Scoop : "วงศ์บวร ผัสดี" จากคนติดเหล้ากลายเป็นคนติดวิ่ง สู่แชมป์งานวิ่งระดับประเทศ

Scoop : "วงศ์บวร ผัสดี" จากคนติดเหล้ากลายเป็นคนติดวิ่ง สู่แชมป์งานวิ่งระดับประเทศ

Scoop : "วงศ์บวร ผัสดี" จากคนติดเหล้ากลายเป็นคนติดวิ่ง สู่แชมป์งานวิ่งระดับประเทศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เริ่มจากการวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก ของคนที่เคยหนักเกือบ 100 กิโลกรัม บวกกับดื่มหนัก จนกังวลเรื่องสุขภาพ "โอ” วงศ์บวร ผัสดี ก้าวเข้าสู่การเป็นนักวิ่งถนนแนวหน้าคนหนึ่งของประเทศไทยด้วยสถิติที่ดีที่สุดระยะหมื่นเมตรที่ 33 นาทีเศษ เป็นสถิติการวิ่งซึ่งเป็นรองแค่ทีมชาติเท่านั้น ณ วันนี้ "โอ บวร" มุ่งหน้าสู่การเป็นนักวิ่งสมัครเล่นแบบเต็มตัว และยังคงแย่งชิงพื้นที่บนโพเดี้ยมได้อย่างสม่ำเสมอ ...นี่คือเรื่องราวความเป็นมาของเขา และเป้าหมายต่อไป

อดีตคนอ้วนสู่แชมป์การวิ่งถนน

ในกลุ่มนักวิ่งสมัครเล่นประเทศไทย หลายคนต้องคุ้นเคยกับชื่อ "โอ บวร" หรือ โอ วงศ์บวร ผัสดี นักวิ่งขาแรงจากจังหวัดเชียงราย ปรากฎตัวในสนามแข่งด้วยลุคแบดบอย ที่แขนมีรอยสัก ยืนปล่อยตัวที่หน้าเส้น และกลับบ้านไปพร้อมถ้วยรางวัล ในหลายงานวิ่งใหญ่ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ทั้งการแข่งวิ่งถนน และเทรล

โอ บวร เข้าสู่โลกแห่งการวิ่งตอนอายุ 30 ต้นๆ หรือเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว จากนักฟุตบอลหันมาวิ่งเพราะน้ำหนักตัวพุ่งจนเกือบถึงร้อยกิโล ธรรมชาติการแข่งฟุตบอลเป็นทีมกับกลุ่มเพื่อน มักจะตามมาด้วยการสังสรรค์ ทั้งกินทั้งดื่ม ทำให้ โอ เริ่มเปลี่ยนมาลองวิ่ง เพราะเห็นเพื่อนที่วิ่งออกกำลังกาย สามารถลดน้ำหนักได้จริง

"เริ่มแรกผมเป็นนักบอล ออกกำลังกาย ขายอาหารตอนกลางคืน เริ่มดื่มเยอะ เริ่มอ้วน น้ำหนักขึ้นเยอะมาก เตะบอลอย่างเดียวน้ำหนักมันไม่ลง จนไปเจอพี่ๆ ทีมวิ่งเชียงรายก็ไปปรึกษาเขา จนวิ่งไปด้วย วิ่งได้ 1 เดือน วิ่งบนลู่ไฟฟ้าตลอด น้ำหนักลด ก็เริ่มไปแข่ง" โอ บวร เล่าว่า นั่นเป็นจุดเริ่มในการวิ่งของเขา ซึ่งในตอนนั้นอายุ 32 ปี

เป็นธรรมดาของคนที่พื้นฐานร่างกายดี มีพรสวรรค์ และมีวินัย โอ บวร จึงได้ถ้วยรางวัลตั้งแต่การแข่งครั้งแรก ตอนนั้นเป็นการแข่งถนน ระยะ 10 กิโลเมตร ชนะอันดับ 3 ด้วยเวลา 39 นาที เขาจึงท้าทายตัวเองครั้งที่ 2 ด้วยการลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร เป็นงานใหญ่ที่แม่เมาะ จังหวัดลำปาง ก็ได้ถ้วยรางวัลกลับมาเช่นกัน

"หลังจากนั้นก็เริ่มจริงจัง พร้อมกับคุมน้ำหนักไปเรื่อยๆ ตั้งแต่วิ่ง จากที่เคยหนักเฉียดร้อย ก็เหลือ 58-65 กิโลมาตลอด และดื่มน้อยลง แฟนช่วยสนับสนุน ซัพพอร์ตทางการวิ่งเต็มที่ เวลาจะไปแข่งต่างจังหวัดเขาเป็นคนดูแลเตรียมให้ทุกอย่าง เวลาเราชนะ แฟนก็ภูมิใจ"

 โอ บวร เล่าว่า ตั้งแต่ตอนนั้นสุขภาพก็ค่อยๆ ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการทำกิจการร้านแจ่วฮ้อน และน้ำพริกแจ่วฮ้อนส่งออกของครอบครัวก็ไปได้ดีด้วยเช่นกัน เพราะการได้ออกจากโลกของการสังสรรค์หันมาดูแลสุขภาพ ทำให้สุขภาพดี ก็ทำให้ดูแลครอบครัวได้ดี และทำงานได้ดีด้วยเช่นกัน

สร้างชื่อจากการประชันกับทีมชาติ

 จากนั้นมา โอ บวร ก็เริ่มแข่งงานระดับประเทศที่ใหญ่ขึ้น ได้รับถ้วยพระราชทานในหลายงานแข่ง รวมถึงเขาใหญ่ ฮาล์ฟมาราธอน 2019 โอบวรชนะเลิศอันดับ 1 คว้าถ้วยพระราชทานสมเด็จพระราชินี "เป็นงานแข่งที่ภูมิใจที่สุด เพราะเป็นถ้วยพระราชทานครั้งแรก แล้วก็กลับมาเป็นแชมป์งานนี้ 2 ปีติดกัน"

 โอ บวร เล่าด้วยว่า ก่อนหน้านี้แม้เขาจะชนะและได้ถ้วยหลายครั้ง แต่การได้ถ้วยพระราชทานคือที่สุดในชีวิต "เมื่อก่อนวิ่งแถวบ้านก็ได้ถ้วยธรรมดา ไม่เคยได้ถ้วยพระราชทาน ตอนไปก็ไม่ได้หวัง เพราะทุกสนามมีเจ้าถิ่น เราก็ทำให้เต็มที่ ซ้อมได้ดีก็มั่นใจ ตอนนั้นก็เริ่มชอบการวิ่งฮาล์ฟ และรู้สึกว่าเรามาถูกทางแล้วกับการวิ่ง"

 เขาใหญ่นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่ความทะเยอทะยานที่มากขึ้นของเขา ทำให้ยังอยากวิ่งต่อไป และเริ่มท้าทายงานแข่งที่ยากขึ้น โดยปี 2019-2021 นับเป็นปีที่ โอ บวร สร้างชื่อให้กับตัวเองในทางการวิ่งได้มากที่สุดจากการชนะในหลายสนามใหญ่

 แต่อย่างไรก็ตาม การจะพูดว่าตัวเองประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ก็ต้องชนะคนที่เก่งกว่าให้ได้ก่อน นั่นอาจหมายถึงการชนะทีมชาติหรืออดีตทีมชาติ ซึ่งหากพูดถึงนักวิ่งทีมชาติไทยที่ดีที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทยก็จะต้องนึกถึง "บิ๊ก ณัฐวุฒิ และเบล ณัฐวัฒน์" คู่แฝดมหากาฬที่รักษามาตรฐานในการวิ่งของตัวเองได้สม่ำเสมอ

"บิ๊ก-เบล" มักจะได้อันดับ 1 และ 2 แทบทุกการแข่งขันใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะระยะ 10 กิโลเมตร ซึ่ง โอ บวร เองก็เคยได้สัมผัสกับทั้ง 2 คนมาแล้ว ที่งาน 10K Thailand Championship 2021 ซึ่งแข่งกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

สนามแข่งครั้งนั้น คือ การแข่งชิงแชมป์สนามสุดท้ายของงานวิ่ง 10K ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสนามหนึ่งของประเทศ มีนักวิ่ง 25 คนที่เร็วที่สุดจากรอบคัดตัว 4 ครั้งมารวมกัน ไม่ใช่แค่บิ๊กและเบล ยังมีตำนานอย่างบุญถึง ศรีสังข์ และเดี่ยว ปฏิการ เพชรศรีชา รวมถึงทีมชาติไทยชุดปัจจุบันอย่างอาทิตย์ โสดา และอดีตเยาวชนทีมชาติคือจาตุรนต์ เขื่อนแก้ว

การวิ่ง 25 รอบครึ่งในสนามที่ขลังที่สุดของประเทศวันนั้น โอ บวร สร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการวิ่งไล่หลังคู่แฝด บุญถึง และจาตุรนต์ เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 4 ในการแข่งขัน เป็นสถิติที่ดีที่สุดของโอด้วยเวลา 33.58 นาที และคนที่เขาเอาชนะได้ก็คืออาทิตย์ โสดา และอดีตทีมชาติอย่าง เดี่ยว ปฏิการ

"เป็นการแข่งหมื่นเมตรกับทีมชาติแบบจัดเต็มครั้งแรก ตื่นเต้นมากครับ วันนั้นเป็นวันชิงแชมป์ ที่รวมคนที่เร็วที่สุดของการแข่งครั้งก่อนหน้า เลยมีแต่คนเก่งๆ มารวมกัน ดีใจที่ชนะได้ ก็คือทำแบบเต็มที่" หลังผ่านงานแข่งครั้งนั้น โอ บวร ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ก็กลับไปซุ่มซ้อม พร้อมกับเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่ขึ้นอีก

เข้าสู่การแข่งระดับประเทศ

หลังจากโควิดคลี่คลาย การวิ่งได้กลับมาจัดแข่งปกติ โอ บวร มุ่งสู่การวิ่งฮาล์ฟมาราธอนอย่างเต็มตัว การแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ผ่านมา (ปี2565) ที่จังหวัดศรีสะเกษ เขาท้าทายตัวเองครั้งใหม่ เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุด ด้วยการลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน ในนามตัวแทนจังหวัดเชียงราย

"งานกีฬาแห่งชาติ แข่งฮาล์ฟครับ ได้เหรียญเงินกลับมา ดีใจครับ เตรียมตัวมาเต็มที่เพื่องานนี้ เพื่อการแข่งในนามตัวแทนเชียงรายครั้งแรก" แม้จะไม่ใช่ที่ 1 แต่ก็เป็นประสบการณ์การเป็นนักกีฬาจริงจังอีกขั้นหนึ่งของเขา และคนที่ชนะโอบวรในวันนั้นก็คือทีมชาติไทย สัญชัย นามเขต นั่นเอง

โอ บวร ยังเป็นตัวแทนจังหวัดเชียงรายแข่งขันกีฬาอาวุโสแห่งชาติ เสกักเกมส์ครั้งที่ผ่านมา ลงแข่งระยะ 800 และ 1500 เมตร เป็นอีกหนึ่งความท้ายทายใหม่เพราะการวิ่งระยะกลางจะใช้พลังต่างจากระยะไกล แต่เขาก็ทำผลงานได้ดีคว้า 2 เหรียญทองแดงกลับมา

5 ปีของการวิ่งโอบวรเริ่มต้นเพื่อลดน้ำหนัก และลดเรื่องการสังสรรค์ สุขภาพที่ดีขึ้นจากน้ำหนักตัวที่ลดลงและการลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือว่าบรรลุเป้าหมายแรกแล้ว ส่วนการชนะในการแข่งวิ่งในสนามแข่งขันเป็นกำไรที่โอบวรได้รับ

หลายคนที่ทราบเรื่องราวของเขานอกจากจะชื่นชมแล้ว ยังมีหลายคนที่หันมาวิ่งเพราะอยากเป็นเหมือนโอบวร "รู้สึกดี ที่เรากลายมาเป็นคนดังคนนึงในวงการวิ่ง (หัวเราะ) มีคนมาบอกว่าหันมาวิ่งตามผม มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ดีใจที่ทำให้คนหันมารักสุขภาพ เหมือนเรานี่ก็มาไกลมาก"

เป้าหมายต่อจากนี้ โอ บวร จะมุ่งไปที่การแข่งฮาล์ฟมาราธอน โดยปักหมุดไว้ที่สนามใหญ่อย่างบุรีรัมย์มาราธอน ตั้งเป้าทำสถิติใหม่ให้กับตัวเองที่สนามนี้ เพื่อสร้างแพสชั่นในการแข่งสนามอื่นๆ ต่อไป ซึ่งอาจรวมถึงการกลับไปล้างตาในการแข่งกีฬาระดับจังหวัดอีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook