จูดาส ! 9 ที่สุดของการหักหลังในวงการฟุตบอล

จูดาส ! 9 ที่สุดของการหักหลังในวงการฟุตบอล

จูดาส ! 9 ที่สุดของการหักหลังในวงการฟุตบอล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บรรดานักเตะทั้งหลายจะต้องมีสติมาก ๆ เมื่อมีหนึ่งสโมสรที่เป็นคู่อริเข้ามาติดต่อให้ไปร่วมเล่นด้วย เพราะบ่อยครั้งเหตุการณ์แบบนี้มักทำให้พวกเขาต้องทรยศทีมของตัวเอง ซึ่งการเล่นให้กับทีมสองทีมที่เป็นคู่อริกันคงเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็คงได้ยินกันมาบ้างแล้ว 

ซึ่งคงต้องบอกว่าคนเหล่านี้มีความกล้ามากในการที่จะย้ายทีม รวมถึงการต้องเผชิญหน้ากับทีมเก่าของตัวเอง และนี่คือ 9 เหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นที่สุดของการหักหลังในวงการฟุตบอล ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่คิดที่จะให้อภัยพวกเขาเลยจนถึงเวลานี้

1. โซล แคมป์เบลล์

Arsenal's Sol Campbell (L) challenges ToGettyImagesIAN KINGTON/GettyImages

เริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่ เพราะนับตั้งแต่ที่จบการศึกษาจากระบบอคาเดมีของสโมสรทาง ลอนดอนตอนเหนือ ก็ได้รับบทให้เป็นกัปตันทีม สเปอร์ส ในช่วงปี 2001 ซึ่งในระหว่างนั้นสัญญาของตัวเขาก็กำลังจะหมดลงช่วงซัมเมอร์ และสโมสรก็ได้ยื่นข้อเสนอให้พิจารณาต่อด้วย

แต่ก็เกิดการย้ายทีมแบบที่ไม่มีใครนึกและฝันมาก่อนว่า แคมป์เบลล์ เลือกที่จะปล่อยให้ตัวเองเป็นนักเตะค่าตัวฟรีและไปอยู่กับคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง อาร์เซนอล ทั้งที่ก่อนหน้าเป็นคนเอ่ยกับปากของตัวเองว่าจะไม่มีทางไปเล่นให้ ปืนโต เด็ดขาด และแน่นอนว่ามันได้ทำให้เขากลายเป็นที่เกลียดชังของแฟนบอลไปในทันที

จนตลอดทุกวันนี้แฟน ๆ คลับไก่ ก็ยังคงเรียกขานคำว่า "จูดาส" แทนชื่อปราการหลังรายนี้อยู่ตลอด เพราะหลังจากที่เขาย้ายไปร่วมงานกับ อาร์แซน เวนเกอร์ กลับประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรก และสิ่งที่เขาต้องพบเจอตลอดทุกครั้งที่ต้องกลับไปยัง ไวท์ ฮาร์ท เลน ก็มักจะเป็นการต้อนรับที่ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ จนถึงขั้นถูกแฟนบอลเหยียดผิวด้วยเมื่อปี 2008 ที่เขาลงเล่นให้ พอร์ทสมัธ

2. โรบิน ฟาน เพอร์ซี

Arsenal v Manchester United - Premier LeagueGettyImagesShaun Botterill/GettyImages

อาร์วีพี ได้ใช้เวลาอยู่กับ อาร์เซนอล และสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองเป็นที่โด่งดัง อีกทั้งยังเป็นที่ไว้ใจจนได้รับปลอกกัปตันไปครองใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011/12 และนั่นก็เป็นจุดจบของการเป็น เดอะ กันเนอร์ส ด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งหลังจากฤดูกาลนั้นจบลงไป กองหน้าชาวฮอลแลนด์ คว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปครอง จากการทำประตูสูงสุดด้วย แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ อาร์เซนอล เป็นแชมป์แต่อย่างใด นั่นคงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ ฟาน เพอร์ซี ตัดสินใจเดินออกจาก เอมิเรตส์ สเตเดียม และเข้าสู่อ้อมอกของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย

นับแต่นั้นมา ชายผู้ที่ถูกตราหน้าว่าทรยศต่อสโมสรเก่า ก็ไม่เคยหันมาสนใจใยดีแต่อย่างใด เขายังคงเดินหน้าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ สองปีซ้อนจากการยิงประตูให้ ปีศาจแดง ไป 26 ลูก แถมยังช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 20 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการเป็นผู้จัดการทีมอย่าง เฟอร์กี้ฯ อีกด้วย

 

3. แฮร์รี เร้ดแนปป์

FA Cup Southampton v PortsmouthGettyImagesBen Radford/GettyImages

เริ่มตั้งต้นจากการเป็นผู้อำนวยการฟุตบอล ก่อนที่ จ่าเฉย หรือ แฮร์รี เร้ดแนปป์ จะได้รับงานเป็นผู้จัดการทีมกับ พอร์ทสมัธ และไม่นานหลังจากนั้น ปี 2003 เขาก็ได้ปลุกใจแฟน ๆ บอลขึ้นมาอีกครั้งด้วยการพาทีมเลื่อนชั้นหนีจาก ดิวิชั่น 1 พา ปอมปีย์ ขึ้นไปเล่นยัง พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม ด้วยสาเหตุจากการมีปัญหาภายในกับด้านบอร์ดบริหารอย่าง มิลาน แมนดาริค จึงทำให้เขาตัดสินใจลากจาก พอร์ทสมัธ และรับงานใหม่อย่างสุดแสบด้วยการเข้าคุมทีม เซาท์แธปม์ตัน ที่ถือเป็นหนึ่งคู่แข่งสำคัญ แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยให้ นักบุญ อยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดได้ ก่อนจะตกชั้นลงไปเมื่อปี 2005

และเขาก็ได้ตัดสินใจหันหลังให้กับ เซาท์แธมป์ตัน และเลือกเดินกลับไปตายรัง เฟรตตัน พาร์ค อีกครั้ง แต่ทว่าการกลับมาคราวนี้ของเขา กลับทำให้ใคร ๆ จดจำชื่อของ ปอมปีย์ ได้เป็นอย่างมาก จากการพาทีมเป็นแชมป์ประวัติศาสตร์อย่าง เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จเมื่อปี 2008

4. มานูเอล นอยเออร์

FC Schalke 04 v FC Bayern Muenchen - BundesligaGettyImagesLars Baron/GettyImages

นอยเออร์ เด็กหนุ่มที่เป็นแฟนบอล ชาลเก้ มานานนม และเขาก็สามารถทำตามความฝันได้สำเร็จด้วยการเป็นนักเตะหนึ่งในผู้เล่นของทีม ชาลเก้ ซึ่งเป็นสโมสรแรกของเขา พร้อมทั้งได้ขยับมาเล่นในชุดใหญ่ตั้งแต่วัย 20 ปี และหลังจากนั้นก็แทบไม่มีใครไม่รู้จักนายประตูคนนี้ที่มาจาก เมืองเกลเซนเคียร์เชิน เลย

ผู้รักษาประตูชาวเยอรมนีรายนี้ สามารถสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในจอมเซฟที่ดีที่สุดของยุโรปกับ ราชันสีน้ำเงิน แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาสมความปรารถนาสูงสุดได้ เขาจึงต้องการที่จะย้ายไปร่วมทีมกับ หนึ่งในมหาอำนาจของ บุนเดสลีกา อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ทันทีที่จบฤดูกาล 2010/11 

นอยเออร์ ถูกด่าทออย่างรุนแรง นับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจทิ้ง ชาลเก้ 04 ไป ซึ่งนั่นยังรวมไปถึงเหล่าแฟนบอล บาวาเรียน ด้วยเช่นกัน ที่ไม่เห็นด้วยกับการมาของเขา แต่เหมือนว่าทุกอย่างจะถูกลืมลงไปอย่างรวดเร็วสำหรับแฟน บาเยิร์นฯ เพราะเขาสามารถพาทีมกวาดแชมป์มาอย่างท่วมท้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา

 

5. แอชลีย์ โคล

FBL-ENG-PR-CHELSEA-ARSENALGettyImagesGLYN KIRK/GettyImages

อีกหนึ่งความเกลียดชังระหว่างแฟน อาร์เซนอล ผู้ซื่อสัตย์และ แอชลีย์ โคล ที่เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เติบโตมาจากทีมชุดสำรองและรวมถึงทีมชาติ อังกฤษ ชุด 20 ปีด้วย ก่อนที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของทีมในช่วงปี 2003/04

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2006 โคล ก็ได้ทำการตัดสินครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการเดินออกจาก เอมิเรตส์ สเตเดียม จากการที่ไม่สามารถตกลงเรื่องข้อเสนอและสัญญาต่าง ๆ ได้ อีกทั้งยังได้ปฏิเสธข้อเสนอที่เป็นจำนวนเงิน 55,000 ปอนด์ต่อวีกที่จะได้รับจาก อาร์เซนอล อีกด้วย

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนั้น นั่นก็เพราะว่าทาง เชลซี นั้นตัดสินใจที่จะยื่นข้อเสนอที่มากกว่าสองเท่า เพื่อให้เขาย้ายข้ามฝากจากเหนือมายังตะวันตก และนั่นก็ทำให้แฟนบอลต่างตั้งชื่อใหม่ให้ตัวเขาเป็น "Cashley Cole" (แคชลีย์ โคล) โดยนำคำว่า แคช ที่แปลว่า เงิน มาผสมกับชื่อจริงนั่นเอง แถมยังแก้เผ็ดด้วยการโปรยเงินแบงค์ 20 ปอนด์ลงในสนามระหว่างเกมที่เขาได้กลับมายัง เอมิเรตส์ สเตเดียม ด้วย

6. หลุยส์ เอ็นริเก้

FC Barcelona v Real Madrid CF - La LigaGettyImagesPaul Gilham/GettyImages

มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์อย่าง หลุยส์ เอ็นริเก้ ใช้เวลาค้าแข้งอยู่กับ เรอัล มาดริด เป็นเวลาถึง 5 ปีด้วยกัน และสามารถเป็นแชมป์ลาลีกา กับ โกปา เดล เรย์ ได้อย่างละสมัยในเวลานั้น ซึ่งนั่นทำให้เขาได้ติดทีมชาติชุดใหญ่ด้วย และเมื่อถึงช่วงที่สัญญาของเขากับ ชุดขาว ได้หมดลง สิ่งที่เขาเลือกทำก็คือการย้ายไปรวมทีมอริตลอดกาลอย่าง บาร์เซโลนา ในเวลาต่อมา

เอ็นริเก้ ก็สามารถคว้าดับเบิลแชมป์จากรายการยุโรป ซึ่งการที่เขาคว้าถ้วย ยูฟา ซุปเปอร์คัพ เป็นปีที่ 8 ของการค้าแข้งในวงการฟุตบอลของเขาอีกด้วย อีกทั้งมันยังทำให้เขาเป็นที่ยอมรับและกลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ ในถิ่น คัมป์นู ได้โดยปริยาย

หลังจากที่เขาได้สร้างรอยร้าวให้กับ เรอัล มาดริด แล้ว "ลูโช" ก็ยิ่งเป็นที่รู้จักและรักของแฟนบอลมากยิ่งขึ้น จากมาดการเป็นผู้นำของเขา จนกระทั่งเมื่อปี 2014 เข้าถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมของ บาร์เซโลนา และพาทีมจาก กาตาลุนยา คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามารับงาน

7. เอ็มเร เบเลโซกลู

FBL-TUR-FENERBAHCE-GALATASARAYGettyImagesBULENT KILIC/GettyImages

ไม่น่าเชื่อว่า เอ็มเร เบโลโซบลู จะสามารถก้าวขึ้นมาเล่นกับชุดใหญ่ของ กาลาตาซาราย ด้วยวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น พร้อมกับกวาดรางวัลมามากมายทั้งในและนอกประเทศ นับตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาสู่ถิ่น อิสตันบลู จนหลายคนมองว่าเขานี่แหละคือความหวังใหม่ของ ฟุตบอลตุรกี

แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นตามที่คิดเอาไว้ เขาไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะแนวหน้าได้ จึงทำการตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน และรวมถึง นิวคาสเซิล แต่สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดก็ได้บังเกิดขึ้น เมื่อเขาตัดสินใจย้ายกลับมายังบ้านเกิดประเทศ ตุรกี อีกครั้ง แต่คราวนี้เลือกที่จะไปอยู่กับอริมหาโหดของ กาลา อย่าง เฟเนร์บาห์เซ

จนถึงเวลานี้แฟนบอล กาลา ก็ไม่ได้เกลียดชังต่อตัวเขาลงไปแม้แต่น้อยเลย ถึงเขาจะพยายามจะแก้ต่างด้วยการบอกว่า เขานั้นคือแฟนบอล เฟเนร์ ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว แต่มันก็ดูจะสายเกินไปสำหรับกองกลางรายนี้ ผู้ที่ถูกเกลียดชังอยู่เมืองเดียว แต่เป็นที่รักของเมืองอื่น ๆ 

8. อลัน สมิธ

Manchester United v Leeds UnitedGettyImagesLaurence Griffiths/GettyImages

อลัน สมิธ ชายหนุ่มที่เคยได้รับรางวัลโกลเด้นบอย สมัยที่ค้าแข้งให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด อีกทั้งยังเป็นกำลังสำคัญให้การพา ยูงทอง ไปเล่นถ้วยบิ๊กเอีย ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2000/01 ด้วย แต่อย่างไรก็ตามสามปีถัดมา เขาก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา รอดพ้นจากการตกชั้นได้

แถมทีมยังต้องมาประสบปัญหาทางด้านอย่างเงินอย่างหนัก จนทำให้บรรดาผู้เล่นตัวหลัก ๆ ถูกปล่อยออกจากทีมไป ซึ่งนั้นก็รวมถึง อลัน สมิธ ด้วยเช่นกัน ที่ถูกทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในอริสำคัญดึงตัวไปร่วมทีม ทั้งที่ก่อนหน้าเจ้าตัวไปสัญญากับแฟนบอลไว้ว่า จะไม่มีทางตกลงเซ็นข้อเสนอนั้นเด็ดขาด

เขาจึงถูกตราหน้าว่าเป็น วายร้ายแห่งยอร์คเชียร์ ซึ่งตัวเขาเองเคยออกมายอมรับว่าเหตุที่ต้องย้ายออกจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ ปีศาจแดง นั้นก็เป็นเพราะว่าต้องการจะช่วยพยุงสถานะทางการเงินของทีมเอาไว้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่พอจะทำให้แฟน ๆ ลืมเรื่องราวต่าง ๆ ของเขาที่วัย 36 ปีแล้ว

9. หลุยส์ ฟิโก้

Portuguese Real Madrid's Luis Figo (C) vies betwenGettyImagesJAVIER SORIANO/GettyImages

นี่อาจเป็นอีกหนึ่งการหักหลังที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เพราะ หลุยส์ ฟิโก้ ใช้เวลาถึง 5 ปีในการไล่ล่าความสำเร็จกับ บาร์เซโลนา และพร้อมกับสร้างตัวเองให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกจนช่วยให้ทีมจาก กาตาลัน เป็นแชมป์ลีกไป 2 ฤดูกาลในช่วงที่เขาอยู่

แน่นอนว่าเขานั้นเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าแฟนบอล แต่ทุกอย่างก็มาผลันเปลี่ยนไปเมื่อ เรอัล มาดริด ได้ยื่นข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจด้วยเงินกว่า 37 ล้านปอนด์ ซึ่งนั่นถือเป็นการทำให้ ราชุนชุดขาว ก้าวไปสู่ยุค กาลาติกอส เมื่อพวกเขาได้ตัวดาวยิงโปรตุกีส รายนี้ 

และในไม่ช้า ฟิโก้ ก็กลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของแฟน บาร์ซา ถึงขั้นขนาดที่มีแฟนบอลโยนหัวหมูลงไปในสนามในเกมที่เขาต้องลงเล่นใน คัมป์นู ก็มีมาแล้ว แต่ความวุ่ยวายเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ตัวเขาพลาดรางวัลบัลลงก์ดอร์เมื่อปี 2000 และนำมาซึ่งถ้วยรางวัลต่าง ๆ สู่ เรอัล มาดริด

 

​​

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook