(ถ้า)ไปได้ก็ดี..! โดย..เมฆา ฟ้าแวบแวบ

(ถ้า)ไปได้ก็ดี..! โดย..เมฆา ฟ้าแวบแวบ

(ถ้า)ไปได้ก็ดี..! โดย..เมฆา ฟ้าแวบแวบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : คำเตือนบทความนี้ไม่เหมาะกับพวกโลกสวย และผู้ที่ไม่ได้ติดตามบอลไทย ถ้าอ่านแล้วยังไม่เข้าใจย้อนไปอ่านคำเตือนอีกครั้ง..

เป็นที่ฮือฮาและสร้างความแปลกใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับข่าวผู้มีอำนาจสูงสุดในวงการฟุตบอลของเมืองไทย ชั่วโมงนี้กำลังลงสมัครเลือกตั้งประธานสมาพันธ์ลูกหนังเอเชีย

แน่นอน! ผมกำลังพูดถึงนายวรวีร์ มะกูดี หรือที่แฟนบอลไทยเรียกว่า "บังยี"

ทันใดที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ก็เกิดคำถามขึ้นมากมายจากแฟนบอล และเห็นได้ในโลกโซเชี่ยล มีข้อความมากมายทั้งดีและไม่ดี

แต่เราๆท่านๆคงรู้ ว่าอย่างไหนมากกว่ากัน..


และที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดคือข่าวประมุขลูกหนังไทยได้รับเสียงสนับสนุนจากชาติในอาเซียนทั้ง 11 ประเทศ ให้ลงชิงตำแหน่งประธานสมาพันธ์ลูกหนังแห่งทวีปเอเชีย และมีแนวโน้มว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากเนปาล, ศรีลังกา และชาติในตะวันออกกลางบางส่วน

"รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งในการถูกเสนอชื่อในนามตัวแทนอาเซียนเพื่อชิงตำแหน่งประธานเอเอฟซี และจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อตอบแทนสมาชิกอาเซียน ซึ่งหากได้เป็นประธานเอเอฟซี ตนจะสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในมวลหมู่ชาติสมาชิกของเอเอฟซี" นี่คือประโยคที่นายวรวีร์ได้เผยกับสื่อกับข่าวนี้

นายวรวีร์ มะกูดี ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ทั้งฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงาน แถมยังเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารฟีฟ่ามาแล้วถึง 3 สมัย เท่ากับว่านายวรวีร์มีประสบการณ์การทำงานองค์กรระดับโลกอย่างฟีฟ่าถึง 12 ปี เลยทีเดียว

แต่สำหรับวงการลูกหนังในบ้านเรา นายวรวีร์นั่งในตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตั้งแต่ปี 2550 นั้นผลงานช่างสวนทางกับผลงานในตำแหน่งฟีฟ่าเหลือเกิน

ฟุตบอลระดับอาเซี่ยนอย่างซีเกมส์ ทีมชาติไทยตกรอบแรก ตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก รวมถึงการที่ทีมชาติไทยไม่มีแมตช์อุ่นเครื่องตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ จนทำให้อันดับในฟีฟ่าของทีมชาติไทยในปัจจุบันตกไปอยู่ที่ 141 ของโลก อยู่อันดับที่ 21 ของเอเชีย

นี่ยังไม่นับรวมเหตุการณ์ที่นายวรวีร์ถูกกล่าวหา ทั้งจากบริษัทแดอัน 21 จำกัดของเกาหลีใต้ ที่อ้างว่า ถูกชักชวนให้มาลงทุนทำธุรกิจการตลาดกีฬา มอบหมายให้ดูแลผลประโยชน์เรื่องสปอนเซอร์และลิขสิทธิ์ต่างๆ พร้อมโอนเงินไปแล้วจำนวนที่โอนเงินจำนวน 900,000 เหรียญสหรัฐ(ประมาณ 28 ล้านบาท) แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ดำเนินการและการติดต่อใดๆกลับมา

ซึ่งเวลานี้คดียังอยู่ในชั้นศาล รวมถึงคำถามเด็ด เงิน 200 ล้านหายไปไหน จากนายเนวิน ชิดชอบ ที่ทวงถาม และเวลานี้ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา..

โดยอ้างว่า หนังสือสัญญาเรื่องสิทธิประโยชน์ระหว่าง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยกับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ต้องให้ประธานสโมสรเข้ามาดูที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยด้วยตนเอง และไม่ให้ทำสำเนา ไปเผยแพร่ เนื่องจากมีข้อกฎหมายที่ต้องสงวนไว้เป็นความลับ

และยังมีอีกสารพัดข่าว ที่ทำให้แฟนบอลไทยตั้งคำถามว่า นายวรวีร์ เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำวงการลูกหนังบ้านหรือไม่?

เอาเถอะเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เวลานี้ต้องจับตาดูว่า เส้นทางสายลูกหนังของนายวรวีร์ มะดูดี จะเดินไปในเส้นทางไหน

ส่วนตัวผมมีความคิดว่า ไปได้ก็ดี เพราะถือว่าเป็นตัวแทนเป็นหน้าเป็นตาของวงการฟุตบอลในบ้านเรา ที่กำลังจะได้รับโอกาสไปทำงานระดับชาติ

ขออวยพรให้ท่านโชคดีกับเส้นทางสายใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น และเพื่อให้ท่านได้ทำงานอย่างเต็มที่ ช่วยสละตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ หาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถพัฒนาและแสวงหาความสำเร็จที่ทีมชาติไทยขาดหายไปนาน

จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง..

ป.ล  ล่าสุดนายวรวีร์ มะกูดี ได้เผยกับสื่อว่า “ไม่ได้มีกฎระเบียบข้อไหนที่บอกว่าไม่สามารถนั่งตำแหน่งปธ.เอเอฟซี และนายกสมาคมฟุตบอล พร้อมกันได้ซึ่งผมมองว่าหากทั้งสองตำแหน่งสามารถทำประโยชน์ให้ส่วนรวมได้แล้วก็น่าจะทำงานด้วยกันได้"
 
นอกจากนี้ บังยี ยังแสดงความมั่นใจว่าตัวเขามีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งท้าชิงตำแหน่งประธานเอเอฟซี โดยเฉพาะการมีบอร์ดบริหารฟีฟ่าเป็นเครื่องการันตี "การเข้าชิงประธานเอเอฟซีครั้งนี้เป็นมติเห็นชอบของสมาชิกอาเซียน 12 ชาติรวมออสเตรเลีย ฉะนั้นแน่นอนว่าผมจะได้เสียงสนับสนุนจากกลุ่มนี้ และการมีตำแหน่งในฟีฟ่าน่าจะเป็นข้อได้เปรียบอีกหนึ่งข้อของตัวผม"

เรื่องโดย "เมฆา ฟ้าแวบแวบ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook