ผ่าผลสอบ "ช้างศึก" & "ราเยวัช" หลังผงาดแชมป์คิงส์คัพ 2017 / โดย บ.ส้มซิ่ง

ผ่าผลสอบ "ช้างศึก" & "ราเยวัช" หลังผงาดแชมป์คิงส์คัพ 2017 / โดย บ.ส้มซิ่ง

ผ่าผลสอบ "ช้างศึก" & "ราเยวัช" หลังผงาดแชมป์คิงส์คัพ 2017  / โดย บ.ส้มซิ่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผลงานที่นำไปสู่แชมป์รายการที่เป็นดั่งดวงใจของคนไทย อย่างฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ จบลงไปอย่างสวยหรู

"ทีมชาติไทย" เวอร์ชั่นใหม่ ภายใต้การคุมบังเหียนของ "มิโลวาน ราเยวัช" คือคำตอบที่ใช่หรือไม่ อันนี้ถามใจแฟนบอลกันเอง 

ส่วน "บ.ส้มซิ่ง" ขอมองในอีกมุมหนึ่งตลอด 2 เกมเกิดขึ้นในสนาม และมาดูซิว่า บทวิพากษ์ต่างๆแบบรายคน (เฉพาะที่ได้ลงสนาม) เป็นอย่างไรกันบ้าง?

xxx5
กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ :
นายทวารกัปตันทีม ฟอร์มเด่นตลอดสองนัดที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเซฟได้สองดอกเน้นๆในช่วงยิงจุดโทษรอบชิงชนะเลิศ "เจ้าตอง" ในวันที่ประสบการณ์เพิ่มพูนขึ้นในทุกวัน ทีมชาติไทยก็ยิ่งได้ประโยชน์จากเขาเพิ่มขึ้น แน่นอนว่า กองหลังก็อยากได้ประตูที่ไว้ใจได้แบบนี้

พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา  :
"เจ้าบาส" กลับมาเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายแบบเต็มตัว หลังจากที่ในสโมสรโดนจับไปเล่นเป็นปีกบ้าง แต่โดยรวมต้องบอกว่าเขาทำหน้าที่ในเกมรับได้น่าพอใจ ส่วนเติมเกมรุกต้องบอกว่าเกมที่พบกับเบรารุส เขาเล่นด้วยความมั่นใจ และมีโอกาสส่องเน้นๆ ไป 1 ครั้ง น่าเสียดายที่ลูกยิงของเขาถูกปฏิเสธจากนายทวารคู่แข่งไปแบบหวุดหวิด

เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว :
ไม่น่าเชื่อเลยว่านักเตะในวัย 30 กะรัต ผู้นี้เพิ่งมาติดทีมชาติในยุคใหม่ เวอร์ชั่นบริหารงานโดยราเยวัช ตลอดสองเกมของทัวร์นาเมนต์นี้ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว จับคู่กับ พรรษา เหมวิบูลย์ ได้อย่างลงตัวสุดๆ สิ่งที่เราเห็นเด่นชัดคือการอ่านเกมที่เด็ดขาด นอกจากนี้ความสุขุมในการเล่นเกมรับ มันคือสิ่งสำคัญจนนำไปสู่การเก็บคลีนชีตได้อย่างสวยสดงดงาม

xxx1
พรรษา เหมวิบูลย์  :
"เจ้าฉุย" หรือ "เจ้าโย่ง" ที่เพิ่งผ่านการฉลองอายุ 27 ปี ไปเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา สร้างสิ่งที่เรียกว่าฮือฮาไม่น้อย เมื่อเขาพกเอาความสูงระดับ 190 เซ็นติเมตร มาช่วยทีมได้อย่างอลังการงานสร้าง เราแทบไม่มีสรีระนักเตะทีมชาติไทย ที่เล่นในตำแหน่งกองหลังแบบนี้มาเลย  "พรรษา เหมวิบูลย์" กำลังเป็นคำตอบของคำว่าใช่ในชั่วโมงนี้ที่สุด

สองเกมที่ผ่านมาเราได้เห็น เกมรับที่แน่นปึ๊ก และไม่เสียเปรียบกับการโดนกดดันจากคู่แข่งในลูกกลางอากาศ พรรษา คนนี้เล่นได้อย่างมั่นใจ ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้มีดีกรีทีมชาติมาก่อนเลยสักชุด (ยกเว้นชุดนักเรียนไทยรุ่น 18 ปี แต่ก็เป็นแค่ตัวสำรอง) ต่อจากนี้ สิ่งที่เขาต้องเรียนรู้คือการขึ้นไปใช้ความสูง ในการเล่นลูกเซตพีทเพื่อลุ้นประตูบ้าง ซึ่งหากเขาทำได้ จะเป็นอะไรที่แจ่มแท้พ่อคุณเอ๋ยจริงจริ๊งงงงง....

อดิศร พรหมรักษ์ :
"เจ้าเก่ง" ลงมาเล่นในตำแหน่งเดิมของ ทริสตอง โด ที่ถอนตัวออกไปก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม ซึ่งตลอดสองเกมที่ผ่านมา เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ปิดเกมด้านข้างของคู่แข่งได้อย่างดี และที่สำคัญเล่นเข้าขารู้ใจกับคู่เซ็นเตอร์อย่าง พรรษา และ เฉลิมพงษ์ เหลือเกิน หลังจากนี้เจ้าของสัมปทานเดิมอย่าง "โด" คงมีคู่แข่งแย่งตัวจริงอย่างเป็นทางการในนามทีมชาติไทยซะแล้ว!!!


ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์  :
นี่คือนักเตะสายพันธุ์ระห่ำ ที่ต้องบอกว่าเด็ดสะเด่าทรวงจริงๆ "เจ้านิว" ในวันนี้ เติบโตขึ้นและเค้นสไตล์การเล่นในแบบที่ตัวเองถนัดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ลูกหนัก ลูกชน และเข้าบอลแบบแบบไม่กลัวเจ็บ คือจุดเด่นที่เราไม่ค่อยได้เห็นผู้เล่นแบบนี้ในทีมชาติชุดใหญ่  วันนี้เรากำลังได้นักเตะที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่สดและมั่นใจในฝีเท้าของตัวเอง และที่สำคัญ พละกำลังของเจ้านิวที่วิ่งขึ้นวิ่งลงเป็นว่าเล่นนั้น ช่วยให้เรามีตัวเลือกที่ดีมากๆ ในแผงมิดฟิลด์เวลานี้

ธนบูรณ์ เกษารัตน์ :
หลังจากได้กลับมาเล่นในตำแหน่งที่ตัวเองถนัด "เจ้าตั้ม" ก็ได้โชว์ผลงานอย่างเต็มที่ในนามทีมชาติ แต่ผมไม่ค่อยแปลกใจกับฟอร์มแบบนี้ของเขาหรอก เพราะผมเชื่อว่าแฟนบอลเองก็มั่นใจว่า ถ้าเขาได้เล่นในตำแหน่งถนัดถนี่เช่นนี้ เราก็จะได้เห็นประโยชน์ในตัวเขามากขึ้นไปอีก แน่นอน...ฟันธง!!!

xxx3
ธีราทร บุญมาทัน :
ถูกขยับให้ดันสูงมาเล่นในแผงกองกลาง โดยให้อิสระเต็มที่จากผู้เป็นโค้ช และดูเหมือนว่าเจ้าอุ้มจะทำผลงานได้ดีทีเดียว ยิ่งเกมรอบชิงฯ เราได้เห็นลูกเล่นที่แพรวพราว บวกกับการวางบอล และจ่ายบอลที่แม่นยำ ซึ่งนี่ มันเป็นทีเด็ดที่เขามี และน่าสนใจขึ้นไปหาตัวหลักอย่างเจ้ามุ้ย และเจ้าเจ กลับคืนสู่ทีมในอนาคต  

สรรวัชญ์ เดชมิตร :
เป็นทัวร์นาเมนต์ที่เจ้าแคมป์ได้รับโอกาสโชว์ผลงานอย่างเต็มที่ แม้ว่าตลอดสองนัดเขาจะยังไม่ได้ระเบิดฟอร์มที่ยอดเยี่ยม เหมือนกับที่ทำได้ในนามสโมสร แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นความแปลกใหม่ขึ้นมานั่นคือแนวทางการเล่น รวมไปถึงเซนต์บอลที่เขามี มันก็ช่วยทำให้ประสิทธิภาพในเกมรุกของทีมมีมากขึ้น และแน่นอนว่าความเข้าใจกันในทีมน่าจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อได้เล่นร่วมกันในวันข้างหน้า     

มงคล ทศไกร :
บุรุษผู้เกิดมายิงประตู แบบถูกที่ถูกเวลา!! นักเตะสไตล์ มงคล ทศไกร คืออยู่ถูกที่ถูกเวลา เขาอาจจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมมากนัก แต่ความขยัน ความวิ่งสู้ฟัด มันคือหัวใจหลักที่เขายังคงอยู่ในทีมชาติยุคนี้ ซึ่ง 1 ประตู ในการเปิดแผลแรกของเกาหลีเหนือ คือสิ่งที่ชัดเจนว่า "จ่าเย็น" จะอยู่ในพื้นที่ลุ้นประตูได้ทุกครั้ง!

อดิศักดิ์ ไกรษร :
"เจ้ากอล์ฟ" สอบผ่านเลยนะ กับการได้เล่นในตำแหน่งหน้าเป้าตลอดสองเกม แม้จะยังไร้สกอร์ แต่ก็ต้องบอกว่าเราได้เห็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของเขาไม่น้อย การเคลื่อนที่ การเก็บบอล ถือว่า อดิศักดิ์ ไกรษร น่าจะมีอนาคตกับทีมชาติไปอีกนานทีเดียว

xxx4

ตัวสำรอง :    

ธีรเทพ วิโนทัย  : การคืนกลับสู่ทีมชาติอีกครั้งในรอบกว่า 3 ปี คือสิ่งที่เราได้เห็นความเติบโตที่มากขึ้น และลีซอ ก็ตอบโจทย์ได้ดีพอสมควรในการลงมาเปลี่ยนเกมในช่วงที่ทีมต้องการความเก๋าจากเขา   

สิโรจน์ ฉัตรทอง : ปีโป้ แม้จะลงมาแล้วสร้างความจี๊ดจาดในริมเส้น แต่เขาต้องไปปรับอีกเยอะในการหาโอกาสสับไกลภายในกรอบเขตโทษบ้าง

ฟิลิปป์ โรลเลอร์ : เป็นแบ็คขวาที่สามารถเล่นเป็นปีกได้ และเขาได้โอกาสสั้นๆ ในท้ายเกมของรอบชิง ซึ่งต้องบอกว่าใช้ได้ทีเดียว

xxx2
มิโลวาน ราเยวัช : ผู้ฝึกสอน

กุนซือเลือดเซิร์บ ใช้เวลาไม่นาน แต่เราก็พอจะเห็นอะไรในตัวของเขาบ้าง การออกไปชมเกมไทยลีกที่สนามตลอด ทำให้เขาได้เห็นฟอร์มของนักเตะไทยหลายๆคน จนนำมาสู่การเรียกตัวสู่ทีมชาติ

จุดที่เด่นชัดเจนของการทำทีมยุคใหม่นี้ คือ "เกมรับ" ซึ่งนี่คือ "หัวใจ" ที่จะนำพาทีมชาติไทยไปสู่อนาคต

ข้อหนึ่งที่เราต้องยอมรับความจริง คือเราต้องรู้ว่าศักยภาพของทีมชาติไทยเรามันได้ระดับไหน การจะเปิดหน้าแลกในทุกๆเกมก็ใช่เรื่อง เพราะที่ผ่านเราก็แทบจะใช้คำว่าเจ็บมาเยอะ! 

สิ่งที่ผ่านมาใน 4 เกมในยุคของลุงวัช เราได้เห็นทั้งตัวผู้เล่นใหม่ที่ฟอร์มเข้าตา และเรายังได้เห็นการเล่นเกมรับที่แน่นแบบที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนานเช่นนี้

และที่สำคัญการให้โอกาสนักเตะที่อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในห้วงเวลานั้นๆ คือสิ่งที่ถือว่าเป็นข้อดีที่ทำให้นักเตะหน้าใหม่พร้อมแสดงสักยภาพของตัวเอง ให้นายใหญ่ทีมชาติไทยเห็น เพื่อลุ้นสร้างโอกาสของตัวเองในนามทีมชาติชุดใหญ่ที่หลายคนใฝ่ฝัน


 

 



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook