สกู๊ป : การล่มสลายของ "บิ๊กโฟร์" (หรือไฟว์)...

สกู๊ป : การล่มสลายของ "บิ๊กโฟร์" (หรือไฟว์)...

สกู๊ป : การล่มสลายของ "บิ๊กโฟร์" (หรือไฟว์)...
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จำได้ว่า เคยเขียนเรื่อง “เตรียมพบซีซั่นใหม่ โหดที่สุด” หลังจบเกมนัดที่ 37 ไปแล้ว แต่ก็ให้บังเอิญว่า เจอบทความคล้ายๆกันในหนังสือพิมพ์ “ดิ อินดิเพนเดนท์” ที่เขียนหลังผมสัก 4-5 วันแต่ก็ถือว่ามีประเด็นน่าสนใจทีเดียว

เป็นงานของคุณ Mark Ogden นะครับในหัวข้อว่า Will the Premier League’s established order be restored next season?

หรือประมาณว่า “ทีมพรีเมียร์ลีกระดับสถาปนาตัวเองแล้วจะแย่งลำดับพื้นที่ (หัวตาราง) ของตัวเองกลับคืนมาได้หรือไม่?”

ว่าแล้วก็หยิบชื่อ อาร์เซนอล, เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล พร้อมกับตั้งคำถามเช่นกันว่า เลสเตอร์ ยังทำซ้ำประวัติศาสตร์ซีซั่นนี้ได้ไหม? ไว้ในส่วนโปรยของบทความ

ผมเองไม่ได้ติดใจอะไร และก็นั่งอ่านจนจบ เพราะก็ถือว่า “รวบรวม” และ “เรียบเรียง” ข้อมูลมาได้ดี

ทั้งนี้ มีสิ่งที่อาจไม่ได้สำคัญ และคนส่วนใหญ่คง “อ่านข้าม” ทว่ามันอาจจะเป็นแก่นที่สำคัญของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกยุคนี้คือการพูดถึง “อาร์เซนอล, เชลซี, แมนฯยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล” ในฐานะ The Premier League’s Established order หรือทีมพรีเมียร์ลีกที่สถาปนาตัวเอง และ “จับจอง” เป็นเจ้าของพื้นที่หัวตารางมาตลอด

คำ “หัวตาราง” ของผมก็คือ พื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ “ท็อป 4” จะล่วงมาอันดับ 5 ที่ได้สิทธิ์ไปยูโรป้า ลีก กับแชมป์เอฟเอ คัพ และแคปิตัล วัน คัพ ก็แทบจะไม่ได้แล้ว

แม้คำว่า “ท็อป 5” หรือ 5 อันดับแรก จะฟังดูไม่ขี้เหร่เลยก็ตาม

นอกจากชื่อ ปืน, สิงห์, ผี และหงส์ ในโปรยบทความแล้ว ภายในเนื้อหามีชื่อของ 6 ทีม : แมนฯ ซิตี้, อาร์เซนอล, เชลซี, สเปอร์ส, แมนฯ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล กับคำถามเดียวกันว่า จะแย่งพื้นที่หัวแถวคืนได้ไหม?

ประเด็นของผมอยู่ตรงนี้ครับ...

ในช่วงเวลาหลักของ “พรีเมียร์ลีก” นับจาก ค.ศ.1992 โดยเฉพาะหลังจากยุค โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์ เชลซี ค.ศ.2003 เราๆท่านๆจะติดหูกับคำว่า “บิ๊กโฟร์”

และลำดับขั้นตอนพูดก็จะเรียงว่า แมนฯ ยูฯ, ลิเวอร์พูล (หรือลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูฯ), อาร์เซนอล (เพราะ ค.ศ.2004 อาร์เซนอล ได้แชมป์แบบ “ไร้พ่าย” อันเป็นแชมป์ลีกสูงสุดหนสุดท้ายของพวกเค้า) และเชลซี

ก่อนที่ ชีค มันซูร์ จะเทคโอเวอร์แมนฯ ซิตี้ ต่อจากคุณทักษิณ ชินวัตร ใน ค.ศ.2008 และทำให้ซิตี้ กลายเป็นอีกทีมที่ประสบความสำเร็จได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยนับจากนั้น

ประเด็นคือ คำว่า “บิ๊กโฟร์” ได้ค่อยๆเลือนหายนับจากวันที่แมนฯ ซิตี้ ได้ “พลังทรัพย์” เข้ามาสร้างทีมอย่างถล่มทลายเมื่อ 8 ปีก่อนแล้วครับ

แม้ในอีกด้านจะมีความพยายามใช้คำว่า “บิ๊กไฟว์” แทนก็ตาม

และก็อาจจะบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ลิเวอร์พูล คือ ทีมที่ตกอันดับในตารางไม่ได้ติด “ท็อปโฟร์” และอาร์เซนอล แม้จะรักษามาตรฐาน แต่ก็ถือว่าลุ่มๆดอนๆ ไปไม่สุดเสียที

ความ “แข็งแกร่ง” ของคำว่า “บิ๊กโฟร์” จึงถูกบั่นทอน และละลายด้วยตัวเองนำโดยลิเวอร์พูล และอาร์เซนอล ก่อนที่ 3 ปีก่อน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะวางมือจากทีมปิศาจแดง

นั่นจึงกลายเป็นว่า หงส์, ปืน, ผี อ่อนแรงลง ขณะที่แมนฯ ซิตี้ มี “ธรรมชาติ” ไม่แน่นอนของนักเตะอยู่แล้ว ประมาณว่า ดีก็ดีใจหาย แต่จู่ๆจะแย่ก็ไม่เอาอะไรทั้งนั้น

เรียกว่า ความสม่ำเสมอไม่มี!

ทั้งหมดเดินทางมาถึง “จุดพีค” ในซีซั่นนี้ 2015/16 ที่ไม่ใช่แค่ หงส์, ปืน, ผี และซิตี้ ตามข้างต้น แต่ยังมี สิงห์ ของโจเซ่ มูรินโญ่ “ตกต่ำ” ยิ่งกว่าเสียอีก

ดังนั้นโดย “ภาพรวม” ซีซั่นนี้ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้แชมป์ไปแบบ “แต้มห่าง” อาจจะถึง 13 คะแนนเป็นสถิติใหม่ได้เลยหากพวกเค้าชนะแล้วสเปอร์สแพ้ในนัดสุดท้าย (ผมยังไม่ทราบผลขณะเขียน)

มันจึงมีที่มาที่ไปแบบค่อยๆชัดเจนอยู่แล้วว่า 5 ทีมพรีเมียร์ลีกระดับ The Premier League’s established order กำลัง “ขาลง” หรือฟอร์มตกพอดี

ขณะที่แนวทางใหม่ ปรัชญาใหม่ ของเคลาดิโอ รานิเอรี่, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่, สลาเวน บีลิช หรือโรนัลด์ คูมัน อาจเป็นสิ่งที่ “ถูกต้อง” กับสถานการณ์โลกฟุตบอลปัจจุบันมากกว่า

ฉะนั้น วันนี้ผมขออนุญาตทิ้งท้ายบทความพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015/16 ด้วยคำถามว่า “5 ทีมขาเก่าเจ้าประจำ : หงส์, ปืน, ผี, เรือ และสิงห์ จะทวงคืนพื้นที่จาก ขาใหม่ อย่าง จิ้งจอก, ไก่, ค้อน, นักบุญ ฯลฯ ได้ไหม?”

ไว้ซีซั่นหน้าคงได้มาตอบคำถามกันครับ...

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook