จากดินสู่ดาว.. "แข้งกะเหรี่ยงในแดนผู้ดี"

จากดินสู่ดาว.. "แข้งกะเหรี่ยงในแดนผู้ดี"

จากดินสู่ดาว.. "แข้งกะเหรี่ยงในแดนผู้ดี"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าสโมสร “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมจาก ลีก วัน ของอังกฤษ ได้กลายเป็นที่สนใจของโลกฟุตบอลขึ้นมาทันทีที่พวกเขาเซ็นสัญญากับนักฟุตบอลวัย 18 ปีคนหนึ่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยนักฟุตบอลดาวรุ่งคนดังกล่าวมีนามว่า "เกลอ เฮห์"

หลายคนคงเลิ่กคิ้วด้วยความฉงนสงสัยว่า ไอ้หนูวัย 18 ปีที่ชื่อแปลกๆคนนี้มีความสำคัญอย่างไร ขนาดทำให้การเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ของเจ้าตัวกลายเป็นที่สนใจและถูกจับตาในโลกฟุตบอล

แต่ถ้าผมบอกว่า เกลอ เฮห์ ดาวเตะวัย 18 ปีที่ได้สัญญานักฟุตบอลอาชีพจาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เป็นชาวกะเหรี่ยง ซึ่งเกิดและเติบโตในค่ายผู้อพยพลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงอุ้มเปี่ยมของไทย เชื่อเหลือเกินว่าความฉงนสงสัยของหลายๆคนคงจะจืดจางหายไป แล้วแปรเปลี่ยนเป็นความสนใจถึงที่มาที่ไปของเจ้าหนูชาวกะเหรี่ยงวัย 18 ปีคนนี้แทน

ครับ ครอบครัวของ เกลอ เฮห์ นั้น เป็นชาวกะเหรี่ยงที่ถูกรัฐบาลเมียนมากดดันอย่างหนักในประเทศ จนทำให้ต้องอพยพลี้ภัยมายังประเทศไทย กระทั่งได้มาอยู่ที่ค่ายผู้อพยพลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงอุ้มเปี่ยม บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ที่จังหวัดตาก ซึ่งที่นี่เองที่เป็นถิ่นกำเนิดของ เกลอ เฮห์

แน่นอนว่าสภาพความเป็นอยู่ของ เกลอ เฮห์ และครอบครัว ไม่ได้สุขสบายมากนัก ถึงขั้นลำบากด้วยซ้ำ รวมทั้งพวกเขาไม่มีแม้กระทั่งสัญชาติที่ถูกต้องตามกฏหมายไม่ว่าจะเป็น เมียนมา หรือว่า ไทย ก็ตาม

ถึงแม้ เกลอ เฮห์ และครอบครัวต้องการที่จะเดินทางออกไปยังประเทศที่ 3 แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพวกเขาไม่มีพาสปอร์ต เพราะไม่ได้รับสัญชาติที่ถูกต้องตามกฎหมายนั่นเอง

กระทั่งในปี 2006 ขณะที่เจ้าตัวมีอายุ 10 ขวบ โอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของเจ้าหนูเชื้อสายกะเหรี่ยงก็มาถึง เมื่อได้รับการช่วยเหลือผ่านโปรแกรมของสหประชาชาติจนทำให้เขาและสมาชิกของครอบครัวอีก 5 คนได้ย้ายถิ่นฐานจากค่ายผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงอุ้มเปี่ยมมายังเมือง เชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ

ที่เมืองผู้ดีนี่เองดูเหมือน เกลอ เฮห์ จะได้ชีวิตใหม่ของเขา เมื่อเจ้าตัวเริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง ถึงขนาดได้เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน กระทั่งในวัย 14 ปี หนุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนของเขาให้ลองไปที่ Football Unites Racism Divides องค์กรการกุศลต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติในวงการลูกหนัง ซึ่งเป็นองค์กรที่เคยช่วยให้นักฟุตบอลอย่าง ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้มีเส้นทางในฐานะนักฟุตบอลอาชีพก้าวไปถึงการติดทีมชาติอังกฤษมาแล้ว

หนุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงทำผลงานได้ประทับใจองค์กรดังกล่าว และได้รับการช่วยเหลือให้เข้าไปอยู่กับทีมเยาวชนของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

ทว่าแม้จะได้เข้าสู่ทีมเยาวชนของ “ดาบคู่” เป็นที่เรียบร้อย แต่เส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเจ้าตัวก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างใด เกลอ เฮห์ ต้องดิ้นรนพัฒนาตัวเองอย่างหนักตลอด 4 ปีที่ผ่านมา และต้องผ่านด่านทดสอบฝีเท้ากับทีม “ดาบคู่” มาถึง 3 ครั้ง ก่อนจะได้สัญญานักฟุตบอลอาชีพในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของสโมสร และทำให้เจ้าตัวมีโอกาสที่จะสอดแทรกลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลที่จะถึงนี้

ครับ ทั้งหมดคือเรื่องราวของ เกลอ เฮห์ ดาวเตะวัย 18 ปีเชื้อสายกะเหรี่ยงที่กลายเป็นที่สนใจของโลกฟุตบอลเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหากจะมีคำจำกัดความสักคำถึงเรื่องราวชีวิตของหนุ่มน้อยผู้นี้ “จากดินสู่ดาว” ก็คงเป็นอะไรที่ดูจะเหมาะสมที่สุด

แต่แน่นอนครับว่าเส้นทางลูกหนังของดาวเตะวัย 18 ปีเชื้อสายกะเหรี่ยงผู้นี้ไม่ได้จบลงเพียงแค่นี้แน่ และเจ้าตัวก็มองถึงอนาคตของตัวเองเอาไว้แล้ว

“วันหนึ่งผมอยากลงเล่นในพรีเมียร์ลีก แต่ในตอนนี้ผมต้องทำให้ ไนเจล แอดกินส์ ผู้จัดการทีม และ คริส มอร์แกน โค้ชทีมอายุต่ำกว่า 21 ปี รู้สึกประทับใจ รวมทั้งตอบแทนสโมสรสำหรับความเชื่อมั่นในตัวผม

แต่ผมก็เป็นผู้เล่นที่มีความทะเยอทะยาน วันหนึ่งผมอยากจะเป็นกัปตันทีมชาติไม่ว่าจะเป็นไทยหรือเมียนมาและพัฒนาตัวเองจนก้าวไปเล่นในระดับที่สูงขึ้นกว่านี้ทั้งในระดับพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก”

นั่นคือวาจาของ เกลอ เฮห์ ที่เอื้อนเอ่ยถึงเป้าหมายในอนาคตเส้นทางการค้าแข้งของตัวเองกับผู้สื่อข่าว ภายหลังจากที่เจ้าตัวได้รับสัญญานักฟุตบอลอาชีพกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด


อย่างไรก็ตามแม้ชีวิตของ เกลอ เฮห์ จะแปรเปลี่ยน “จากดินสู่ดาว” ห่างไกลจากเด็กน้อยชาวกะเหรี่ยงในค่ายอพยพไปมากแล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยลืมเพื่อนพ้องน้องพี่ญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขาแต่อย่างใด

เมื่อเจ้าตัวยังคงห่วงหาและคิดถึงทุกๆคนทั้งที่เมียนมาและที่เมืองไทยอยู่เสมอ และหากมีเวลาว่าง เกลอ เฮห์ จะหาเวลาแวะกลับมาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องและเพื่อนๆที่ค่ายอพยพอุ้มเปี่ยมในเมืองไทย เหมือนอย่างที่เจ้าตัวเดินทางกลับมาในปี 2012

และที่สำคัญเจ้าตัวไม่เคยลืมสายเลือดของตัวเองและยังคงคิดอยู่เสมอว่าเขามีสายเลือดของชาวกะเหรี่ยงอยู่เต็มตัวดังที่เจ้าตัวได้เอื้อนเอ่ย

“ผมรู้ว่าผมกำลังต่อสู้ในฐานะตัวแทนของตัวผมเอง ครอบครัวของผม เพื่อนของผม และทุกๆคนทั้งในเมียนมาและเมืองไทย ผมต้องการที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกๆคน และเป็นสัญลักษณ์ให้ทุกคนรู้ว่ายังมีชีวิตที่ดีกว่าอยู่ภายนอกค่ายอพยพ”

น่าติดตามครับว่าชีวิตในอนาคตบนเส้นทางลูกหนังของ เกลอ เฮห์ ดาวเตะเชื้อสายกะเหรี่ยงวัย 18 ปีจะดำเนินต่อไปอย่างไร ซึ่งเราจะได้ติดตามไปพร้อมๆกันครับ

Boom

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook