ใครๆ ก็ไม่รัก อังกฤษ!

ใครๆ ก็ไม่รัก อังกฤษ!

ใครๆ ก็ไม่รัก อังกฤษ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จากทีมมหาชน สู่ทีมหมาชน อังกฤษ จะพาตัวเองจบศึก ยูโร ออกมาแบบไหนหนอ

ย้อนเวลากลับไปก่อนศึก ยูโร 2008 ที่ ออสเตรีย - สวิตเซอแลนด์.....มีเครื่องหมายคำถามชิ้นเบ่อเร่อถูกแปะไว้ที่หัวของ หลุยส์ อาราโกเนส กุนซือขรัวเฒ่าของ สเปน ว่าเขาดีพอที่จะพาทัพ "กระทิงดุ" ในเจเนอร์เรชั่นที่อุดมไปด้วยสุดยอดแข้งระดับซูเปอร์สตาร์ ผงาดขึ้นเถลิงบัลลังค์แชมป์ยุโรปได้สำเร็จหรือไม่ 

มาร์กอส เซนน่า คือเซอร์ไพร์สของสเปน และมีส่วนสำคัญในการพาทีม "กระทิงดุ" เป็นแชมป์ปี 2008

และแล้ว! เสียงด่าจมหูถึงการตัดหาง ราอูล กอนซาเลซ , การเรียกแข้งเลือดเนื้อเชื้อไข "แซมบ้า" อย่าง มาร์กอส เซนน่า เข้าติดทัพ , การปากไวพูดไม่คิด ไปเรียก เธียร์รี่ อองรี ว่าไอ้ดำ (นิกเกอร์) ก็ถูกบรรดาสื่อจากทั่วทุกสารทิศลืมเลือนไปทั้งหมด ทุกคนตกอยู่ในภาวะอัลไซเมอร์ทันทีที่ "ปู่หลุยส์" พาทัพ "ลา โรฆา" ขึ้นชูถ้วย อองรี เด โลเนย์ ได้อย่างสมศักดิ์ศรีย์ และสง่างาม
 
นั่นคือจุดสิ้นสุดประโยคล้อเลียนที่แขว่ะกันมาเป็นสิบๆ ปี ที่ว่า "หมูสนามจริง กระทิงสนามซ้อม" ของชาติดินแดนคนสู้วัว!
 
ก่อนหน้านี้ไม่นานเท่าไหร่นัก ชาบี เอร์นานเดซ ห้องเครื่องจอมคลาสสิคของทัพ "กระทิงดุ" เพิ่งจะให้สัมภาษณ์หล่นความเห็นออกมาในเชิงว่า จริงๆ แล้ว สเปน เคยมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายกับ อังกฤษ อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่า สเปน หลุดพ้นจากวงจรอุบาทที่ว่านี้ไปนานแล้ว
 
ชาติอันยิ่งใหญ่ ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน....อันที่จริง สเปน ก็เคยยืนอยู่ตรงจุดนั้น ส่วน อังกฤษ ยังคงพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาไม่เคยขาดแคลนยอดนักเตะ เช่นเดียวกับข่าวคราวก๊อสซิบ ที่ไม่เคยน้อยหน้าใคร อังกฤษ อาจจะมีปัญหาประปรายบ้างในเรื่องของแบ็คซ้าย ปีกซ้าย แต่มันก็ยังคงจิ๊บจ้อยมากเมื่อเทียบกับชาติลูกหนังรายอื่นๆ
 
ทีมชาติ กรีซ ช็อคโลก เมื่อรับบทม้ามืดซิวแชมป์ยูโร 2004 ไปแบบเหนือความคาดหมาย
 
ขนาด กรีซ ไม่มีนักเตะเอวสะบัดพลิ้ว พวกเขายังอุตส่าไปทื่อๆ ได้ถึงแชมป์ในปี 2004 เช่นเดียวกับ  ที่ได้โควต้าเล่นรอบสุดท้ายมาแบบส้มหล่น แต่กลับปิดฉากด้วยการเป็นตำนานของปี 92 แล้วทำไมหนอ? คนอย่าง รอย ฮอดจ์สัน จะพาพลรรค "สิงโตคำราม" ทำแบบนั้นบ้างไม่ได้ล่ะ
 
ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่เราคงต้องยอมรับก็คือ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในศึกฟุตบอลน็อคเอาท์...และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลาย 10 ปี ที่ อังกฤษ ไม่ได้รับความคาดหวังจากใครเลย พวกเขาคือตัวตลกที่ถูกคาดหวังว่าจะทำอะไรเปิ่นๆ ในศึก ยูโร 2012 สภาพนักเตะต้องบอกว่าเข้าขั้นพิการ รัดดี้ ถอน! , แลมพาร์ด ถอน! , แบร์รี่ ถอน! , เคฮิลล์ ถอน! ขณะที่ ฮอดจ์สัน ก็ถูกด่าเละตุ้มเป๊ะ กับการเรียกนักเตะเกรดต่ำอย่าง บัตแลนด์ , จากีลก้า , เฮนโด้ , เคลลี่ เข้ามาเสียบแทน ทั้งๆ ที่ตัวเลือกอื่นๆ มันก็พอมีอยู่

   

4 แข้งกำลังเสริมของ สิงโตคำราม ที่ถูกสื่อในประเทศ รวมถึงแฟนบอลอังกฤษสับเละ

อังกฤษ มีผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล ที่จบฤดูกาลแบบห่วยแตกด้วยการเป็นอันดับ 8 ติดอยู่ในทีมชุดนี้ถึง 6 คน! และหลายๆ คนตั้งคำถามกับ ฮอดจ์สัน ที่เคยมีประสบการณ์สั้นๆ กับการคุมทัพ "หงส์แดง" ว่าลำเอียงหรือไม่ที่ตัดสินใจแบบนี้
 
คำตอบก็คือ.........ใครบ้างล่ะที่ไม่ลำเอียง กุนซือของทุกชาติถูกแต่งตั้งขึ้นเพื่อเลือกทำทีมในแบบที่ตัวเองชอบอยู่แล้ว และสหพันธ์ฟุตบอล อังกฤษ ก็ไม่ได้คิดจะเอาโค้ชที่เลือกนักเตะตามเสียงเรียกร้องมหาชน ขึ้นดำรงตำแหน่งสักหน่อย       
 
ไม่ต้องเป็นเด็กอัจฉริยะ หรือนักวิทยาศาสตร์จากนาซ่า เราทุกคนก็คงพอจะทราบดีว่า ฮอดจ์สัน ไม่ได้เป็นกุนซือระดับท๊อปคลาสส์ ที่คู่ควรแก่การยกย่องขนาดนั้นแต่อย่างใด เขาไม่ใช่คนที่ดุดันอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ เขาไม่ใช่คนที่รังสรรค์ปรัชญาเกมรุกสวรรค์ให้โลกได้แซ่ซ้องอย่าง เป็ป กวาร์ดิโอล่า เขาไม่ได้ใกล้เคียงแม้แต่กับ โรแบร์โต้ มันชินี่ หรือ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ไม่มีอะไรที่ ฮอดจ์สัน เทียบได้เลย เพราะเขาไม่มีใบประกาศนียบัตร ที่บ่งบอกว่าเขาเคยประสบความสำเร็จในเกมระดับสูง
 
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ฮอดจ์สัน โง่ ปัญญาอ่อน หรือไร้สมองซะเมื่อไหร่
 
อันที่จริงแล้ว ถ้าพิจารณาเฉพาะผลงานในศึกฟุตบอลถ้วย...."ปู่รอย" ก็ถือว่าสอบผ่านนะครับ เขาพา สวิตเซอร์แลนด์ ผ่านเข้าไปเล่นในศึก เวิลด์ คัพ 94 , พา อินเตอร์ ลุยไปถึงนัดชิง ยูฟ่า คัพ รวมไปถึงการพาทีมฉบับกระเป๋าอย่าง ฟูแล่ม เข้าชิง ยูโรป้า ลีก แต่ก็นั่นแหล่ะ ผลงานทั้งหมดที่ว่ามานี้ไม่ได้เป็นเครื่องหมายการันตีว่าเขาจะพา "ทรี ไลอ้อนส์" ผงาดในศึก ยูโร 2012 ได้แต่อย่างใด
 
 
หลังจาก แกรี่ เคฮิลล์ เจ็บ รอย ฮอดจ์สัน เรียกมาร์ติน เคลลี่ เข้ามาแทน ทำให้ ริโอ ได้แต่ร้องเพลงรอต่อไป
 
ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น บางทีมันอาจเป็นอย่างที่ใครหลายๆ คนคาดกัน....อังกฤษ ชุดขี้เหร่ อาจร่วงตกรอบให้แฟนบอลทั่วทั้งโลกได้ถล่มจนจมหู บางทีเราอาจเห็น แอนดี้ คาร์โรลล์ พลาดโง่ๆ ในระยะ 3 หลา หรือ โจ ฮาร์ท อาจจะแปรสภาพกลายเป็นประตูน้ำ เสียผู้เสียคนไปเลยหลังจบทัวร์นาเมนต์นี้ 
 
แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น เราก็คงจะได้เห็นเทพนิยายอีก 1 บท ถือกำเนิดขึ้นในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปกันครับ อันที่จริงแล้ว ฮอดจ์สัน ไม่จำเป็นต้องพา "สิงโตคำราม" ไปให้ถึงฝั่งฝันด้วยการเป็ยแชมป์เหมือนอย่าง กรีซ หรือ เดนมาร์ก เลยเสียด้วยซ้ำ

เอาแค่รอบ 8 ทีม หรือ 4 ทีม มันก็เพียงพอที่จะตบปากบรรดานักวิจารณ์ รวมถึงทำให้แฟนบอลทั่วโลกหน้าแตกยับเยินกันได้แล้วแหล่ะ
 
"ยอดขวัญ"

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook