ESPN : "แข้งช้างศึก" ส่งสัญญาณเตือน "ออสเตรเลีย" ด้วยแชมป์คิงส์คัพ

การไม่เสียประตูเลยในสองเกมที่ผ่านมา จนช่วยให้ทีมชาติไทย สามารถคว้าแชมป์คิงส์คัพ ไปครองได้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับ "ขุนพลช้างศึก" ก็คือการมีเกมรับที่เหนียวแน่น และถือเป็นสิ่งที่ ทีมชาติออสเตรเลีย ต้องเอาไปขบคิดสำหรับเกมที่จะเจอกันในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่เมลเบิร์น ในช่วงเดือนกันยายน นี้

กวิน ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตู ได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ของเกม หลังสามารถป้องกันลูกยิงของนักเตะเบลารุส ในการดวลจุดโทษได้ถึงสองครั้ง หลังในเวลาเสมอกัน 0-0 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน นอกจากนี้เจ้าตัวยังทำคลีนชีตได้ในเกมนัดแรกที่เป็นฝ่ายไล่ถล่ม เกาหลีเหนือ 3-0

อย่างที่รู้กันดี เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา "ซอคเกอร์รูส์'' ทำแต้มหายไป 2 คะแนน ในการเจอกับทีมชาติไทย หลังทำได้แค่บุกเสมอพวกเขา ที่กรุงเทพฯ 2-2 โดยในเกมนั้น เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นกุนซือของทีม ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวได้ลาออกจากการคุมทีมไปแล้ว หลังพาทีมแพ้แบบหมดรูปต่อ ซาอุดิอาระเบีย และญี่ปุ่น ในเดือนมีนาคม ซึ่งทั้งสองนัดดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนในการเล่นเกมรับของทีมไทยได้อย่างชัดเจน

แต่ภายใต้การคุมทีมของ มิโลวาน ราเยวัช เทรนเนอร์ชาวเซอร์เบีย "ขุนพลช้างศึก" กลับเสียเพียงแค่ประตูเดียวจาก 3 เกมหลังสุด แถม 1 ประตูที่เสีย ยังเป็นการเสียประตูในช่วงทดเจ็บในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่เสมอกับ ยูเออี 1-1 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา

ในวันที่กุนซือชาวเซิร์บเข้ารับตำแหน่งต่อจาก "โค้ชซิโก้" เขาประกาศทันทีว่าจะแก้ไขจุดอ่อนในแนวรับเป็นลำดับแรก ซึ่งแม้คู่ต่อสู้ในศึกคิงส์คัพที่ผ่านมา อย่าง เกาหลีเหนือ และเบราลุส จะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก เมื่อเทียบกับการเจอกับ ทอม โรยิช และผู้เล่นของทีมชาติออสเตรเลีย ในเกมที่สำคัญอย่างฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

แต่อย่างไรก็ตาม การตั้งเป้าหมายในการรักษาความเหนียวแน่นในเกมรับเป็นอันดับแรกของ ราเยวัช อาจส่งผลให้ลูกทีมของเฮดโค้ช อันเก ปอสเตโคกลู พบเจอกับความยากลำบากมากยิ่งขึ้นในเกมการแข่งขันที่พวกเค้าจำเป็นที่จะต้องเอาชนะให้ได้ เพื่อโอกาสในการไปฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซียในปี 2018 ด้วยโควต้าการเข้ารอบอัตโนมัติ

ผลเสมอกับ ยูเออี ในกรุงเทพเมื่อเดือนที่แล้ว ได้ทำลายความหวังของพวกเค้าอย่างสิ้นเชิงในการเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก แม้ว่า ชาวไทย อาจไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้วนอกจากความภาคภูมิใจในการลงเล่นเพื่อชาติ แต่พวกเขาต่างก็มีความมุ่งมันที่จะเก็บแต้มให้มากกว่า 2 แต้มที่มีอยู่ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่น่าผิดหวังครั้งนี้

แม้ทีมคู่แข่งของพวกเค้าอาจจะไม่ได้ส่งทีมที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าร่วมการแข่งขัน แต่ทีมชาติไทยก็เช่นเดียวกัน พวกเค้าขาดผู้เล่นกำลังหลักหลายคน เช่น กองหน้าอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และแบ็คขวา ทริสตอง โด ซึ่งต้องถอนตัวออกไปด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ ในขณะที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ถูกขอตัวเอาไว้เพื่อให้เค้าได้ปรับตัวกับการเริ่มต้นการค้าแข้งกับ ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ ทีมจากเจลีก

แม้ว่าจะเป็นเจ้าภาพก็ตาม ราเยวัช เริ่มต้นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศด้วยผู้เล่นชุดเดิม โดยมี อดิศักดิ์ ไกรษร ยืนเป็นหน้าเป้าเดี่ยวๆหน้าแผงกองกลาง 5 คน ขณะที่ ธีราธร บุญมาทันได้รับบทบาทที่สูงขึ้นทางฝั่งซ้าย ซึ่งทำให้เค้าเป็นอิสระมากขึ้นจากการเล่นเกมรับ ซึ่ง "โค้ชมิโล" คงมองเห็นแววในการเอาความสามารถในการเล่นเกมรุกของนักเตะจากเมืองทองฯ ผู้นี้มาใช้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

แม้แนวทางในการเล่นของทีมชาติไทย จะดูลดความสนุกลงไป และมีไม่บ่อยครั้งที่พวกเขาจะต่อบอลทำชิ่งกันสวยๆหลายจังหวะ เหมือนในยุคของ "โค้ชซิโก้" แต่นั่นอาจเป็นเพราะสภาพสนามที่ค่อนข้างแย่ อย่างไรก็ตาม การคว้าแชมป์คิงส์คัพที่ผ่านมา คงจะทำให้นักเตะในทีมมีความมั่นใจมากขึ้น ก่อนที่จะมีโปรแกรมที่จะเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติอิรัก และ บุกไปเยือน ออสเตรเลีย ในเดือนกันยายน

มิโลวาน ราเยวัช ที่เคยรับงานคุมทีมชาติกานา ไม่ใช่ของใหม่สำหรับ "ทัพซอคเกอร์รูส์'' เพราะเคยเจอกันมาแล้วในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ เป็นเจ้าภาพ โดยผลการแข่งขันจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1 และเขาคงมั่นใจว่าจะได้ผลการแข่งขันที่แตกต่างออกไปในเกมที่จะต้องบุกเยือน เมลเบิร์น ในเดือนกันยายน แน่นอน

เขียนโดย Paul Murphy (Twitter: @PaulMurphyBKK )