มันสะใจไหมน้อง

มันสะใจไหมน้อง

มันสะใจไหมน้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กองเชียร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้คงสะใจเป็นพิเศษกับการบุกไปถล่มแบล็คเบิร์น 4-0 ที่อีวู้ด ปาร์คในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด

ไม่ใช่แค่เพราะทีมได้ไล่บี้จ่าฝูงกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแบบหายใจรดต้นคอต่อไป จนแชมป์เก่าหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะช่องว่างของผลต่างประตูได้เสียระหว่างทั้งสองทีมเริ่มกระชั้นขึ้นมาเหลือแค่ลูกเดียวแล้ว

และไม่ใช่แค่เพราะคู่ปรับอย่างปิศาจแดงยังควานหาฟอร์มผีเด็กเข้าลูกกรอกคะนองสิงแบบช่วงต้นฤดูกาลไม่เจอ จนต้องลุ้นเหนื่อยกว่าจะชนะนอริชไปแบบไม่น่าประทับใจ 2-0 เท่านั้น

แต่เครื่องปรุงพิเศษที่ทำให้ชัยชนะนัดนี้หอมหวานยิ่งขึ้นคือการที่มันเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์ที่เรือใบสีฟ้าเพิ่งฝ่ามรสุมระลอกเล็กๆ มาจากการแพ้เป็นนัดแรกในฤดูกาลต่อบาเยิร์น มิวนิค 0-2 ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกช่วงกลางสัปดาห์ และการต้องเผชิญกับคลื่นใต้น้ำที่ชื่อว่าคาร์ลอส เตเบซ

การออกไปพ่ายเสือใต้แทบจะไม่ใช่ประเด็นไปเลย เมื่อหนึ่งเหตุการณ์ที่อัลลิอันซ์ อารีน่าในคืนวันนั้นดึงดูดความสนใจทั้งหมดไป หลังจากกัปตันทีมของฤดูกาลก่อนผู้พ่วงด้วยตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดร่วมของพรีเมียร์ลีกทำหูทวนลมต่อคำสั่งของโรแบร์โต้ มันชินี่ที่ให้ออกไปวอร์มเพื่อลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนเอดิน เชโก้

ซึ่งตอนหลังก็ออกฤทธิ์ด้วยเหมือนกัน ด้วยการโวยวายไม่พอใจและขว้างรองเท้าทิ้ง เพราะฉุนที่โดนเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 55 ของเกมหลังจากทีมตามหลังอยู่แล้ว 2 ลูกในครึ่งแรก

ภาพที่เกิดขึ้นชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ในช่วงปรีซีซั่นที่สหรัฐฯ ในเกมอุ่นเครื่องระหว่างแมนฯ ซิตี้กับแอลเอ กาแล็กซี่ เมื่อมาริโอ บาโลเตลลี่ได้บอลหลุดเดี่ยว แต่ดันโชว์เหนือกลับตัวตอกส้นทำของง่ายให้เป็นของยาก แถมยังแป้กยิงไม่เข้าอีก ผลที่ตามมาคือเขาโดนมันชินี่ถอดออกจากสนามทันทีในอีกไม่กี่นาทีหลังจากนั้น

บาโลเตลลี่ทำเป็นงงเดินออกสนามมาเถียงฉอดๆ ว่าเปลี่ยนตัวไอทำไม และยังทำเมินไม่รับฟังการอบรมจากกุนซือของทีมที่ออกอาการอิดหนาระอาใจกับพฤติกรรมน่าตบเกรียนแตกของหัวหอกวัย 20 ปี ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่ก่อปัญหาให้ต้องปวดหัว

ผลที่ตามมาคือฤดูกาลนี้บาโลเตลลี่ต้องลดบทบาทไปเป็นตัวสำรองอย่างเต็มตัว หลังการย้ายมาร่วมทีมของเซร์คิโอ อาเกโร่ ดาวยิงค่าตัวแพงชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งโชว์ฟอร์มได้สมราคาและยังไม่มีทีท่าว่าจะก่อปัญหาอะไรให้ต้องหนักใจอีก

เตเบซก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับบาโลเตลลี่ แถมยังเลวร้ายยิ่งกว่าเพราะเขาคือตัวเลือกอันดับหนึ่งในแนวรุกนับตั้งแต่ย้ายมาจากแมนฯ ยูไนเต็ด และทำประตูให้ทีมได้อย่างเป็นกอบเป็นกำตลอด 2 ฤดูกาลแรกกับทีม แต่ต้องกลายมาเป็นตัวเลือกอันดับท้ายๆ ในปีนี้ ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงก็เป็นผลพวงมาจากการกระทำของเขาเองทั้งสิ้น

หัวหอกวัย 27 ปีเริ่มออกลูกงอแงมาตั้งแต่ครึ่งปลายปีที่แล้ว เมื่อประกาศว่าอยากย้ายทีม โดยให้เหตุผลว่าต้องการกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวที่ไม่แฮปปี้กับชีวิตในอังกฤษ และเขาก็แสดงทัศนคติในทำนองนี้อย่างโจ่งแจ้งและเปิดเผยมาตลอด

หลังทำท่าว่าจะย้ายทีมแน่ๆ ในช่วงปิดซีซั่น แต่จนแล้วจนรอดก็ขายไม่ออก ไม่ว่าจะด้วยปัญหาเรื่องค่าตัว ค่าเหนื่อย หรือพฤติกรรมก็แล้วแต่

แต่นั่นก็ทำให้อนาคตของเขาในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยมไม่สดใสเหมือนเดิมอีกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยเร่งที่ชื่อว่ากุน ซึ่งเข้ามาทำให้มันชินี่และแฟนบอลมั่นใจได้ว่าเรือใบยังแล่นฉิวได้แม้ไม่มีเตเบซ

เชโก้เป็นอีกคนที่ทำให้แมนฯ ซิตี้โล่งใจได้มากขึ้นกับการจะไม่มีเตเบซในแนวรุก เมื่อหัวหอกทีมชาติบอสเนียที่แป้กในการย้ายทีมมาเมื่อครึ่งหลังของฤดูกาลก่อน เรียกฟอร์มเก่งออกมาได้ในซีซั่นนี้จากการลงเล่นเป็นตัวหลักในแนวรุกคู่กับกุน

และทั้งคู่ก็ช่วยกันทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ก่อนที่เขาจะเริ่มมีแผ่วให้เห็นบ้างแล้ว จนโดนเปลี่ยนตัวออกในต้นครึ่งหลังใน 2 นัดหลังสุด

การออกอาการปรี๊ดแตกของเชโก้ในเกมกับบาเยิร์น ทำให้เขาถูกดร็อปออกจากทีมไปในเกมกับแบล็คเบิร์น แม้จะมองในแง่ของการโรเตชั่นก็ได้ แต่นัยยะที่แท้จริงคืออะไรคงเป็นที่เข้าใจกันดี ว่านี่คือการสั่งสอนจากมันชินี่ที่มอบให้ เหมือนกับที่เขาเคยดัดนิสัยของบาโลเตลลี่มาแล้ว และก็ดูเหมือนจะได้ผลดีซะด้วย

เมื่อมือเกรียนอันดับหนึ่งสงบเสงี่ยมลงไปได้เยอะ แถมยังทำผลงานได้ดีเมื่อถูกส่งลงสนาม ด้วยการซัดไปแล้ว 3 ประตูจากการลงเตะ 5 นัดในฤดูกาลนี้ ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งในนั้นคือการลงเล่นในฐานะตัวสำรอง

แต่สำหรับพฤติกรรมของเตเบซแล้วคงเกินกว่าจะเยียวยาได้ ทำให้กุนซือชาวอิตาเลี่ยนประกาศตัดหางเด็ดขาด ด้วยการยืนยันว่าเขาจะไม่ได้ลงเล่นในทีมอีกตราบใดที่คนชื่อมันชินี่ยังเป็นผู้จัดการทีมอยู่ ที่เหลือให้เป็นหน้าที่สโมสรตัดสินใจ

บอร์ดอาบูดาบีของแมนฯ ซิตี้ที่โดนโยนลูกมาให้แบบนี้ก็ยังมีทีท่าสนับสนุนกุนซือของทีมอยู่ ด้วยการสั่งพักการเล่นของเตเบซ 2 อาทิตย์เพื่อดำเนินการสอบสวน แม้ว่าจะยังไม่ได้ลงโทษถึงขั้นปรับค่าเหนื่อยที่เขาได้รับอยู่อาทิตย์ละ 230,000 ปอนด์ด้วยก็ตาม

ขณะที่คนในแวดวงลูกหนังอังกฤษต่างก็ออกมาชูจั๊กกะแร้สนับสนุนการตัดสินใจของมันชินี่กันอย่างพร้อมเพรียง บางคนถึงกับออกปากว่าเตเบซคือตัวบ่อนทำลายวงการฟุตบอลเมืองผู้ดี ยิ่งย้ายไปเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

เพราะนับตั้งแต่เขาย้ายจากโครินเธี่ยนส์มาร่วมทีมเวสต์แฮมเมื่อปี 2006 ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาออกอาการดื้อแพ่งเพราะอยากย้ายทีมหรือเรียกร้องค่าเหนื่อย ซึ่งเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือขรัวเฒ่าของแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นคนหนึ่งที่รู้ซึ้งดี

ไม่มีใครรู้ว่าเตเบซคิดอะไรที่กล้าเมินเฉยต่อคำว่ามืออาชีพ ด้วยการไม่ไยดีต่อคำสั่งของโค้ชที่ให้ลงเล่น โดยมีพวกอยากรู้อยากเห็นถึงกับให้ผู้เชี่ยวชาญมาอ่านปากของเขาระหว่างบทสนทนาที่ข้างสนาม ซึ่งเขาพูดกับสตาฟฟ์ของทีมที่เดินมาขอร้องให้ลงเล่นว่า “ไม่ อย่ามายุ่งกับผม ผมบอกว่าไม่ไง” ขณะที่อีกหนึ่งไดอาล็อกซ์เขาพูดว่า “แล้วไง ก็ผมไม่เล่นอ่ะ”

หลังจากนั้นเขาได้ซุบซิบกับปาโบล ซาบาเลต้า กองหลังเพื่อนร่วมชาติชาวอาร์เจนตินา ที่นั่งอยู่ติดกันบนม้านั่งสำรอง โดยบอกว่า “นายเข้าใจที่ฉันบอกใช่มั้ย” ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเขากำลังพูดถึงฟอร์มการเล่นของทีม หรือหาพวกสนับสนุนการกระทำของตัวเอง

แมนฯ ซิตี้ลงเตะเมื่อวันเสาร์ด้วยการส่งบาโลเตลลี่ลงไปเล่นในแนวรุกคู่กับอาเกโร่ และหลังจากฟอร์มฝืดในครึ่งแรก แถมยังเสียหัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินาไปเพราะเจ็บโคนขาหนีบตั้งแต่เกมยังไม่ครบครึ่งชั่วโมง และคาดว่าต้องพักราว 2 อาทิตย์ เรือใบสีฟ้าก็เร่งเครื่องทำ 4 ประตูรวดในครึ่งหลัง โดยหนึ่งในนั้นเป็นผลงานของบาโลเตลลี่

เตเบซอาจจะสะใจกับการตัดสินใจของตัวเองที่ทำให้มันชินี่ต้องหน้าแตกได้เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาอาจจะกำลังคิดว่าควรทำแบบนั้นหรือเปล่าก็ได้

เพราะถึงแม้จะยังได้รับค่าเหนื่อยก้อนมหาศาลไปเรื่อยๆ อย่างน้อยอีก 3 เดือนจนกว่าจะถึงการเปิดตลาดนักเตะหน้าหนาว แต่ด้วยอีโก้ที่มหึมาพอๆ กับค่าตัว มันก็คงทำให้เขาไม่มีความสุขมากนัก กับการกลายเป็นนักเตะที่ทีมไม่เอา

กองเชียร์แมนฯ ซิตี้ในอีวู้ด ปาร์คชูป้าย “เตเบซออกไป” ในสนาม และตะโกนเรียกชื่อมันชินี่บ่อยครั้งอย่างจงใจ เป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าครั้งนี้พวกเขาเลือกจะอยู่ฝ่ายไหน และชัยชนะนัดนี้คงทำให้ครึ่งสีฟ้าของเมืองแมนเชสเตอร์ได้สะใจกันเป็นพิเศษ

ขณะที่อีกครึ่งสีแดงของเมืองแมนเชสเตอร์ก็ได้สะใจกับเขาเหมือนกัน เมื่อได้ขึ้นป้ายบิลบอร์ดกลางเมืองแบบเดียวกับที่เรือใบสีฟ้าเคยทำตอนเตเบซย้ายไป โดยคำว่า Welcome To Manchester ยังคงอยู่

เพียงแต่เปลี่ยนภาพจากเตเบซกำลังเฮกลายเป็นนั่งจ่อมอยู่ข้างสนาม และเพิ่มคำว่า Carlos ลงไป เหมือนจะบอกให้รู้ว่ายินดีด้วยที่ได้เจอกับเตเบซตัวจริงเสียงจริงซักที

เหมือนกับที่แฟนผีแดงเคยเจอมาแล้วนั่นเอง

เรื่องโดย "เบบี้ แบร์"

ขอบคุณคอลัมน์ ฟุตบอลผู้ดี นสพ.กีฬาฮอตสกอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook