เช็คฟอร์มเบลเยียมยุค 'มาร์ติเนซ' : "5 บทเรียนจากนัดเปิดหัว"

เช็คฟอร์มเบลเยียมยุค 'มาร์ติเนซ' : "5 บทเรียนจากนัดเปิดหัว"

เช็คฟอร์มเบลเยียมยุค 'มาร์ติเนซ' : "5 บทเรียนจากนัดเปิดหัว"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประเดิมแมตช์แรกชนิดเละไม่เป็นท่าสำหรับชีวิตใหม่ของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กับทีมชาติเบลเยี่ยม ที่เปิดรังโดน สเปน สอยคาถิ่น 0-2

ตลอดทั้งเกมเป็น "กระทิงดุ" ที่ครองบอลพร้อมโหมกระหน่ำก่อนจะเล่นงานเจ้าถิ่นซะไม่กระดิกชนิดไปไม่เป็น อย่างไรก็ดีบนความเหนือชั้นของ สเปนที่ถลุง เบลเยี่ยม ราบคาบ, บนสไตล์การเล่นที่ไม่เอาอ่าวพร้อมถูกแฟนบอลโห่ไล่สาปส่ง หลายคนคงลืมไปว่า

นี่เป็นเพียงแค่ "เกมแรก" ของทีมชาติเบลเยี่ยมยุคใหม่!

ครับ นี่ก็แค่แมตช์แรกของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ในนามทีมชาติเท่านั้น "กรุงโรมไม่ได้สร้างวันเดียว" ฉันใด ทีมชาติเบลเยี่ยมก็ไม่มีทางก้าวหน้าขึ้นในพริบตาเท่านั้น ยังมีเวลาอีกมากที่พวกเขาจะซักซ้อมก่อนจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้ไม่ยาก

ด้วยทรัพยากรที่สุดพร้อม บวกกับรูปร่างนักเตะที่สูงใหญ่เป็นทุนเดิม ทำให้หากกุนซือชาวสเปนจูนเครื่องติดเมื่อไหร่ ผู้เล่นของ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ก็พร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างไม่ต้องสงสัย

กระนั้น บนอนาคตอันอีกยาวไกล ในเกมล่าสุดที่เพิ่งจะผ่านพ้นก็ยังมีบทเรียนสอนใจที่ มาร์ติเนซ และลูกทีมต้องจดจำ พวกเขาจำต้องนำข้อบกพร่องนี้ไปพัฒนาหากไม่อยากซ้ำรอยเดิม..

และนี่ก็คือ "5 บทเรียนสอนใจ" หลังแมตช์กับสเปน!

1.หาคู่เซนเตอร์ในดวงใจให้เจอ


ในเกมล่าสุดที่พบกับ สเปน อดีตกุนซือเอฟเวอร์ตันจับ โทบี้ อัลเดอร์เวเรลด์ และ แยน แฟร์ต็องเก้น สองแข้งจาก สเปอร์ส จับคู่กันในแดนหลัง มองผิวเผินเหมือนจะเป็นเรื่องที่เวิร์ค กระนั้นในเกมล่าสุดกลับกลายเป็นว่า ยังมีบางจุดที่ดูไม่ลงตัว

ไม่มีข้อสงสัยในความสามารถของสองแข้งรายนี้ เนื่องจากเคยประสานงานกันมาหลายครั้งอยู่แล้วในช่วงเวลาที่รัง "ไก่เดือยทอง" ทว่าในทีมชาติทุกอย่างนั้นแตกต่าง มาร์ติเนซ ยังคงมีอีกหนึ่งแข้งให้ใช้งานนั่นก็คือ แว็งซ็องต์ ก็อมปานี ที่เปรียบดั่ง "หัวใจหลัก" คนสำคัญ

สมัยยุค มาร์ค วิลม็อตส์ อดีตกุนซือรายนี้เลือกใช้ โทบี้ อัลเดอร์เวเรลด์ และ กอมปานี จับคู่กัน ในตอนนี้ กัปตันทีม แมนฯ ซิตี้ ยังคงบาดเจ็บอยู่ และไม่สามารถลงสนามได้

ทว่าเมื่อหายเจ็บกลับมาก็คงเป็นปัญหาให้ มาร์ติเนซ ต้องขบคิดกันแล้วล่ะว่า จะเอา "กอมปานี" ผู้นี้ไปไว้ตรงไหน หรือจะยังไว้ใจกับคู่เซนเตอร์จาก สเปอร์ส เช่นเดิม

2.ลูกากูผู้น้องไม่ต่างกับบ่อ

หลังเป็นตัวรั่วประจำทีมในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2016 ผ่านไปถึงวันนี้ จอร์แดน ลูกากู ยังคงเป็นตัวรั่วประจำทีมไม่ต่างกับบ่อ ประหนึ่งพ่อพระที่ปล่อยให้บรรดาคู่แข่งสามารถผ่านได้หมด

แม้จะมีความเร็วเป็นทุนเดิมแต่ในเรื่องเซ้นส์เกมรับแล้ว ลูกากู ผู้น้อง กลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นนี่คืออีกหนึ่งจุดที่น่าพะวงสำหรับ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ชุดนี้

ถือเป็นโจทย์ที่สัมพันธ์กับในข้อแรกว่า ถ้า กอมปานี กลับมาแล้วยอดกัปตันรายนี้จะไปอยู่ตรงไหน แล้วหากเลือกวาง กอมปานี ไว้ตำแหน่งเซนเตอร์ มาร์ติเนซ จะโยกเอา แฟร์ต็องเก้น หรือ อัลเดอร์เวเรลด์ คนใดคนหนึ่งมาเล่นแบ็คซ้ายด้วยหรือไม่ ฤาจะปล่อยให้ ลูกากู ผู้น้องยืนโดดเดี่ยวอยู่แบบนั้น!?

3.โอริกี้ หรือ ลูกากูผู้พี่!?

ในเกมล่าสุดที่พ่ายสเปน โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ทำให้แฟนบอลหลายคนต้องเซอร์ไพร์สหลังจัดการส่ง ดิว็อค โอริกี้ ไว้เป็นตัวจริงพร้อมดร็อป โรเมลู ลูกากู ลูกน้องเก่ารวมถึง มิตชี่ บัตชูอายี่ ไว้ที่ข้างสนาม

ถือเป็นประเด็นร้อนที่น่าสนใจ เพราะก่อนหน้านี้สมัยที่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ คุม เอฟเวอร์ตัน นั้น ช่วงปลายอาชีพก่อนโดนปลด กุนซือชาวสเปนเคยมีปัญหากับ ลูกากู มาแล้ว และการดร็อปในครั้งนี้ก็นำมาสู่เครื่องหมายที่ตามมาว่า ตกลงแล้วนี่เป็นเรื่องแท็คติก หรือว่าปัญหาส่วนตัว!?

เกมที่ผ่านมา ฟอร์มของ โอริกี้ นั้นสอบตกอย่างชัดเจนกับตำแหน่งหัวหอกเบอร์ 9 น่าสนใจว่าในเกมหน้ากับ ไซปรัส มาร์ติเนซจะเลือกมาไม้ไหน ยืนกรานใช้ โอริกี้ ตามเดิมเผื่อจะเวิร์ค หรือจะหันไปจูบปากกับลูกน้องเก่า

4.จูนระบบเข้าที่โดยไว

แม้จะขึ้นชื่อเรื่องสไตล์การเล่นอันสวยหรู และเท้าสู่เท้า แต่ในแมตช์เปิดตัว มาร์ติเนซ กลับยังไม่มีเค้าโครงนั้นเลย และทำเอาแฟนบอลโห่ระนาวไปกับรูปเกมที่สุดน่าเบื่อ

ราวกับผู้เล่นของทีมแม้จะอยู่บนสนามแต่กลับไม่รู้ว่าหน้าที่ของตนเองที่แท้จริงคืออะไร แบ็คทั้งสองข้างต่างยืนห่างจากตำแหน่งอื่นมากเกิน และออกไปทางริมเส้นมากไป, สองคู่เซนเตอร์ดันขึ้นสูงจนสุดท้ายถูกเจาะ และโดนลงโทษ เช่นเดียวกับแดนกลางที่ต่อบอลทว่ารูปเกมกลับไม่ไปไหน

เข้าใจว่า นี่คือเกมแรกแต่หากต้องการเรียกความมั่นใจให้ตนเอง และเพื่อนร่วมทีม มาร์ติเนซ ต้องรีบซึมซับปรัชญาของตนให้เข้ากับผู้เล่นโดยไว

5.เพิ่มความเกรี้ยวกราด

แมตช์เปิดหัวของ มาร์ติเนซ นักเตะดูจะเหงาหงอยพร้อมกับออกลูกเนือยมากไปหน่อย ซึ่งผิดกับขีดจำกัดที่พึงจะมีของทีม

ด้วยสรีระของความเป็น "เบลเจี้ยน" เป็นทุนเดิม ผู้เล่นแต่ละคนต่างมีรูปร่างที่สูงใหญ่, แข็งแกร่ง และหน่วยก้านดี ทุกอย่างพร้อมสำหรับการเข้าปะทะ หากแต่แมตช์ที่ผ่านมากลับไม่งัดประโยชน์ตรงนี้มาต่อกรกับ สเปน ที่หน่วยก้านเป็นรองแบบเห็นๆ

ดังนั้นในเกมหน้า หรือแมตช์ต่อๆไป เบลเยี่ยมควรใช้ความได้เปรียบจากส่วนสูง และสภาพร่างกายออกลูกหนักใส่คู่แข่งบ้างเพื่อเพิ่มความดุดัน และสร้างความน่าเกรงขามให้กับทีม

มาสเตอร์ ริท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook