นครปฐมโวยเชิร์ตดำมาตรฐานตัดสินบอลไทย

นครปฐมโวยเชิร์ตดำมาตรฐานตัดสินบอลไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายไชยา สะสมทรัพย์ ประธานสโมสรฟุตบอลนครปฐม เป็นประธานแถลงข่าว ชี้แจงเรื่องการตัดสินผิดพลาดของผู้ตัดสิน สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในการแข่งขันฟุตบอลเพลย์ออฟ เพื่อขึ้นไปเล่นฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2011 ในปีหน้า ระหว่าง"กูปรีอันตราย" ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี และ "หมูป่าเขี้ยวตัน" นครปฐม เอฟซี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านพักใน จ.นครปฐม

สำหรับการแข่งขันเพลย์ออฟ ครั้งนี้ เป็นการหาทีม เพื่อขึ้นไปเล่นในฟุตบอลไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก อีก 2 ทีม ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สาย สายละ 3 ทีม คัดเพียงทีมอันดับ 1 ทีมเดียว ขึ้นไปเล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า โดยสาย 1 แบงคอกยูไนเต็ด, สงขลาเอฟซี, ทหารบก สาย 2 นครปฐม เอฟซี, แอร์ฟอร์ซ, ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี

นายไชยา สะสมทรัพย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นในนัดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2553 ที่สนามกีฬากลาง วพ.ศรีสะเกษ โดยทีมนครปฐม เอฟซี ต้องออกไปเยือนคู่แข่ง ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี แต่เกิดปัญหาในนาทีที่ 11
จังหวะที่ อังเดร์ ฮูมาร์ ของนครปฐม ได้จ่ายบอลให้ นิรุตน์ คำสวัสดิ์ ยิงประตูจากระยะไกล ทำให้ผู้รักษาประตูของศรีสะเกษ รับบอลพลาด จน นาวิน จันทร์งาม วิ่งอ้อมกองหลัง เข้ามายิงซ้ำเข้าประตูไป แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ประตู โดยตัดสินว่า เป็นลูกล้ำหน้า ซึ่งค้านสายตาคนดูทั้งสนาม นัดนั้น ทางทีมนครปฐม ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ตัดสิน เช่น จังหวะที่ศรีสะเกษ ได้ประตูที่ 2 ก็เกิดจากการทุ่มฟุตบอลผิดจุด จนมาถึงนาทีที่ 62 นครปฐม ได้ฟรีคิก ระยะ 20 หลา
ทางขวามือของกรอบเขตโทษ และเป็น ธนากร ขำโฆมะ ได้เตะฟรีคิก เข้าไป แต่ไปติดตัวของ นาวิน จันทร์งาม และได้ อดิศักดิ์ คงอ่อน ยิงซ้ำ แต่กรรมการตัดสินว่า แฮนด์บอล และไลน์แมนยกว่า เป็นลูกล้ำหน้า

"ถ้าทีมนครปฐม แพ้ด้วยการตัดสินที่เป็นกลาง เราก็ยอมรับ แต่นี้เป็นการพ่ายแพ้จากการตัดสินผิดพลาด ของผู้ตัดสิน เกมนัดนั้นมี บดินธ์ บุญด้วยลาน เป็นผู้ตัดสิน และผู้ช่วยผู้ตัดสิน ธานิน รื่นจิต และ สุชาติ ขว้างมาลา ผู้อำนวยการแข่งขัน ณฐกร ฉิมพาลี พ.ต.อ.ชาญยุทธ พุทธาพิทักษ์ ผู้ควบคุมผู้ตัดสิน และ นายวิรัช ขันธชัย ผู้อำนวยการตัดสิน เพราะฉะนั้นการพ่ายแพ้ของทีมนครปฐมเป็นการพ่ายแพ้ต่อภัยพิบัติของชาติ

ทีมนครปฐม ทุกคนพยายามพัฒนาฟุตบอล รวมทั้งสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย ให้ก้าวหน้าไปสู่ความเป็นมืออาชีพ แต่สิ่งที่สมควรเปลี่ยนแปลง และพัฒนาเป็นอันดับแรกก็คือ บุคลากรผู้ตัดสินภายในสมาคมฟุตบอลฯ เอง ว่า
มีจิตสำนักต่อการทำหน้าที่การงานมากน้อยขนาดไหน เพราะการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในวันนั้น มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ ทำอย่างไรก็ได้ ไม่ให้ทีมนครปฐมได้ประตู และต้องแพ้กลับไปเท่านั้น ทำไมผมคิดแบบนี้น่ะเหรอ ถ้าดูการตัดสินของผู้ตัดสินในแมตช์นั้น ทุกคนก็ต้องคิดแบบผมทั้งนั้นแหละ"

"ในแมตช์เพลย์ออฟ ทีมนครปฐม ยังเหลืออีก 3 นัด ดังนี้ วันที่ 11 ธ.ค. เจอกับ แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ที่สนาม ม.เกษตรฯ กำแพงแสน วันที่ 18 ธ.ค.กลับไปเล่นที่สนามธูปะเตมีย์ ส่วนวันที่ 25 ธ.ค.เปิดบ้านเจอกับ ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ถ้าชนะทุกนัดทีมนครปฐม ก็มีสิทธิ์เข้ารอบ ซึ่งก็หวังไว้ว่าคงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ซึ่งถ้าผู้ตัดสินยังตัดสินผิดพลาด ผมก็คงจะต้องพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก เพื่อให้คนอื่นมาเป็นประธานสโมสรแทน เพราะผมเป็นโรคความดัน หลังจากเกิดเรื่องในนัดที่ผ่านมา ผมเครียดอย่างมาก"

"ผมอยากจะให้สมาคมฟุตบอลฯ ยกมาตรฐานการตัดสินของผู้ตัดสินเมืองไทย การที่แฟนคลับตีกัน เกิดขึ้นจากการตัดสินผิดพลาดของผู้ตัดสิน อย่างในนัดที่นักกีฬาโดนใบเหลือง ใบแดง หรือ นักกีฬา ทำผิดก็มีการทำโทษ ปรับ
เงิน แม้แต่แฟนคลับขว้างขวดลงมาในสนาม ก็โดนปรับเงิน แต่ผู้ตัดสินตัดสินผิดพลาด ไม่เห็นเคยทำโทษ อยากให้ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก พัฒนามาตรฐานตัวเอง ด้วยการลงโทษผู้ตัดสิน ควรจะตัดสินใจยกมาตรฐานของผู้ตัดสินเมืองไทยได้แล้ว ไม่ใช่ให้โดนด่าอยู่ทุกนัด"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook