10แข้งดังไร้บัลลังก์กุนซือ

10แข้งดังไร้บัลลังก์กุนซือ

10แข้งดังไร้บัลลังก์กุนซือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การเป็นนักเตะที่เก่งกาจอาจใช้แค่พรสวรรค์และพรแสวง แต่ใครเล่าทราบบ้างว่าการเป็นกุนซือที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้...ต้องใช้อะไร

แม้ปัจจุบันวงการฟุตบอลจะเข้าสู่ยุคทุ่มเงินซื้อความสำเร็จ แต่องค์ประกอบของแต่ละสโมสรที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุด หาใช่แค่มีเพียงดาวเตะชื่อดังอยู่ในทีมเท่านั้น

แน่นอนว่าตำแหน่งที่สำคัญที่สุด คือ "กุนซือ" ผู้ที่ยืนอยู่ข้างสนาม แต่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนฟลอร์หญ้า และเป็นผู้เนรมิตความสำเร็จสู่สโมสร

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่บรรดาผู้จัดการทีมอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, อาร์แซน เวนเกอร์, อังเดร วิลลาส โบอาส หรือแม้กระทั่ง แฮร์รี่ เรดแนปป์ จะไม่เป็นที่รู้จักในนามพ่อค้าแข้ง

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งกุนซือยังเป็นความฝันของเหล่านักเตะชื่อดังแทบทุกคน แต่หลายรายก็ต้องก้มหน้ายอมรับกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

ฉบับนี้ กระผม "Julilme" หนึ่งในน้องน้อยทีมงาน "ฮอตสกอร์" จึงขอนำท่านผู้อ่านที่เคารพไปรู้จักกับ 10 แข้งชื่อดังผู้ไร้บัลลังก์กุนซือ...เชิญทัศนาขอรับ

โทนี่ อดัมส์

โทนี่ อเล็กซานเดอร์ อดัมส์ มีอาชีพการค้าแข้งที่ยอดเยี่ยม และขึ้นชั้นผู้เล่นระดับตำนานของ อาร์เซนอล ซึ่งสามารถช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย และเอฟเอ คัพ 3 สมัย ตลอดระยะเวลา 22 ปี

หลังแขวนเกือก อดัมส์ ตัดสินใจเข้าทำงานเบื้องหลังทันที ก่อนเข้ากุมบังเหียน วีคอมบ์ วันเดอเรอร์ส ช่วงปลายปี 2003 แต่ไม่สามารถนำทีมรอดตกชั้นจากลีกทูได้สำเร็จ และยื่นซองขาวลาออกจากตำแหน่ง

ปี 2005 อดัมส์ เดินทางไปรับหน้าที่สตาฟฟ์โค้ชให้ เฟเยนอร์ด และ อูเทร็ชท์ ในลีกดัตช์ ก่อนเดินทางกลับมานั่งแท่นมือขวา แฮร์รี่ เรดแนปป์ ที่ ปอร์ทสมัธ ในปี 2006

การจากไปของ เรดแนปป์ ทำให้ อดัมส์ ได้รับการแต่งตั้งขึ้นกุมบังเหียนเต็มตัวในปี 2008 แต่โดนเด้งพ้นตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนถัดมา หลังนำทีมเก็บได้เพียง 10 คะแนน จาก 16 เกม

อดัมส์ ยังไม่ละความพยายาม ปี 2010 เขาตัดสินใจจรดปากเซ็นสัญญา 3 ปี ย้ายคุมทัพ กาบาล่า เอฟซี ในอาเซอร์ไบจาน แต่เก็บข้าวของกลับอังกฤษก่อนจบฤดูกาล หลังครอบครัวไม่สามารถปรับตัวได้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน

เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน คือดาวเตะระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ทีมชาติอังกฤษ และวงการลูกหนังโลก ซึ่งกวาดแชมป์มากมายมาประดับโกดัง

ลูกศิษย์คนเก่งของ เซอร์แม็ตต์ บัสบี้ ตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งผู้เล่น-ผู้จัดการทีม เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ในปี 1973 และดึงเพื่อนซี้อย่าง น็อบบี้ สไตล์ส มารับบทผู้เล่น-โค้ช

อย่างไรก็ตาม ซีซั่นแรกในชีวิตกุนซือของ เซอร์บ็อบบี้ คือการมองดู เปรสตัน ร่วงตกชั้นสู่ดิวิชั่น 3 ก่อนตัดสินใจลาออกในซีซั่นถัดมา หลังไม่พอใจที่บอร์ดบริหารขายกองหลังตัวเก่งอย่าง จอห์น เบิร์ด ให้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

ปี1983 เซอร์บ็อบบี้ เข้ารับหน้าที่ผู้อำนวยการให้ วีแกน แอธเลติก และอาสากุมบังเหียนชั่วคราวในซีซั่นดังกล่าว และอำลาอาชีพกุนซือถาวรด้วยการขึ้นนั่งเก้าอี้บอร์ดบริหาร "ปิศาจแดง"

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พอล แกสคอยน์

พอล จอห์น แกสคอยน์ อาจมีพฤติกรรมสุดห่าม และไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากเท่าที่ควร แต่ ณ เวลานั้น เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในดาวเตะที่ดีที่สุดในโลก

"แกสซ่า" จัดเป็นนักเตะจอมพเนจรคนหนึ่งของวงการฟุตบอล โดยผ่านการเล่นให้กับ นิวคาสเซิล, ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์, ลาซิโอ, เรนเจอร์ส, มิดเดิลสโบรห์, เอฟเวอร์ตัน และ เบิร์นลีย์

ปี 2003 แกสคอยน์ โยกไปรับหน้าที่ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม กานซู เทียนม่า ในจีน และเซ็นสัญญากับ บอสตัน ยูไนเต็ด ในปี 2004 แต่ทำงานไปเพียง 3 เดือน เจ้าตัวก็ตัดสินอำลาตำแหน่ง หลังสโมสรไม่อนุญาตให้เขาไปออกรายการเรียลลิตี้โชว์

แกสคอยน์ ตัดสินใจเดินทางกลับอังกฤษ เข้ารับตำแหน่งกุนซือ เคเทอริ่ง ทาวน์ ในปี 2005 แต่ให้หลังเพียง 39 วัน เจ้าตัวก็โดนตะเพิดพ้นทีม โดยเจ้าของสโมสรแฉว่าเขาดื่มเหล้ามาทำงานแทบทุกวัน

หลังจากนั้น แกสคอยน์ ยังคงวงเวียนอยู่ในเส้นทางแห่งความมืด มีปัญหามากมายเข้ามาในชีวิตเขา โดยเฉพาะอาการเสพติดแอลกอฮอล์และโคเคน ซึ่งทำให้เขาโดนจับกุมหลายครั้ง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รุด กุลลิท

ไม่ใครปฏิเสธฝีเท้าอันเก่งกาจของ รุด กุลลิท ดาวเตะระดับตำนาน ทีมชาติฮอลแลนด์ และ เอซี มิลาน ผู้ผ่านการคว้าแชมป์มาอย่างโชกโชน และเคยร่วมงานกับเหล่ากุนซือชื่อดังอย่าง ไรนุส มิเชลส์, ดิ๊ค แอดโวคาท, ฟาบิโอ คาเปลโล่ และ สเวน โกรัน เอริคส์สัน

ปี 1996 กุลลิท ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม เชลซี หลัง เกล็นน์ ฮอดเดิ้ล อำลาตำแหน่ง และสามารถนำ "สิงห์บลูส์" คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ทันที กลายเป็นกุนซือต่างชาติคนแรกที่ซิวโทรฟี่ศักดิ์สิทธิ์ใบนี้

แต่หลังจากมีปัญหากับบอร์ดบริหาร กุลลิท โดนปลดพ้นตำแหน่งในปีถัดมา โดย เคน เบตส์ ประธานสโมสร "สิงห์บลูส์" ในเวลานั้นกล่าวว่าเขาไม่ชอบความหยิ่งยโสของดาวเตะดัตช์เลย

สถานีต่อมาของ กุลลิท คือ นิวคาสเซิล แต่ทำงานได้เพียงปีเศษก็โดนเด้งพ้นตำแหน่ง หลังดร็อป อลัน เชียเรอร์ เป็นตัวสำรอง แถมมอบเสื้อหมายเลข 7 ของกัปตันทีม โรเบิร์ต ลี ให้ คีรอน ดายเออร์

อย่างไรก็ตาม กุลลิท ยังคงวนเวียนคุมทัพต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ เฟเยนอร์ด, ลอส แองเจลีส แกแล็กซี่ และ เทเร็ค กรอซนี่ย์ แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จอีกเลย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รอย คีน

รอย มัวริซ คีน สุดยอดดาวเตะกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหนึ่งในผู้เล่นดีที่สุดตลอดกาลของ ไอร์แลนด์ ผู้ซึ่งมีคาแร็กเตอร์ความเป็นผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม

แม้ในนาม "ยักษ์เขียว" คีน จะไม่สามารถนำทีมประสบความสำเร็จใดๆ แต่ 7 แชมป์พรีเมียร์ลีก และ 1 แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ "ปิศาจแดง" ย่อมบ่งบอกคุณภาพของเขาได้เป็นอย่างดี

สมัยที่ยังค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด คีน ได้รับการยกย่องจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่ามีคุณสมบัติที่จะขึ้นมารับหน้าที่กุนซือในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อจากเขา

หลังแขวนสตั๊ดกับ เซลติก ในปี 2006 คีน ได้รับการแต่งตั้งคุมทัพ ซันเดอร์แลนด์ และนำทีมหนีจากโซนตกชั้นขึ้นมาคว้าแชมป์หน้าตาเฉย ผงาดกลับคืนสู่พรีเมียร์ลีกอย่างยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม คีน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งช่วงต้นปี 2009 โดยผันตัวไปกุมบังเหียน อิปสวิช แทน แต่ไม่เคยกลับมาทำผลงานได้ดีเช่นเคย และโดนเด้งพ้นตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม ปี 2011

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ดิเอโก้ มาราโดน่า

เชื่อว่าคงไม่มีสาวกลูกหนังรายใดบนโลกใบนี้ที่ปฏิเสธความเก่งกาจดุจพระเจ้าของ ดิเอโก้ อาร์มันโด มาราโดน่า ยอดดาวเตะระดับตำนานของ อาร์เจนตินา

สมัยที่ยังโลดแล่นสร้างความตื่นตะลึงบนฟลอร์หญ้า มาราโดน่า กวาดแชมป์ทั้งในระดับชาติและสโมสรมากองพะเนินเต็มบ้าน แถมยังมีเกียรติยศส่วนตัวอีกกระบุง

มาราโดน่า เริ่มต้นเส้นทางกุนซือเมื่อปี 1994 กับ มันดิยู เด คอร์ริเอนเตส และ ราซิ่ง คลับ สโมสรในบ้านเกิด แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ก่อนวางมือใช้ชีวิตสุขสำราญบนกองเงินกองทอง

ปี 2008 มาราโดน่า โดขึ้นรับงานคุมทัพ อาร์เจนตินา หลัง อัลฟิโอ บาซิเล่ ท่ามกลางความมึนงงของสาวก "ฟ้าขาว" เพราะตัวเลือกอื่นอย่าง คาร์ลอส เบียงคี่, เซร์คิโอ บาติสต้า หรือแม้กระทั่ง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ล้วนดูมีภาษีมากกว่า

อย่างไรก็ตาม หลังนำทีมร่วงตกรอบควอเตอร์ไฟนอล ฟุตบอลโลก 2010 มาราโดน่า ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง พร้อมเข้าคุมทัพ อัล วาเซิล ในยูเออี แต่มิวายโดนปลดจากตำแหน่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

โลธาร์ มัทเธอุส

"ซูเปอร์แมน" โลธาร์ แฮร์เบิร์ต มัทเธอุส คืออีกหนึ่งดาวเตะชื่อก้องโลก ซึ่งเคยกวาดแชมป์บนผืนพิภพนี้มาครองแทบทุกใบ แถมยังครองสถิติติดธง "อินทรีเหล็ก" มากสุดถึง 150 นัด ตลอดช่วงเวลา 20 ปี

มัทเธอุส เริ่มต้นคุมทัพกับ ราปิด เวียนนา ในออสเตรีย เมื่อปี 2001 ก่อนระเห็จไปกุมบังเหียน ปาร์ติซาน เบลเกรด และสามารถนำทีมคว้าแชมป์ลีกได้ทัน แต่ตัดสินใจอำลาสโมสรด้วยเหตุผลส่วนตัว

ปี 2004 มัทเธอุส จรดปากกาเซ็นสัญญาคุมทัพ ฮังการี และนำ "แม็กยาร์" ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 แต่เขาก็ได้รับการยกย่องถึงขนาดมอบสัญชาติฮังกาเรียนให้เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นดูเหมือนว่าเส้นทางการคุมทัพของ มัทเธอุส จะมืดมน เมื่อไม่ประสบความสำเร็จกับ แอตเลติโก้ พาราเนนเซ่, เรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก, มัคคาบี้ เนทันย่า หรือ บัลแกเรีย เลย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อลัน เชียเรอร์

"ฮอตช็อต" อลัน เชียเรอร์ ยอดดาวยิงระดับตำนานของวงการฟุตบอลอังกฤษ และผู้ครองสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีก ด้วยผลงาน 260 ประตู

เชียเรอร์ อาจเป็นผู้เล่นที่มีเกียรติยศประดับตัวเข้าขั้นยากจน แต่นั้นก็เป็นเพราะความภักดีของเขาซึ่งไม่เลือกที่จะเก็บข้าวของย้ายไปโกยเงินกับสโมสรยักษ์ใหญ่

นอกจากนี้ เชียเรอร์ ยังเป็นศูนย์หน้าสไตล์โบราณ ที่เพียบพร้อมไปด้วยพละกำลัง แต่เด็ดขาดยามจบสกอร์ ซึ่ง ทีมชาติอังกฤษ กำลังควานหาอย่างหนัก

หลังแขวนเกือก เชียเรอร์ ได้รับการทาบทามขึ้นกุมบังเหียน "สิงโตคำราม" แต่เจ้าตัวปฏิเสธไป และเริ่มเข้ารับการอบรมโค้ชอย่างจริงจังกับ ยูฟ่า ในปี 2009

เดือนเมษายน ปี 2009 "สาลิกาดง" ซึ่งกำลังเผชิญกับความตกต่ำหลังการจากไปของ เซอร์บ็อบบี้ ร็อบสัน ก็แต่งตั้ง เชียเรอร์ เข้ามาคุมทัพ แต่มิวายทำสโมสรร่วงตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ

ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ ดาวเตะเบอร์หนึ่งตลอดกาลของวงการฟุตบอลบัลแกเรียน อาจเป็นผู้เล่นที่อารมณ์ร้อน แต่ยามสัมผัสบอล เท้าซ้ายของเขาช่างชวนฝันเสียนี่กระไร

สตอยช์คอฟ อาจไม่เคยสัมผัสแชมป์โลก แต่ตลอดช่วงเวลา 7 ปี กับ บาร์เซโลน่า เขากวาดแชมป์ลีก 5 สมัย, สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย

หลังแขวนสตั๊ดกับ ดีซี ยูไนเต็ด ปี 2004 สตอยช์คอฟ เข้ารับงานกุมบังเหียน บัลแกเรีย แต่การที่เขาอารมณ์ร้อน ทำให้มีปัญหากับผู้เล่นระดับซีเนียร์และผู้ตัดสินบ่อยครั้ง ก่อนตัดสินใจลาออกในปี 2007

สถานีต่อมาของ สตอยช์คอฟ คือ เซลต้า บีโก้ แต่คุมทีมเดี๋ยวเดียวก็โดนเด้งพ้นตำแหน่ง ก่อนโยกไปแอฟริกาใต้เข้ากุมบังเหียน มาเมโลดี้ ซันดาวน์ส แต่ก็ยื่นซองขาวอำลาทีมในปี 2010

สตอยช์คอฟ ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการ โดยเป็นที่ปรึกษาให้ เอฟซี รอสตอฟ ในซีซั่น 2011/12 และปัจจุบันรับหน้าที่กุนซือ ลิเท็คส์ โลเวช ในบ้านเกิด

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

มาร์โก ฟาน บาสเท่น

มาร์โก ฟาน บาสเท่น คือหนึ่งในดาวยิงที่ดีที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา ด้วยสถิติการพังประตูสุดเหลือเชื่อในนาม ฮอลแลนด์, ไอแอ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ เอซี มิลาน

302 ประตู ตลอดช่วงเวลาค้าแข้ง 434 นัด สามารถบ่งบอกความยอดเยี่ยมได้เป็นอย่างดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าตัวจะมีเหรียญไว้ประดับบ้านมากมาย

หลังแขวนสตั๊ดกับ เอซี มิลาน ในปี 1995 ฟาน บาสเท่น เข้าจับงานกุนซือ ไอแอ๊กซ์ บี ทันที และเพียง 9 ปีให้หลัง เขาก็ได้รับโอกาสคุมทัพ ฮอลแลนด์

ฟาน บาสเท่น ตัดสินใจเข้ามาถ่ายเลือดใหม่ให้ "อัศวินสีส้ม" ด้วยการดร็อปผู้เล่นอย่าง คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, เอ็ดการ์ ดาวิดส์, พาทริค ไคลเวิร์ต และ รอย มาคาย แต่เรียก เดนนิส เบิร์กแคมป์ กลับสู่ทีมชาติ

อย่างไรก็ตาม ผลงานในฟุตบอลโลก 2006 และ ยูโร 2008 ทำให้ ฟาน บาสเท่น ไม่ได้รับการต่อสัญญา ก่อนมาลงเอยกับสโมสรในบ้านเกิดอย่าง ฮีเรนวีน ณ เวลานี้

 

เรื่องโดย "Julilme"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook