สกู๊ป : "ซาโก้ & ทีมชาติฝรั่งเศส" เหยื่ออธรรม?
ฟุตบอลยูโรกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าครับ ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่ช่วงเวลานี้เราจะได้เห็นข่าวคราวการเตรียมทีมที่เข้มข้นขึ้นตามลำดับ และหนึ่งในเรื่องที่ทุกคนจับตามองอย่างมากคือการประกาศรายชื่อ 23 ขุนพลที่จะลุยยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส ที่จะถึงเส้นตายภายในวันอังคารนี้
หนึ่งในทีมที่อยู่ในความสนใจมากย่อมหนีไม่พ้นทีม Les Bleus ฝรั่งเศส เจ้าภาพที่ถูกยกให้เป็นตัวเต็งครั้งนี้
เพียงแต่ประเด็นที่มีการพูดถึงกันอย่างมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมากลับไม่ใช่เรื่องของความพร้อมหรือโอกาส หากแต่เป็นคำถามว่า มามาดู ซาโก้ จะมีโอกาสได้กลับมาลงสนามรับใช้ทีมชาติในยูโรครั้งนี้หรือไม่ หลังจากที่พ้นมลทินในเรื่องคดีใช้สารกระตุ้นจากยาลดน้ำหนัก ซึ่งสุดท้าย “ยูฟ่า” ตัดสินใจไม่ขยายโทษแบนเบื้องต้น 30 วันออกไป และทำให้สามารถกลับมาลงสนามได้ทันที
ต่อเรื่องนี้ “เดเด้” ดิดิเย่ร์ เดชองป์ส สยบกระแสทันทีครับ ด้วยการยืนยันว่าเขาจะไม่เรียกปราการหลังจอมแกร่งรายนี้กลับมาติดทีมอย่างแน่นอน
เหตุผลของ “เลอ เซเลคซิยอนแนร์” นั้นชัดเจนครับว่าหากเขาตัดสินใจเรียกซาโก้กลับมา จะเป็นการไม่ให้เกียรติต่อลูกทีมที่เรียกตัวมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าทีมจะประสบปัญหาค่อนข้างมากเพราะ ราฟาเอล วาราน คู่กองหลังตัวจริงก็บาดเจ็บหนัก และล่าสุดเป็น เฌเรมี มาติเยอ ตัวประสบการณ์สูงที่บาดเจ็บไปอีกคนจนต้องเรียก ซามูแอล อุมติตี้ กองหลังจากโอลิมปิก ลียง ที่ไม่เคยได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติเลยมาติดทัพ
การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของ เดชองป์ส เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับ เพราะสิ่งที่เขาเลือกคือ “ความเป็นหนึ่งเดียว” ของทีม มากกว่าจะตัดสินใจเลือก “บุคคล” ที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีการ “เลือกปฏิบัติ”
ดังนั้นถึงทีมจะไม่แกร่งที่สุดก็ต้องรักษาบรรยากาศภายในทีมเอาไว้
ความจริงผมเองยังมองว่า ซาโก้ อาจจะได้รับการเรียกตัวกลับเข้าแคมป์ครับหาก เดชองป์ส ทราบเร็วกว่านี้ว่าเขาสามารถกลับมารับใช้ทีมได้ และมาติเยอ เจ็บช้ากว่านี้อีกสัก 1-2 วัน เพราะจังหวะที่กองหลังจากบาร์เซโลน่า เจ็บนั้นมาก่อนข่าวของซาโก้แค่ไม่นาน
เรียกว่างานนี้ไม่มี “วาสนา” อย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ดี นอกจากโทษฟ้าโทษฝนแล้ว บทเรียนที่วงการฟุตบอลจะได้จากเรื่องราวของเขาในครั้งนี้คือ มาตรการในการตรวจหาสารกระตุ้นที่จำเป็นจะต้องรัดกุมมากขึ้นหรือไม่? เพราะการตัดสินใจลงโทษแบนใน “เบื้องต้น” ของยูฟ่า 30 วันทำให้เขาพลาดโอกาสในการเล่นช่วงปลายฤดูกาลกับลิเวอร์พูล พลาดนัดชิงชนะเลิศยูโรป้า ลีก และพลาดโอกาสในการติดทีมชาติเล่นยูโร 2016 บนแผ่นดินเกิดของตัวเอง
ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ “อยุติธรรม” ขนาดนั้น แต่มันก็ไม่ได้ยุติธรรมอยู่ดี
โลกกีฬาเวลานี้กำลังไล่ต้อนนักกีฬาที่ “โกง” คนอื่นอย่างหนักหน่วง ดังจะเห็นได้จากกรณีของ มาเรีย ชาราโปว่า หรือเหล่านักกีฬารัสเซียที่ใช้สารกระตุ้นในโอลิมปิก ทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว และยังมีความพยายามตรวจสอบอย่างเคร่งครัด
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่จำเป็นต้องทำอย่างรัดกุมมากขึ้น
เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีกรณีอย่าง ซาโก้ คนที่ 2-3-4 ต่อไป
ซอยสามัคคี by ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)