สกู๊ป : สิงโตเน้นเกมรุก

สกู๊ป : สิงโตเน้นเกมรุก

สกู๊ป : สิงโตเน้นเกมรุก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พอจบศึก “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไฟนอล 2016” ไปเมื่อ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ความหมายตาม “นัยยะ” ของฟุตบอลยุโรปก็คือ จบเกมฟุตบอลระดับสโมสรอย่างเป็นทางการแล้ว

ยิ่งในเวลา “ไล่เลี่ย” กัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จบข่าว “3 ปี” เซ็นสัญญากับ โจเซ่ มูรินโญ่ เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

ไม่นับรวมในส่วนฟุตบอลอังกฤษที่ ฮัลล์ ซิตี้ กลายเป็นทีมที่ 3 เลื่อนชั้นขึ้นมาหลังเกมเพลย์ออฟในวันเสาร์ วันเดียวกับที่เราทราบผล เรอัล มาดริด ซิวแชมป์ยุโรปสมัยที่ 11 นั่นแหละครับ

ถัดจากนี้ไปก็ถึงคิว “ยูโร 2016” เต็มตัว โดยเฉพาะหน้าสื่อผู้ดีที่เตรียมรับสถานการณ์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเต็มตัวโดย “ปรับโทน” การนำเสนอค่อนข้างชัดเจนแล้ว

สำหรับ “ไฮไลต์” ของทีมชาติอังกฤษเองขณะนี้มี 2 ส่วน ณ จุดเย็นวันจันทร์ตามเวลาประเทศไทยที่ผมปั่นต้นฉบับอยู่

เบื้องต้น คือ กุนซือรอย ฮอดจ์สัน ได้ยกเลิกการแถลงข่าวตามธรรมเนียมตอนบ่าย 2 โมง หรือ 2 ทุ่ม เวลาบ้านเราที่ The Grove Hotel ย่านวัตฟอร์ด ตอนเหนือกรุงลอนดอน จากตอนแรกที่จะมีผู้เล่น 4 คน ร่วมเพรสคอนเฟอเรนซ์

เหตุผลไม่แน่ชัดนัก แต่คาดว่าแคมป์ผู้ดีต้องการควบคุมเมสเซจในการสื่อสารถึงแฟนๆ ทั่วโลก

เพราะหาไม่แล้ว ในเวลาก่อนประกาศรายชื่อ 23 คนสุดท้าย คำถามของสื่อคงหนีไม่พ้นการ “ถามถึง” คนอื่นๆ ประมาณว่า ถามแฮร์รี่ เคน เกี่ยวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด

ซึ่งก็จะไปกันใหญ่ และอาจก่อให้เกิด “กระแส” หรือประเด็นที่ไม่ต้องการได้ในวันที่ยังไม่ได้ขุนพลชุด “ไฟนอล” ส่งให้กับ “ยูฟ่า”

โดยประเด็นรายชื่อ 23 คนสุดท้าย คือ อีกหัวข้อหนึ่งที่ทุกคน “จับตามอง” และฮอดจ์สัน มีงานต้องหั่นผู้เล่นจากตอนนี้ 25 คน ให้เหลือ 23 คน จากเดิม 26 คน ทว่า ฟาเบียน เดลฟ์ มิดฟิลด์แมนฯซิตี้ ขอถอนตัวไปก่อน

 “ปู่รอย” จะมีเวลาถึงเที่ยงคืน หรือ 6 โมงเช้าไทย เพื่อจะส่งชื่อ 23 คนสุดท้าย ให้ “ยูฟ่า” แต่คาดการณ์ว่า คงไม่ต้องรอถึงเดดไลน์ เพราะลึกๆ แล้ว “คำตอบในใจ” น่าจะมีอยู่แล้ว

แต่จะตรงใจไม่ตรงใจใครก็อีกเรื่องหนึ่ง

ทว่าที่แน่ๆ คือ จะ “โดนใจ” ทุกคนก็คงเป็นไปไม่ได้นะครับ

ทั้งนี้ หลังเดลฟ์ถอนตัวไปเพราะอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ งานตัดตัวจากเดิม 3 คนเหลือ 2 คน ฟังดูง่ายขึ้นมาหน่อย ทว่าก็ยังยากอยู่ดีครับ

เฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาที่ “ปู่รอย” กำลังตกอยู่ในสถานการณ์รักพี่เสียดายน้อง

พร้อมๆ ต้องวิเคราะห์สถานการณ์ตัวผู้เล่น เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนความสมบูรณ์ของนักเตะให้ดี ซึ่งผมหมายถึง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ นั่นแหละครับ

ก่อนหน้านี้ หัวหอกลิเวอร์พูล ซ้อมไม่ได้เลยกระทั่งวันจันทร์ที่มีภาพข่าว และรายงานเข้ามาว่า สเตอร์ริดจ์ ซ้อมได้แล้ว

มิฉะนั้น มันจะง่ายมากที่กุนซือวัย 68 ปี จะตัดชื่อสเตอร์ริดจ์ออกไปโดยไม่ต้องคิดมาก

ครั้นพอซ้อมได้ และหัวหอกระดับมี “ดีกรี” พ่วงด้วยประสบการณ์ โจทย์จึงยากมากว่า ฮอดจ์สันจะตัดชื่อดาวเตะเท้าซ้ายที่เพิ่งปั่นเข้าประตูเซบีญ่า ในยูโรป้า ลีก นัดชิงชนะเลิศได้อย่างไร

เช่นกัน กับการประเดิมสนามในนามทีมชาติ และยิงประตูแรกได้ทันทีตั้งแต่นาทีที่ 3 กับออสเตรเลียก็ทำให้ชื่อของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวเตะวัย 18 ปี กลายเป็นชื่อที่ “มหาชน” อยากให้ร่วมทัพเดินทางไปฝรั่งเศสด้วย

เวนย์ รูนี่ย์, แฮร์รี่ เคน, เจมี่ วาร์ดี้, แดเนียล สเตอร์ริดจ์ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด จึงน่าจะเป็น 5 หัวหอก ให้ได้สลับใช้ในทุกระบบได้ ไม่ว่าจะกองหน้า 3 คน แบบ 4-3-3 หรืออื่นๆ เช่น 4-2-3-1, 4-1-3-2 ที่ “คาแร็กเตอร์” แต่ละคนไม่เหมือนกัน (ไม่ได้รวม ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ในโควตานี้)

การนำไปทั้งหมดน่าจะ “ตอบโจทย์” และมีความจำเป็น

ซึ่งนั่นหมายความหมายว่า ฮอดจ์สัน ต้องไปหั่น แดนนี่ ดริ๊งค์วอเตอร์ ในส่วนมิดฟิลด์ตัวรับ, รอสส์ บาร์คลี่ย์ ในส่วนมิดฟิลด์ตัวรุก หรือหน้าต่ำ หรือ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ที่ฟอร์มดีขึ้นมากับนิวคาสเซิล และสามารถทะลุทะลวงทางกราบได้ดี

ส่วนตัวผมอาจมองต่างจากคนอื่น เพราะผมอยากได้ ทาวน์เซนด์ ที่เล่นได้ดีจนมีส่วนสำคัญให้อังกฤษได้ไป “บอลโลก 2014” แต่ดันเจ็บเสียก่อน

และเป็นตัวที่มี “สปีด” อันตรายในรูปแบบเพิ่ม “อาวุธ” หลากหลายให้ทีมสิงโตคำราม

ต่างจาก ดริ๊งค์วอเตอร์ ที่หลายคนแทนที่ได้ หรือ บาร์คลี่ย์ ที่ฟอร์มดร็อปลงไป (รูนี่ย์ ก็ยืนกลางแทนได้สมบูรณ์แบบในตอนนี้)

สรุปผมขอเลือก มาร์คัส แรชฟอร์ด ร่วมเดินทางเป็น 1 หัวหอก ทีมชาติชุดนี้อย่างที่แอบเชียร์มาตลอดครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook