่าการเขย่าเสถียรภาพของวงการกอล์ฟที่เคยมีมา แต่เป็นอีกครั้งที่ซาอุดีอาระเบียเลือกใช้วงการกีฬาเข้ามาเป็นสบู่เพื่อล้างมือคาวเลือกของพวกเขาจากเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมายในอดีต

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านธุรกิจหรือสิทธิมนุษยชน LIV GOLF คือรายการที่น่าจับตาและจำเป็นต้องตั้งข้อสงสัยเอาไว้ให้มาก เพราะถ้าวันหนึ่งนี่คือรายการที่ยังคงอยู่ได้พร้อมกับถล่มเงินรางวัลมหาศาลแก่ผู้เข้าแข่งขัน แม้ปราศจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอยู่นานหลายปี

ถึงตรงนั้นคงชัดเจนแล้วว่า LIV GOLF มีชีวิตอยู่และดำเนินต่อไปเพียงเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพแก่ผู้สนับสนุนเงินทุนอยู่เบื้องหลัง นั่นคือ รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เท่านั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook