โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ตอนที่ 2)

โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ตอนที่ 2)

โหมโรง ศึกยูโร 2012 (ตอนที่ 2)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ควันหลงของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ยังมีต่อมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะที่เหลือเชื่อก็คือ เรื่องราวของทีมแชมป์ยุโรปหมาด ๆ อย่าง "สิงห์น้ำเงินคราม" เชลซี ที่ทำไปทำมา ดูเหมือนว่า จะมีเรื่องวุ่น ๆ ให้โรมัน อบราโมวิช ต้องตามแก้ไขกันเยอะแยะไปหมด

ลำพัง การแต่งตั้งกุนซือแบบมีผ้าห่ม (ถาวร) ว่าจะเอาใครกันแน่ ระหว่างคนที่กระแสเรียกร้องอย่าง โรเบอร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่พาทีมสร้างประวัติศาสตร์ครองเจ้ายุโรปหนแรก หรือจะเอากุนซือรุ่นใหญ่อย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ ที่มีข่าวหนาหูเหลือเกิน หรือว่าจะเป็น "บิ๊กเนม" คนใด ก็คงต้องลุ้นวัดใจของเจ้าของทีมเขาซะก่อน

นี่ล่าสุด ฮีโร่ จากศึกเชือด บาเยิร์น อย่าง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ก็แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่า จะไม่อยู่กับเชลซีต่อไป นัยว่า น่าจะมาค้าแข้งที่เมืองจีน กับเพื่อนซี้อย่าง นิโกล่าส์ อเนลก้า รึไงนี่แหละ แต่! เอาเป็นว่า คงไม่อยู่ในลอนดอนต่อไปแน่นอนแล้ว

อะไรก็ไม่เท่ากับการที่ "ไม้ตีพริก" อย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส ดันมาออกอาการ "งอน" หลังมีข่าวปูดออกมาว่า เข้าไปขออาสา (คงคิดว่าตัวเองเป็น..เสมา) ยิงลูกโทษที่จุดโทษ ในเกมกับบาเยิร์น แล้วกุนซือ "ชินจัง" ไม่ยอมให้ยิง บอก "นิ่ง ๆ" เอาไว้ น่าจะดีกว่า

จึงเห็น "คุณไม้ตีพริก" ออกมากระฟัดกระเฟียดเป็นการใหญ่  

งานนี้ คงต้องรอดูแหละครับว่า หลังจากการแต่งตั้ง "กุนซือมีผ้าห่ม (ถาวร)" เรียบร้อยแล้ว อนาคตของ หัวหอกราคาแพงชาวเมืองกระทิงดุ กับทีมแชมป์ยุโรปจะเป็นอย่างไร

มาว่ากันที่ เรื่องราว "ภาคต่อ"  จากเมื่อวานนี้ ตามที่จั่วหัวเอาไว้ข้างต้นดีกว่าครับ

เมื่อวานนี้ จบแบบห้วน ๆ หลังวิเคราะห์ผ่านไป 2 กลุ่ม คือกลุ่มเอ และกลุ่มบี ว่าทีมใดจะได้ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ ในศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 วันนี้ ก็มาต่อกันที่อีก 2 กลุ่มที่เหลือเลยดีกว่าครับว่า ใครจะอยู่หรือไปกันบ้าง

กลุ่มซี : สเปน, อิตาลี, สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และ โครเอเชีย

เป็นกลุ่มที่แทบจะเลือกทีมที่ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ง่ายที่สุด เนื่องเพราะว่าทีมแชมป์โลกและแชมป์เก่ารายการนี้ "กระทิงดุ" สเปน ของบิเซนเต้ เดล บอสเก้ ยังคงมีทีมที่แข็งแกร่งแน่นปึ้ก จากการคว้าชัยชนะทุกนัดในรอบคัดเลือก โครงสร้างทีมกระทิงดุ ที่มีขุนพลจาก 2 สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า เป็นแกนหลัก

ตัวหลักอย่าง ดาวิด บีญ่า หัวหอกคนเก่ง กับ คาร์เลส ปูโยล กองหลังจอมเก๋า แม้ยังมีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ ไม่แน่ว่าจะฟิตทันหรือเปล่า แต่ว่าผู้เล่นอย่าง อันเดรส อินิเอสต้า, ชาบี้ เอร์นันเดซ, เชส ฟาเบรกาส, เปโดร, ชาบี้ อลองโซ่, เซร์คิโอ รามอส, ดาวิด ซิลบา, โรแบร์โต้ โซลดาโด้, เฟร์นานโด ญอเรนเต้  และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่เรียกฟอร์มเก่งกลับมาอีกครั้ง ดูยังไง ทีมกระทิงดุ ก็ผ่านรอบแรกแน่ ๆ และไม่พลาดการเป็นแชมป์กลุ่มด้วย

ในขณะเดียวกัน ทีมแดนมะกะโรนี "อิตาลี" ในยุคของกุนซือ เซซาเร่ ปรันเดลลี่ ที่ผสมผสานระหว่างนักเตะตัวเก๋า ๆ อย่าง จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, อันเดรีย ปีร์โล่, อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และบรรดาดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง อันโตนิโอ โนเซริโน่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ หรือหัวหอกจอมซ่าอย่าง "เกรียนโอ้" มาริโอ บาโลเตลลี่ ก็แข็งแกร่ง และดีพอที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปได้อย่างแน่นอน

ส่วน "ยักษ์เขียว" สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ของ โจวานนี่ ตราปัตนี่ กับทีมตราหมากรุก "โครเอเชีย" ของสลาเว่น บิลิช การผ่านเข้ามาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ถือเป็นโบนัสของพวกเขาแล้ว และทั้งคู่ ก็คงจบเส้นทางเพียงแค่รอบแรกอย่างแน่นอน

บทสรุปของกลุ่มซี สเปน จะเป็นแชมป์กลุ่ม โดย อิตาลี ตามเข้ารอบเป็นที่ 2

กลุ่มดี : อังกฤษ, ฝรั่งเศส, ยูเครน และ สวีเดน

ดูเผิน ๆ ทีมสิงโตคำราม "อังกฤษ" ของกุนซือรอย ฮอดจ์สัน น่าจะผ่านรอบแรกได้แบบไม่ลำบากยากเย็นนัก หากเทียบชื่อ-ชั้น กับอีก 3 ทีมร่วมกลุ่ม แต่ต้องไม่ลืมว่า ทีมสิงโตคำราม ของกุนซือใหม่ถอดด้าม จะต้องลงสนาม 2 นัดแรกโดยไม่มี "หมูพลิ้ว" เวย์น รูนี่ย์ หัวหอกคนสำคัญที่ติดโทษแบน น่าจะเป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ ของอังกฤษ

แม้กุนซือ ฮอดจ์สัน จะมีตัวตายตัวแทนในเกมรุกทั้ง แอนดี้ คาร์โรลล์ และ เจอร์เมน เดโฟ อยู่ บวกกับแดนกลางที่ได้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด นำทัพในฐานะกัปตันทีม แต่ยังดูว่า โอกาสของทีมเมืองผู้ดี กับการผ่านเข้ารอบต่อไป อยู่ในระดับ 50-50

ทีมที่น่าจะได้ผ่านเข้ารอบแน่ ๆ ในฐานะแชมป์ของกลุ่มดี หนีไม่พ้น ทีมตราไก่ "ฝรั่งเศส" ของกุนซือโลร็องต์ บล็องก์ ที่แม้ผลงานในรอบคัดเลือกพวกเขาจะเป็นไปแบบกระท่อนกระแท่น แต่เมื่อมาถึงรอบนี้แล้ว พวกเขาถือว่ามีทีมที่แกร่งมาก

จากการได้นักเตะดาวรุ่งที่ฟอร์มร้อนแรงในลีกเอิงอย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กับ มาปู ยานก้า เอ็มบีว่า 2 ผู้เล่นฟอร์มเด่นจากมงต์เปลลิเยร์, เฌเรมี่ เมเนซ จากเปแอสเช และ โลอิค เรมี่ หัวหอกเนื้อหอมจากมาร์กเซย บวกกับพวกตัวเก๋าที่เล่นอยู่ในลีกยุโรปอย่าง ฟรองค์ ริเบรี่, ซาเมียร์ นาสรี่, คาริม เบนเซม่า และ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา เชื่อว่า พวกเขาดูดีกว่าทีมสิงโตคำราม ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งเหนือพวกเขาในกลุ่มด้วยซ้ำไป

ส่วนทีมเจ้าภาพร่วม "ยูเครน" ของกุนซือปีกจรวด โอเล็ค บล็อคกิ้น ที่ใช้แกนหลักรุ่นเก๋าที่ผสมผสานระหว่าง 2 ทีมยักษ์ใหญ่ยูเครนอย่าง ชัคตาร์ โดเนตส์ กับ ดินาโม เคียฟ เป็นหลัก มี โอเล็ก กูเชฟ, อนาโตลี ตีโมชุค, อังเดร โวโรนิน, อาร์เต็ม  มิเลฟสกี้ และ อังเดร เชฟเชนโก้ เป็นตัวความหวัง  ถือว่าน่าจับตามองไม่น้อยเหมือนกัน แม้พวกเขาจะมีฟอร์มในช่วงอุ่นเครื่องไม่ดีนักก็ตามที

ทางด้านทีมแดนฟรีเซ็กส์ "สวีเดน" ของกุนซือ เอริค ฮัมเรน ก็จะประมาทพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน เพราะขุมกำลังอย่าง คิม คัลล์สตรอม, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, โยฮัน เอลมานเดอร์, มาร์คุส โรเซนบอร์ก, โอล่า ตอยโวเน่น และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ก็ถือว่าแข็งโป๊ก ดูไม่เป็นรองทีมอื่น ๆ ร่วมสายเลยก็แล้วกัน

บทสรุปของกลุ่มนี้ ฝรั่งเศส น่าจะเป็นทีมที่ดีที่สุด และเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม โดยยูเครน เจ้าภาพ น่าจะเบียด สวีเดน และ อังกฤษ ร่วงตกรอบในที่สุดครับ

แล้ววันพรุ่งนี้ มาต่อกันตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ยันถึงนัดชิงฯ เลยครับ

เฮียนอส

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook