Mission Impossible

Mission Impossible

Mission Impossible
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การจับสลากแชมเปี้ยนส์ลีก ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ได้ฤกษ์มาหวดกันในสัปดาห์นี้

ท่านผู้อ่าน “ฮอตสกอร์” คงจะได้รับทราบผลการดวลแข้งของสองเกมแรกไปแล้ว ผมตัดสินใจไม่เขียนถึงคู่เมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะตั้งใจจะมาโฟกัสที่คู่วันพุธนี้

โดยเฉพาะเกมระหว่าง เอซี มิลาน กับ บาร์เซโลน่า

ตอนแรกคู่นี้จับสลากได้มาดวลกันไปแล้วในปีนี้ แต่ความหมายในรอบแบ่งกลุ่มนั้น มันน้อยกว่าเกมน็อกเอาต์แบบคนละเรื่อง

ก่อนหน้านี้ เกมฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก หรือ ยูโรเปี้ยน คัพ ถือว่าหาดูได้ยากมากๆ แน่นอนว่า ย้อนเวลากลับไป คู่นี้ที่เจอกันในนัดชิงชนะเลิศ เมื่อปี 1994

ถือว่าเป็นเกมที่คลาสสิกสุดยอดของแท้

ตอนนั้น มิลาน ชอบใส่เสื้อสีขาวลงแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ จะด้วยเหตุผลเรื่องความเชื่อ หรือว่าจับสลากแพ้ก็ตาม แต่ว่ากันตามเชิง จากตัวผู้เล่นก่อนเกมในวันนั้น

ยังไง มิลาน ก็ต้องแพ้

การที่ทีมต้องมาขาดนักเตะในแนวรับแทบจะยกแผง ฟรังโก้ บาเรซี่ ยอดแนวรับกัปตันทีมที่ติดโทษแบน พร้อมกับพาร์ตเนอร์ที่รักในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ อย่าง อเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า

ขณะที่ “เพชฌฆาตพรายกระซิบ” มาร์โก้ ฟาน บาสเท่น บาดเจ็บ แถมนักเตะที่แพงที่สุดในโลกตอนนั้นอย่าง จิอันลุยจิ เลนตินี่ ก็บาดเจ็บ

ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้น เลนตินี่ น่าจะยังไม่รถชน ทำให้เขาเจ็บหนัก แม้จะกลับมาเล่นได้ก็ไม่ได้ดีเหมือนเคย

ทำให้เกมรับ เมาโร่ ทัสซ็อตตี้, ฟิลิปโป้ กัลลี่, เปาโล มัลดินี่ และคริสเตียน ปานุชชี่ ต้องลงทำหน้าที่วันนั้น

ขณะที่ บาร์เซโลน่า มียอดนักเตะอย่างมากมาย นำโดย โรนัลด์ คูมัน, ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ, โรมาริโอ รวมไปถึงโกล์จอมหนึบอย่าง อันโดนี่ ซูบิซาร์เร็ตต้า

อีกทั้งยังมีนักเตะที่ผมชอบชื่อแกมากที่สุดอย่าง โฆเซ่ มารี บาเฆโร่ เป็นกัปตันทีม

อ้อ...ทีมนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นตัวบัญชาเกมด้วยนะครับ

ความคลาสสิกเกมนั้นก็คือ เมื่อทีมที่เคยยิ่งใหญ่กำลังเดินลง ขณะที่ บาร์ซ่า ที่เพิ่งมาใหญ่ด้วยการได้แชมป์ครั้งแรกในการปราบ ซัมพ์ดอเรีย ที่เวมบลีย์

เกมนั้นได้สร้างความเร้าใจให้กับทุกคนอย่างมาก โดยเฉพาะ เดยัน ซาวิเซวิช ที่ระเบิดฟอร์มการเล่นสุดคลาสสิกในการมาใส่เบอร์ 10 แทนที่ รุด กุลลิท ขวัญใจคนเดิม

ยังจำได้ว่าแผงกลางของมิลานนั้น เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมเอามากๆ มาร์กแซล เดอไซยี่ เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับร่วมกับ เดเมทริโอ อัลแบร์ตินี่ ได้สุดแกร่ง ซาวิเซวิช โดดเด่นสวยงามที่ริมเส้น และเมื่อมองอีกฝั่ง โรแบร์โต้ โดนาโดนี่ พลิ้วไหวดั่งสายน้ำ

โดย ซโวนีเมียร์ โบบัน ที่คลาสสิกสุดๆ ในการคุมเกม

เผลอแวบเดียวเกมนั้น แดเนี่ยล มาสซาโร่ ก็สังหารประตูได้ถึงสองเม็ด โดยเฉพาะประตูที่ 2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก

มันแทบจะกำหนดทิศทางของเกมไปหมดไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น การรอคอยฟุตบอลพักครึ่งถึง 15 นาที ของเด็กที่กำลังเข้ามหาวิทยาลัย มันเป็นเรื่องที่ยาวนานจนจะหลับคาจอ แต่ต้องสะดุ้งตื่นด้วยลูกยิงสุดคลาสสิก หลังจากครึ่งหลังผ่านไปแวบเดียว

เดยัน ซาวิเซวิช เกี่ยวบอลริมเส้นด้านขวา ก่อนจะตักบอลเข้าไปตุงตาข่ายข้ามหัว ซูบิซาร์เร็ตต้า เข้าไปอย่างคลาสสิก

ก่อนงานนี้จะปิดด้วย เดอไซยี่

เกมนั้นจบลงไปนานแล้ว แต่ยังจดจำการแข่งขันได้เป็นอย่างดี ในสภาพที่ มิลาน ไม่มีสิทธิเลยที่จะชนะ บาร์เซโลน่า

ว่ากันตามเชิง มันก็เหมือนกับช่วงเวลานี้แหละ

แม้ว่า มิลาน จะมีนักเตะดีๆ มากมาย ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, โรบินโญ่, มาร์ค ฟาน บอมเมล แต่ดูแล้วไม่ว่ารูไหนก็น่าจะแพ้ บาร์ซ่า ไปแบบไม่ค่อยได้เถียง

มันจะเป็นไปได้มั้ย ที่คำตอบสุดท้ายจะมีผลลัพธ์เหมือนอย่างกับเมื่อปี 1994

Mission Impossible จะมีหรือไม่น่าสนใจจริงๆ

บี แหลมสิงห์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook