โกยอย่างเหนือชั้น! "ฟลอยด์" สุดหัวหมอรับทรัพย์มหาศาลขึ้นชกไฟต์ล่าสุด (ภาพ)

โกยอย่างเหนือชั้น! "ฟลอยด์" สุดหัวหมอรับทรัพย์มหาศาลขึ้นชกไฟต์ล่าสุด (ภาพ)

โกยอย่างเหนือชั้น! "ฟลอยด์" สุดหัวหมอรับทรัพย์มหาศาลขึ้นชกไฟต์ล่าสุด (ภาพ)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เดอะมันนี่" ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ อดีตกำปั้นไร้พ่ายชาวสหรัฐฯ เจ้าของสถิติชนะรวด 50 ไฟต์ ที่แม้จะประกาศอำลาสังเวียนอาชีพไปตั้งแต่เมื่อกลางปี 2017 แต่เจ้าตัวก็ยังขึ้นชกโชว์ทำเงินได้อย่างมากมายในช่วงหลายปีหลัง

ล่าสุด อดีตแชมป์โลก 5 รุ่น ได้ตัดสินใจหวนคืนสังเวียนอีกครั้ง เป็นคู่เอก ในศึก Super Rizin ด้วยกติกาพิเศษกับ มิคุรุ อาซากุระ ยอดนักสู้ MMA ชาวญี่ปุ่น ที่ไซตามะ ซูเปอร์ อารีน่า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2565

ผลการแข่งขันอย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า กำปั้นวัย 45 ปี ยังโชว์สกิลการชกได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม และสามารถเอาชนะน็อก นักสู้ชาวญี่ปุ่นวัย 30 ปี ไปได้แบบไม่ยากเย็นในปลายยกที่ 2 ก่อนที่กรรมการจะตัดสินใจยุติการชกในที่สุด

ซึ่งหลังจบการชกมีรายงานจาก sportszion เปิดเผยว่า ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ สามารถโกยเงินจากการชกไฟต์นี้ไปได้มากถึง 28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,060 ล้านบาท) เรียกได้ว่าใช้เวลาในการชกเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น ขณะที่ มิคุรุ อาซากุระ รับไปเพียง 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 45 ล้านบาท)

พร้อมกันนี้สื่อเจ้าดังยังชำแหละตัวเงินก้อนดังกล่าวแยกย่อยให้ได้เห็นกันโดยแบ่งเป็นเงินที่ได้จากกการไปร่วมงานแถลงข่าว 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 56 ล้านบาท), ค่าตัวในการชกครั้งนี้ 22 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 834 ล้านบาท) และค่าส่วนแบ่งจากการถ่ายทอดสด PPV อีก 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 170 ล้านบาท)

งานนี้ต้องบอกว่าสมฉายา "เดอะมันนี่" เหมือนเคยกับการโกยเงินอย่างต่อเนื่องแม้จะอำลาสังเวียนกำปั้นอาชีพไปแล้วก็ตาม สำหรับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ได้รับการยกย่องให้เจ้าตัวเป็นนักกีฬาที่ทำเงินได้มากที่สุดแห่งทศวรรษ 2010 (นับเฉพาะในช่วงระหว่างปี 2010-2019) โดยโกยรายได้ไปมากถึง 915 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 28,400 ล้านบาท) จาก ฟอร์บส์ (Forbes) นิตยสารทางการเงินชื่อดังของสหรัฐอเมริกา

อัลบั้มภาพ 86 ภาพ

อัลบั้มภาพ 86 ภาพ ของ โกยอย่างเหนือชั้น! "ฟลอยด์" สุดหัวหมอรับทรัพย์มหาศาลขึ้นชกไฟต์ล่าสุด (ภาพ)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook